การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 16 หรือ ยูโร 2020 เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเล่นกันที่ นิว เวมบลีย์ สเตเดี้ยม มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ “อัซซูรี่” ทีมชาติอิตาลี แชมป์ 1 สมัย จะพบกับ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ที่เข้าชิงรายการนี้หนแรกในประวัติศาสตร์
อิตาลี เป็นหนึ่งในทีมเจ้าภาพร่วมหนนี้ แต่เกมนี้มาเล่นใน เวมบลีย์ เปรียบเสมือนว่าพวกเขามาเยือน แถมแฟนบอลยังเดินทางมาชมไม่ได้ เนื่องจาก อิตาลี นั้นอยู่ในลิสต์ประเทศที่ต้องกักตัว10 วัน เหมือนกับในรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมา แฟนสเปนเข้าออกประเทศได้แบบไม่ต้องกักตัว แต่พวกเขาก็ผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยกาดวลจุดโทษที่แม่นยำกว่า
ความพร้อมเกมนี้ไม่มี เลโอนาร์โด้ สปีนาซโซล่า ที่บาดเจ็บกลับไปรักษาตัวแล้ว ที่ยังต้องรอเช็คความฟิตคือ อเลสซานโดรฟลอเรนซี่ และเฟเดริโก้ เคียซ่า เชื่อว่าโรแบร์โต้ มันชินี่ อาจจะปรับทัพบางตำแหน่งเน้นความสดของผู้เล่นเป็นหลัก แต่ยังคงใช้แผน 4-3-3 เหมือนเดิม เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ และจอร์โจ้ คิเอลลินี่ยืนเป็นคู่ปราการหลัง ส่วนแดนกลางวาง จอร์จินโญ่ เล่นร่วมกับ นิโกโล่ บาเรลล่า และมาร์โก แวร์รัตติ สามประสานแนวรุกคาดว่า โดมินิโก้ เบราร์ดี้ น่าจะได้ออกสตาร์ทก่อน เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ไม่สมบูรณ์ ประสานงานกับ ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่
ทางฝั่ง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ เข้าชิงรายการนี้หนแรกในประวัติศาสตร์ ได้เล่นในฐานะเจ้าบ้านอีกครั้ง โดย 6 เกมที่ผ่านมาเฝ้ารังเวมบลีย์ ไปถึง 5 นัด ออกไปเล่นนอกบ้านแค่เกมเดียวคือการถล่มเอาชนะ ยูเครน 4-0 ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก้ กรุงโรม ประเทศอิตาลี นอกนั้นเป็นการเล่นในรังทั้งสิ้น นัดล่าสุดเพิ่งต่อเวลาพิเศษเอาชนะ “โคนม” เดนมาร์ก 2-1 จากจุดโทษปัญหาของ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง
แกเร็ธ เซาธ์เกต ถือว่าฟูลทีมไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน อาจจะมีอาการล้าบ้างเพราะได้พักน้อยกว่า 1 วันมีแนวโน้มว่ากุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะใช้ผู้เล่นชุดเดิมแบบยกแผนเล่นในระบบ 4-2-3-1 จอร์แดน พีคฟอร์ด เสียประตูแรกในทัวร์นาเมนท์นี้ แต่ยังทำลายสถิติไม่เสียประตูยาวนานที่สุดในนามทีมชาติอังกฤษของ กอร์ดอน แบงค์ส ที่เคยทำไว้ 720 นาที ส่วนของ พีคฟอร์ด คือ 725 นาที จะได้ลงเฝ้าเสาต่อไป คู่กลางใช้ เคลวินฟิลิปป์ส และเดแคลน ไรซ์ เหมือนเดิม แผงเกมรุก บูกาโย่ ซาก้าดาวรุ่งจากอาร์เซนอล ที่เล่นแล้วมีความสมดุลจะได้ลงตัวจริงประสานงานกับ เมสัน เม้าท์ และราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดยมีแฮร์รี่ เคน ที่ยิงไปแล้ว 4 ประตู ลงล่าตาข่าย
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม อิตาลี (4-3-3): จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่, เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, จอร์โจ้คิเอลลินี่, เอแมร์ซอน พัลมิเอรี่, นิโกโล่ บาเรลล่า, จอร์จินโญ่, มาร์โกแวร์ริตติ, โดมินิโก้ เบราร์ดี้, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และลอเรนโซ่ อินซินเญ่
อังกฤษ (4-2-3-1): จอร์แดน พีคฟอร์ด, ไคล์ วอล์คเกอร์,จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, ลุค ชอว์, เคลวิน ฟิลิปป์ส,เคแดลน ไรซ์, บูกาโย่ ซาก้า, เมสัน เม้าท์, ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และแฮร์รี่ เคน
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมาแล้ว 27 ครั้งในทุกรายการ อังกฤษ ชนะ ได้ 8 เสมอ 9 และอิตาลี ชนะ 10ในศึกยูโร 2012 เจอกันในรอบ 8 ทีม วันนั้นเสมอไปแบบไม่มีสกอร์0-0 ก่อน อิตาลี จะดวลจุดโทษเอาชนะไปได้ และในศึกฟุตบอลโลก 2014 ก็มาเจอกันในรอบแบ่งกลุ่ม อิตาลี ย้ำแค้นเฉือนเอาชนะ 2-1 จากประตูชัยลูกโขกของ มาริโอ บาโลเตลลี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี