เกิดมาทั้งชีวิตเชื่อว่า “คนที่อยู่ในตอนนี้”ไม่มีทางเคยเห็นแบบสดๆ แบบนี้
“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลชิงเจ้าทวีป หรือ ยูโร 2020 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ
บันทึกคือ อังกฤษ มาไกลสุดคือรอบรองชนะเลิศรายการนี้ 2 ครั้ง โดยเกิดขึ้นหนสุดท้ายเมื่อ 25 ปีก่อน
เข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปี นับจากเข้าชิงและเป็นแชมป์โลก ปี 1966 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ
หนนี้พวกเขาก็เหมือนกับเป็นเจ้าภาพกลายๆ เพราะได้สิทธิ์จัดแข่งขันมากที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น ตลอดเส้นทางที่ลงเล่นไปแล้ว 6 นัด ได้เล่นในนิว เวมบลีย์ ถึง 5 เกม
ถามใครก็ยากที่จะตอบได้กับภาพความทรงจำเมื่อ 55 ปีก่อน ที่ทัพทรีไลออนส์ เข้าชิงฟุตบอลโลก เพราะตอนนั้นเรายังอยู่ในยุคโทรเลข
เวลานั้น ค.ศ.1966 หรือ พ.ศ.2509 กรมไปรษณีย์โทรเลข ได้เปิดให้ใช้บริการเทเลกซ์เป็น ครั้งแรกได้แค่ 3 ปีเท่านั้น
กระทั่งปัจจุบันเป็นยุคที่คนสามารถโดนฟ้องได้ถ้ามือพาจนผ่านโลกออนไลน์ ที่เข้าถึงได้แบบวินาที/วินาที
อังกฤษ เข้าชิงถือเป็น “ของแปลก” ที่ผ่านมานั้นพวกเขาถือเป็น “ของรัก” ของแฟนบอล และ “แอบให้กำลังใจ” หรือบางคนคือทั้งรักทั้งเกลียด
ผมเคยนั่งสนทนากับกลุ่มสหายสนิทชนิดใส่ฟันปลอมซึ่งกันและกันได้ มีข้อสรุปที่น่าสนใจว่า “อังกฤษ”ละม้ายคล้ายกับ“รักแรก” ของคนดูฟุตบอลในยุค 80 ปลายและ 90 ตอนนั้น ที่เราได้รับรู้ข่าวแต่อังกฤษเป็นหลัก
จากนั้นคุณจะสมหวังหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ จะไปพบกับ “รักครั้งใหม่” หรือ “รักแท้”นั่นเป็นอีกเรื่อง
เชียร์อังกฤษ ก็อาจมีชีวิตเหมือนกับ “สมีกอล” หรือ “กอลลัม” แห่ง “เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง” เพราะมีสองบุคลิกในคราเดียวกันหลายต่อหลายครั้ง
สำหรับผมที่ตัดสินใจเดินทางหา“รักครั้งใหม่” เมื่อปี 2006 บรรยายเกมนี้ในแบบฉบับ “บอลหูยูโร” ทาง FM99อสมท อยู่ๆ ก็แอบคิดเหมือนกันว่า อยากจะให้อังกฤษเข้าชิงฯ
นั่นเพราะอยากจะเห็นกับตาเหมือนกันว่า อังกฤษ เมื่อเข้ารอบชิงฯแล้ว จะเป็นอย่างไร อยากรับรู้บรรยากาศ และโมเมนท์ที่ไม่เคยได้สัมผัส ดังนั้นก็จะไม่เสียใจ หาก “เทพนิยายเดนส์ ภาคสอง” จะไม่เกิด
เพราะภาคแรกของ “เทพนิยายอังกฤษ”มีความน่าสนใจกว่า.......
อย่างไรก็ตาม ประเด็นมันเกิดขึ้นมากมายกับชัยชนะครั้งนี้ ที่ยังต้องถกเถียงกันต่อไป แม้ว่าปัจจุบันจะมี “เทคโนโลยี” เข้ามาช่วยตัดสินอย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อมนุษย์ขี้เหม็นยังเป็นคนตัดสินใจ
“เทคโนโลยี” มันก็สามารถกลายเป็น “เทคโนโลเล” ได้ไม่ยาก
ชัดเจนก็คือการเก็บตก 3 ประเด็นจากนัดนี้ที่ชัดเจนมากๆ ที่ทำให้ “ชัยชนะ”ของแข้งผู้ดี ดูมี “ครหา”
1.ก่อนจะมีจุดโทษตัดสินเกมมีลูกฟุตบอลในสนาม 2 ลูก แต่ไม่ได้ถูกเป่าหยุดเกม
2.จังหวะต่อจากนั้นการได้จุดโทษของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง “ไม่เคลียร์”
3.แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โดนยิงเลเซอร์ใส่ก่อนจังหวะเซฟ
นานาจิตตัง และไปยาลใหญ่มากมายเกิดขึ้น เมื่อดูว่าผู้ตัดสินยังคงมี “สองมาตรฐาน” ในการทำงานต่อไป แม้ว่าจะมี“เทคโนโลยี” มาเพื่อลดความผิดพลาดของมนุษย์
เอาเข้าจริง วีเออาร์ หรือ วีดีโอช่วยในการตัดสินในยูโร ถูกยกย่องว่า ดีงามมาโดยตลอด นั่นเพราะหลายคนคุ้นชินกับพรีเมียร์ลีก ที่ห่วยแตก ทั้งที่ลีกอื่นๆ นั้น VAR คือพระเอกมาหลายงาน
พอดีว่า การตัดสินครั้งนี้เป็น อังกฤษ ที่ได้สิทธิ์บวก และเป็นช็อตตัดสินเกมรวมถึงคนล้มคือ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง มันเลยเป็นการบวกไปอีกหลายแรงเรียม
สุดท้ายแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่มีฟุตบอล ย่อมมีผู้สมหวัง และผิดหวัง
สุดท้ายแล้ว ชีวิตก็ดำเนินต่อไป ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก และมีความสุข
ท้ายที่สุดแล้ว การได้เห็น อังกฤษเข้าชิงฯเป็นครั้งแรก จะเป็น “ปรากฏการณ์”ของวงการฟุตบอล โดยที่ไม่ต้องบอกว่ายูฟ่า อยากให้ได้ชิงเพราะทำมูลค่าได้อันนั้นไม่แปลกที่จะคิด เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงมีบางสิ่งที่ร้ายกาจกว่านั้น และย่ำแย่ไปกว่านั้น
ทีนี้น่าสนใจตรงนัดชิงชนะเลิศ กรรมการจะถูกจับตามมองอย่างมาก และเกมในสนามที่หลายคนบอกว่า “ดรีม ไฟน่อล”ที่ประกบคู่จับสายมาในรอบรองฯว่า“ควรจะเป็นคู่นี้” ในฐานะผู้ชมก็ถือเป็น “กำไร” หากจะวิจารณ์ก็วิจารณ์กันได้กันตามความเหมาะสม สุภาพ และสมควรแห่งความพองาม
ที่สำคัญคือ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ก็ไม่เคยเห็น อิตาลี เจอกับ อังกฤษ ในวันสุดท้ายของทัวร์นาเมนท์
ถือเป็น “โบนัส” ของฝ่ายจัด และเป็น “โบนัส” ของแฟนบอล
ฝ่ายจัดได้รับโบนัส เพราะลงทุนไปคุ้มค่าที่ได้คู่มาชิง ส่วนแฟนบอลนี่โบนัสตลอดกาล
ยังไงก็ได้ทั้งชม และได้ทั้งด่าอย่างชุ่มฉ่ำใจสบายปอดเหมือนทุกครา
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี