“เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกา สเปน กำลังเดินหน้าในเส้นทางที่ต้องเผชิญต่อไปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างที่ทุกคนทราบปัญหาใหญ่ของทัพ “อาซูลกราน่า” จากสิ่งที่ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรคนเก่าทำเอาไว้นั่นก็คือการที่เวลานี้สโมสรมีหนี้สะสมถึง 1,170 ล้านยูโร(ราว 46,013 ล้านบาท) สืบเนื่องมาจากการซื้อขายนักเตะ,การเผชิญวิกฤตโควิด-19 รวมถึงค่าเหนื่อยนักเตะที่คิดเป็น 103% ของรายรับทั้งหมด
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้สโมสรไม่สามารถเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ ลีโอเนล เมสซี่ ดาวเตะระดับตำนานของทีมได้ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่เพียงยอดแข้งอาร์เจนไตน์รายเดียวที่ต้องอำลาถิ่น คัมป์ นูแต่ยังมีอีกหลายรายที่ โรนัลด์ คูมัน กุนซือชาวดัทช์ ตัดสินใจที่จะโละทิ้ง เพื่อพยุงงบการเงินของสโมสรให้เดินหน้าต่อไป
ไม่ว่าจะเป็น อองตวน กรีซมันน์ ที่ย้ายกลับไปยัง แอตเลติโกมาดริด ทีมเก่าด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี รวมไปถึง มิราเล็ม เปียนิชที่ย้ายไปเล่นให้กับ เบซิคตัส ทีมในลีกตุรกี หรือแม้กระทั่ง เอเมอร์สันรอยัล แบ๊กขวาที่ย้ายไป ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ด้วยค่าตัว25 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตามการที่ในฤดูกาลนี้ทัพ “อาซูลกราน่า” ได้เสริมทัพนักเตะเข้ามาหลายรายเช่นกันไม่ว่าจะเป็น เมมฟิส เดปาย(ฟรี จาก โอลิมปิก ลียง), เอริค การ์เซีย (5 ล้านยูโร จากแมนเชสเตอร์ ซิตี้), เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ (ฟรี จาก แมนเชสเตอร์ซิตี้ ) หรือ ลุค เดอ ยอง (ยืมตัวจาก เซบีญ่า)
นั่นก็พอที่จะทำให้เรามองเห็นถึงอนาคตของทีมที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคใหม่เช่นกัน ซึ่งนอกจากการเสริมทัพ จะมีอะไรที่เป็นกุญแจสำคัญในการพาสโมสรแห่งแคว้นคาตาลัน เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง
ลาปอร์ต้า ผู้กอบกู้วิกฤติสโมสร
นับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. ที่ โจน ลาปอร์ต้า ได้ก้าวเข้ามานั่งในตำแหน่งประธานสโมสร มีหลายสิ่งมากมายที่เขาต้องแก้ไขความพังพินาศที่ บาร์โตเมว อดีตประธานสโมสรได้ก่อเอาไว้
หนึ่งในการบริหารที่ ลาปอร์ต้า สมควรได้รับเครดิตมากที่สุดนั้นก็คือการที่สามารถทำให้บัญชีรายรับ-รายจ่ายของสโมสรกลับมาสมดุล จนสามารถลดเพดานค่าเหนื่อยลงมาได้ตามกฎของลาลีกา ทั้งการปล่อยนักเตะส่วนเกินออกจากทีม หรือการขอให้แข้งซีเนียร์ยอมลดค่าเหนื่อยลงมา จนสุดท้ายบัญชีสโมสรกลับมามียอดเป็นบวกถึง 63 ล้านยูโร และจะได้รับเพิ่มเป็น160 ล้านยูโร ในปี 2022 นั่นหมายความว่าในซัมเมอร์หน้าบาร์เซโลน่า จะสามารถกลับมาเสริมทัพได้แบบเต็มสูบอีกครั้ง
แม้ว่าสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดที่แฟนบอลทุกคนหวังคือการพยายามจะรั้งตัว เมสซี่ ให้อยู่กับทีมต่อไปจะไม่เป็นผล แต่สิ่งที่ ลาปอร์ต้า ได้เข้ามากอบกู้กับซากปรักหักพังที่เกิดขึ้น มันก็พอจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ว่า สโมสรแห่งนี้จะสามารถผ่านพ้นวิกฤตและกลับมาประสบความสำเร็จได้อีกครั้งในอีกไม่ช้า
โจน ลาปอร์ต้า กับภารกิจมากมายที่ต้องเข้ามาแก้ไขในสโมสรบาร์เซโลน่าหลังเข้ารับตำแหน่งประธานสโมสร ตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ผู้นำทีมคนใหม่
หลังจากที่ กัปตันทีมอย่าง เมสซี่ ที่ลาถิ่น คัมป์ นูไป คูมันก็ได้ทำการแต่งตั้งกัปตันทีมชุดใหม่ขึ้นมาถึง 4 คน ประกอบไปด้วยเซร์กิโอ บุสเกตส์, เคราร์ด ปิเก้, เซร์กี้ โรเบร์โต้ และ ฆอร์ดี้ อัลบาซึ่งสิ่งแรกที่ผู้นำทีมทั้ง 4 รายนั้นทำก็คือ การยอมลดค่าเหนื่อยกันทั้งหมดกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสิ่งดังกล่าวจะช่วยให้นักเตะใหม่ที่ย้ายเข้ามา สามารถลงทะเบียนได้ แบบไม่ผิดกฎการเงินของศึก ลา ลีกา ไม่ว่าจะเป็น เมมฟิส เดปาย, ,เซร์คิโอ อเกวโร่,เอริค การ์เซีย
ส่วนเรื่องความเป็นผู้นำทีมในสนาม ต้องบอกว่าเวลานี้แข้งอย่าง เฟรงค์กี้ เดอ ยอง ห้องเครื่องชาวดัทช์ นั้นก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของทีมอย่างเต็มตัว รวมไปถึง เปดรี้ วันเดอร์คิดส์ทีมชาติสเปน ที่พร้อมแบกทีมเต็มสูบ หรือกระทั่งแนวรุกหน้าใหม่อย่าง เมมฟิส เดปาย ที่จะกลายเป็นหัวหอกตัวความหวังของทีมในยุคนี้เช่นกัน
ฟาติ ผู้สานต่อหมายเลข 10
จากที่เสื้อหมายเลข 10 ของบาร์เซโลน่า ต้องว่างลงอีกครั้งหลังจากที่ เมสซี่ โบกมือลาสโมสร ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” อาจจะสงวนเบอร์ดังกล่าวให้กับแข้งดังที่กำลังจะย้ายมาใหม่ในอนาคต และพร้อมจะปล่อยให้เบอร์ดังกล่าวว่างลงอย่างน้อยหนึ่งฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม ด้วยกฎของลาลีกา สเปน ที่นักเตะชุดใหญ่ทุกคนจะต้องสวมเสื้อหมายเลข 1-25 นั่นทำให้ บาร์ซ่า ได้ตัดสินใจมอบเสื้อแห่งตำนานให้กับ อันซู ฟาติ วันดอร์คิดส์แห่งวงการลูกหนังวัย 18 ปี ให้เป็นเจ้าของคนใหม่ตั้งแต่ฤดูกาล 2021-22เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ ฟาติ นั้นเคยสวมเสื้อเบอร์ 22 และ 17และในฤดูกาลนี้เขาจะได้เสื้อหมายเลข 10 อย่างเต็มภาคภูมิ อย่างไรก็ตามการที่เบอร์ดังกล่าว นั้นเคยเป็นเสื้อของผู้เล่นระดับตำนานอย่าง ลีโอเนล เมสซี, โรนัลดินโญ่ และ ริวัลโด้ นั่นจะทำให้เขาต้องแบกรับความกดดันอย่างมหาศาลเอาไว้
อย่างไรก็ตามจากผลงานที่เจ้าตัวเคยทำเอาไว้เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ก่อนจะได้รับบาดเจ็บ รวมทั้งยังเป็นแข้งที่ก้าวขึ้มาจากทีมชุดลามาเซียด้วย เชื่อว่าคงไม่มีใครเหมาะสมกับเบอร์นี้เท่าเจ้าตัวอีกแล้ว ทั้งนี้คาดว่า ฟาติ นั้นจะกลับมาลงสนามได้อย่างเป็นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนนี้ ก็หวังว่าแฟนบอล “เจ้าบุญทุ่ม” ทุกคนจะส่งแรงใจให้เขากลับมาลงสนามและโชว์ฟอร์มสุดยอดให้กับทีมได้อีกครั้งในเร็ววัน
อันซู ฟาติ วันเดอร์คิดส์ วัย 18 ปี เข้ามาสวมเสื้อหมายเลข 10 ของบาร์เซโลน่าคนใหม่ต่อจากลีโอเนล เมสซี่
โรนัลด์ คูมัน กับโอกาสสุดท้าย
ผลงานที่พาทัพ “เจ้าบุญทุ่ม” จบที่อันดับ 3 ในลาลีกาสเปน โดยมีแต้มตามหลัง แอตเลติโก มาดริด ทีมแชมป์ถึง 7 คะแนน ขณะเดียวกันยังร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยฝีเท้าของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นั่นคือสิ่งที่หลายคนเชื่อว่า คูมัน คงจะไม่ได้รับโอกาสทำหน้าที่กุนซือต่อไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะการเงิน หรือหากุนซือคนใหม่ไม่ได้ก็ตามที ถึงเวลานี้ โจน ลาปอร์ต้า ประธานสโมสรยังคงให้โอกาสเขาทำหน้าที่ต่อไป จนกระทั่งครบสัญญาในเดือนมิถุนายน2022 พร้อมกับมีรายงานว่าเขาได้แจ้งให้กุนซือชาวดัทช์ ทราบด้วยว่าต้องการให้พาทีมหันกลับมาเล่นตามปรัชญาสโมสรในระบบ 4-3-3 ซึ่งสวนทางกับระบบของ คูมัน ที่มักจะใช้กองหลัง 3 ตัวและก็ทำแบบนี้เป็นประจำจน บาร์ซ่า ผลงานย่ำแย่ในซีซั่นที่ผ่านมา
ซึ่งจากผลงานในลาลีกา ฤดูกาลนี้ 3 นัดแรกที่ผ่านมาภายใต้การเล่นในระบบ 4-3-3 ทั้ง 3 เกม ผลงานก็ยอดเยี่ยมไม่น้อยด้วยการคว้ามาถึง 7 คะแนน จากการเอาชนะ เรอัล โซเซียดัด4-2, เสมอ แอธเลติก บิลเบา 1-1 และชนะ เกตาเฟ่ 2-1 ขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงของตาราง นั่นทำให้เชื่อว่าหากทุกอย่างลงตัว นักเตะเข้าใจในแผนการเล่นของ คูมัน ก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าบาร์ซ่า ยุคนี้จะกลับมาสู่ความรุ่งเรืองอีกครั้ง เพราะฉะนั้นผลงานฤดูกาลนี้จะเป็นการเดิมพันอนาคตของตัวเขาอย่างแน่นอน
ภาวนาให้ 3 ซุป’ตาร์หายเจ็บและคืนฟอร์ม
นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเรื่องที่ยากสุดๆ ก็ว่าได้ โดยเฉพาะกับ คูตินโญ่ ที่กลายเป็นเหมือนแข้งส่วนเกินของทีม แต่จากคำให้สัมภาาณ์ล่าสุดของ คูมัน ที่ยืนยันว่าจะให้โอกาส ดาวเตะแซมบ้า ลงสนามอีกครั้งในฤดูกาลนี้ นั่นจึงทำให้ทุกคนคาดหวังว่าจะได้เห็นอะไรที่แสดงออกว่าคุ้มค่าตัวที่สโมสรจ่ายไปให้ ลิเวอร์พูล ได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขณะที่ อุสมาน เดมเบเล่ แนวรุกทีมชาติฝรั่งเศส ที่ฤดูกาลนี้ได้โยกมาสวมเสื้อเบอร์ 7 แทนที่ กรีซมันน์ ที่ลาทีมไป นั่นจึงทำให้ดาวเตะวัย 21 ปี ได้สวมเสื้อเบอร์เก่งเหมือนสมัยที่เขาระเบิดฟอร์มกับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ อีกครั้ง ซึ่งก็ต้องลุ้นว่าเขาจะเอาชนะอาการบาดเจ็บที่ตามมาหลอกหลอนอยู่บ่อยครั้งได้หรือไม่
รวมไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร่ กองหน้าที่ทีมหวังจะพึ่งพา หลังเซ็นฟรีมาจาก แมนฯซิตี้ แต่ปรากฏว่าดาวยิงวัย 33 ปีต้องโชคร้ายได้รับบาดเจ็บพักยาวร่วม 3 เดือน ซึ่งคาดการณ์ว่าเดมเบเล่ และ เอลกุน จะกลับมาเล่นได้อีกครั้งในเดือน พ.ย. นี้ก็ต้องดูว่าหากถึงเวลานั้นสโมสรจะฝากความหวังอะไรกับแข้งเหล่านี้ได้บ้าง
รากฐานจาก ลามาเซีย ยังคงสำคัญ
หลังจากที่เราได้เห็น เปดรี้ และ อันซู ฟาติ ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักของทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวเมื่อฤดูกาลก่อน เชื่อว่าด้วยสภาวะการเงินเช่นนี้ สิ่งที่สโมสรจะต้องคาดหวังไม่น้อย คือการดันแข้งดาวรุ่งอนาคตไกลจากศูนย์ฝึก ลามาเซีย ขึ้นมาอีก ซึ่งที่ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวในฤดูกาลนี้แล้วก็มีทั้ง โรนัล อารูโฆ และ ออสก้า มินเกซา 2 ปราการหลัง รวมทั้งยังมีแข้งน่าจับตาอย่าง ปาโบล กาบีญ่า, นิโก้ กอนซาเลซ และ อเลฆานโดร บัลเด้ ที่ถูกส่งรายชื่อให้อยู่ในทีมชุดใหญ่ตามกฎโฮมกราวนด์พร้อมได้ลงเล่นในลาลีกาช่วงต้นซีซั่นไปแล้วด้วย
กาลอป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี