วันเสาร์ ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / กีฬา
วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ผักบุ้งทะเล...แก้พิษแมงกะพรุน

วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ผักบุ้งทะเล...แก้พิษแมงกะพรุน

วันอาทิตย์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : ความรู้รอบตัว ความรู้เรื่องสุขภาพ โรคภัย วิทยาศาสตร์สำหรับเยาวชน
  •  

“ผักบุ้งทะเล” เป็นพืชที่พบมากตามชายฝั่งทะเลเขตร้อนทั่วโลก สำหรับในประเทศไทยพบเฉพาะตามชายฝั่งทะเลทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ (อ่าวไทย) ภาคตะวันตกเฉียงใต้ (ทะเลอันดามัน) และภาคใต้โดยมักขึ้นตามชายหาด ที่โล่งแจ้งใกล้ชายฝั่งทะเล

ลักษณะทางพฤษศาสตร์ ผักบุ้งทะเล มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ipomoea pes-caprae (L.) R.Br. ชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ได้แก่ ผักบุ้งต้น ผักบุ้งขน (ไทย) ผักบุ้งเล (ภาคใต้) ละบูเลาห์ (มะลายู-นราธิวาส) หม่าอานเถิง (จีนกลาง) เป็นต้น เป็นพรรณไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีลำต้นทอดเลื้อยไปตามพื้นดิน สามารถเลื้อยไปได้ยาวประมาณ 5-30 เมตร ลักษณะของลำต้นหรือเถากลมเป็นสีเขียวปนแดงหรือเป็นสีแดงอมม่วง ผิวเกลี้ยงลื่น ตามข้อจะมีรากฝอย ภายในกลวง ทั้งต้นและใบมียางสีขาว


ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปกลม รูปไข่รูปไต หรือรูปเกือกม้า ปลายใบเว้าบุ๋มเข้าหากัน โคนใบสอบแคบเป็นรูปหัวใจ ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 7-11 เซนติเมตร และยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร เส้นใบเป็นแบบขนนก เนื้อใบค่อนข้างหนา ผิวใบมันเป็นสีเขียว หลังใบและท้องใบเรียบ ก้านใบยาวมีสีแดง

ออกดอกเป็นช่อ แบบซี่ร่มตามง่ามใบ ในช่อดอกจะมีดอกประมาณ 2-6 ดอก และจะทยอยบานทีละดอก ลักษณะของดอกเป็นรูปปากแตร โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน ส่วนปลายดอกบานเป็นรูปปากแตร มี 5 กลีบลักษณะของกลีบดอกกลมรี แตกออกเป็นแฉก 5 แฉก มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 เซนติเมตร ดอกมีเกสรเพศผู้ 5 ก้าน ดอกเป็นสีม่วงอมชมพู สีม่วงอมแดง สีชมพู หรือเป็นสีม่วง ผิวเกลี้ยง ด้านในของดอกส่วนโคนจะมีสีเข้มกว่าด้านนอก ส่วนกลีบดอกเลี้ยงเป็นสีเขียว และดอกจะเหี่ยวง่าย

ลักษณะของผลผักบุ้งทะแล เป็นรูปมนรีหรือรูปไข่มีเหลี่ยมคล้ายแคปซูล ผิวผลเรียบ พอผลแห้งจะแตกออกได้ มีความยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ภายในมีเมล็ดลักษณะกลม เป็นสีเหลือง มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 มิลลิเมตร มีขนสีน้ำตาลปกคลุม ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดและตัดลำต้นปักชำ เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี มักขึ้นตามหาดทรายหรือริมทะเล

ภูมิปัญญาท้องถิ่นใช้ผักบุ้งทะเลเป็นสมุนไพรรักษาพิษบาดแผลที่เกิดจากแมงกะพรุน ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยใช้น้ำที่คั้นจากใบพอกลงบนบาดแผลที่ถูกแมงกะพรุน นอกจากนี้ ยังใช้ถอนพิษลมเพลมพัด และน้ำต้มจากใบยังใช้อาบแก้คันได้ด้วย

สรรพคุณตามตำรายาไทย คือ ทั้งต้นมีรสเผ็ด ขม เค็ม เป็นยาเย็นเล็กน้อย ออกฤทธิ์ต่อม้ามและตับ ใช้เป็นยาขับลม ใช้ถอนพิษลมเพลมพัด (อาการบวมเปลี่ยนที่ เป็นตามอวัยวะทั่วไป) ทำเป็นยาต้มอาบแก้คันตามผิวหนังแก้หวัดเย็น แก้อาการปวดฟัน แก้อาการจุกเสียดเมล็ดมีรสขื่น ใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง ใบมีรสขื่นเย็นใช้ภายนอกเป็นยาทาแก้โรคไขข้ออักเสบ แก้ปวดไขข้ออักเสบมีหนอง ส่วนตำรายาท้องถิ่นหรือตำรายาพื้นบ้านระบุถึงส่วนต่างๆ ของผักบุ้งทะเลมีสรรพคุณดังนี้

“ใบสด” เป็นยาพอก ต้มอาบรักษาโรคผิวหนัง แก้ปวดไขข้อบวมอักเสบมีหนอง แก้แผลเรื้อรัง น้ำคั้นจากใบช่วยแก้พิษแมงกะพรุน “รากสด” ขับปัสสาวะในโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้โรคเท้าช้าง ปวดฟัน ผดผื่นคันมีน้ำเหลือง แก้พิษแมงกะพรุน “ทั้งต้น” แก้อาการอักเสบจากพิษแมงกะพรุนไฟถอนพิษลมเพลมพัด ต้มอาบแก้โรคคันตามผิวหนัง ช่วยเจริญอาหาร, แก้เหน็บชา ปวดเมื่อยตามข้อ และ “เมล็ด” ป้องกันโรคตะคริว ใช้เป็นยาถ่ายยาระบาย แก้ปวดท้อง และอาการเป็นตะคริว

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง ผักบุ้งทะเลแม้จะอยู่ในวงศ์เดียวกันและมีลักษณะคล้ายกับผักบุ้งที่เรารับประทาน แต่เป็นพืชคนละชนิดกัน ซึ่งยางจากต้นและใบของผักบุ้งทะเลมีพิษทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ หากได้รับพิษเข้าไปมากอาจทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้น ห้ามรับประทาน ในการใช้ใบผักบุ้งทะเลแก้พิษแมงกะพรุน ควรใช้ทรายขัดบริเวณที่โดนพิษแมงกะพรุน เพื่อเอาเมือกของแมงกะพรุนออกไปก่อน แล้วใช้ใบขยี้ทาลดการอักเสบจากพิษแมงกะพรุน การนำผักบุ้งทะเลมาใช้ให้ถูกวิธีนั้น ควรจะไม่มีสิ่งปนเปื้อนและต้องล้างให้สะอาด และการใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณแผล จากแมงกะพรุนยังเป็นสิ่งสำคัญมากและควรจะรีบทำก่อนใช้ผักบุ้งทะเล

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้ศึกษาการปลูกผักบุ้งทะเลในขั้นกึ่งอุตสาหกรรม เพื่อศึกษาคุณภาพของวัตถุดิบ และประเมินความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ เพื่อพัฒนาน้ำมันหอมระเหยขึ้นสู่ขั้นอุตสาหกรรมพบว่า ผักบุ้งทะเลที่ปลูกในพื้นที่ทะเล จะมีความเข้มข้นของสารสกัดมากกว่าการปลูกในพื้นที่ที่ห่างจากทะเล

ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากผักบุ้งทะเลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบครีม เพื่อความสะดวกในการใช้และสอดคล้องกับการดำเนินชีวิต จะเห็นได้ว่าสมุนไพรพื้นบ้านที่บรรพบุรุษของเราได้สั่งสมภูมิปัญญามาต่อเนื่องยาวนานนั้น มีคุณค่าเพิ่มพูนไปกับกาลเวลา การร่วมดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่ดีเป็นส่วนสำคัญหนึ่งที่จะทำให้สมุนไพรเหล่านั้นยังคงอยู่และเป็นจุดเด่นในความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยที่มีคุณอนันต์ พร้อมนำไปต่อยอดการใช้ประโยชน์ให้หลากหลายต่อไป

เรียบเรียงข้อมูลจาก

https:www.tistr.or.th

https:www.medthai.com

https://www.disthai.com

กองประชาสัมพันธ์

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : เคล็ดลับความสวยจาก..ชาเขียว วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : เคล็ดลับความสวยจาก..ชาเขียว
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การเพิ่มมูลค่า‘หน่อไม้ฝรั่ง’พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไฟเบอร์สูง วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การเพิ่มมูลค่า‘หน่อไม้ฝรั่ง’พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพไฟเบอร์สูง
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : แผลที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลากี่วันถึงจะหายดี วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : แผลที่เกิดขึ้นต้องใช้เวลากี่วันถึงจะหายดี
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (2) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (2)
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (1) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : ฮอร์โมนและสารรบกวน (1)
  • วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การใช้สาหร่ายขนาดเล็กดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (2) วิทยาศาสตร์ สำหรับเยาวชน : การใช้สาหร่ายขนาดเล็กดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (2)
  •  

Breaking News

ฟาดจุกๆ! ‘หมอรพ.สรรพสิทธิประสงค์’หวด‘เท้ง’กล่าวหารพ.ไม่รับผู้ป่วยเขมร ฉะเป็นผู้นำไม่ได้

จนท.ปางมะผ้าสนธิกำลัง! รวบชายนั่งเสียบกิ่งมะม่วง-ค้นพบยาบ้าในตัวอีก200กว่าเม็ด

‘ยิปซีพยากรณ์’ดวงรายวัน วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม 2568

‘สว.ตัวตึง’โวยงบช่วยเหลือภัยสงคราม 100 ล้าน มีแต่‘หนังสือสั่งการ’ไร้ตัวเงิน ‘อบจ.’ใกล้ถังแตก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved