4 กุนซือหลังหมดยุคเซอร์เฟอร์กี้ “มอยส์-ฟาน กัล-มูรินโญ่-โซลชา”
19 พฤษภาคม 2013 เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อำลาสโมสร “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเป็นทางการ
ผลงานชนะ 895 นัด เสมอ 338 แพ้ 267 เฉลี่ยชัยชนะออกมา 59.7 เปอร์เซ็นต์ ที่ยกตัวอย่างนี้ก็คือ ค่าเฉลี่ยหรือตัวเลขนั้น บางครั้งบางทีไม่อาจจะตีออกมาเป็นรูปธรรมเป็นความสำเร็จได้
นับตั้งแต่มารับไม้ต่อจาก “บิ๊กรอน” รอน แอ็ตกินสันกุนซือจอมโอ่อ่า ในปลายปี 1986 กัปตันบังคับทิศทางคนใหม่ของแมนยูฯ เกือบเอาตัวไม่รอด
4 ปีซ่อมแล้วซ่อมอีก กระทั่งฝ่ามรสุมมาได้ และเปิดศักราชใหม่พร้อมๆ กับยุคพรีเมียร์ลีก จนไม่มีใครทาบเทียม
เมื่อเจ้าภาพเลี้ยงไม่ดูกำลังแขก ส่วนแขกก็กินไม่ดูกำลังตัวเอง สุดท้ายงานเลี้ยงมีวันเลิกรา เมื่อ เซอร์เฟอร์กี้ เดินจากสโมสรไป คนที่มาถือบังเหียนใหม่จำต้องกดดันอย่างที่สุด
ตัวอย่างชั้นดีคือ เดวิด มอยส์ ที่แบกทุกอย่างเอาไว้บนบ่า
ปี 2013 แมนยูฯ คือหมายเลข 1 ของอังกฤษ พร้อมกับการเป็นแชมป์ลีก 20 สมัย นับเฉพาะเคาะยุคเซอร์ คือ 13 แชมป์ลีก
เมื่อคุณทำทีมระดับก่อตั้งลีกอย่าง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน”เอฟเวอร์ตัน จนได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ และก้าวต่อไปคือ คุมทีมที่เบอร์ใหญ่สุดแห่งยุค คำว่า The chosen one เหมือนกับไม่มีอะไร
แต่นั่นแหล่ะ ในการทำงานมันบ้าคลั่งไม่น้อยไปกว่าพวก The Special One หรือ The Normal One
อาชีพที่แสนยากลำบาก และสุดท้ายที่ทำมาดีทั้งชีวิต 4 ปีกับ เปรสตัน นอร์ธเอนด์ กับ 11 ปี กับ เอฟเวอร์ตัน พังครืนลงไปในเวลาแค่ 10 เดือนที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
สองกุนซือ “ผู้ถูกเลือก” จะได้วัดฝีมือกัน
เดวิด มอยส์ ถูกเรียกว่า The football Genius แต่เป็นการเย้ยหยัน และขย้ำความผิดพลาดของเขา
แน่นอนว่า มอยส์ เสียคน หรือจะเรียกเสียรูปมวยไปเลย
ทีนี้พอไปรับงานที่ไหน ก็กลายเป็นโจ๊กเรื่องตลกที่ถูกจับยัดเยียดว่าเป็น “เครื่องหมายความผิดพลาด” ทั้งกับ เรอัล โซเซียดัดและซันเดอร์แลนด์ แม้กระทั่งการกลับมา เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017 ก็ไม่ได้รับสัญญาใหม่
กระทั่งการคัมแบ๊กทำงานรอบที่ 2 เมื่อ 29 ธันวาคม 2019เป็นการ “พิสูจน์ฝีมือ” ของเขา และลบคำสบประมาทไปสิ้น
มอยส์ ค่อยๆ ทำทีมได้น่าสนใจ มีระบบการเล่นที่ชัดเจน จากเดิมเคยอยู่ที่ปราการหลัง 3 ขยับปรับเข้าสูตรมาเป็นแบ๊กโฟร์ และที่เคยเล่นกองกลางคนเดียว คือ เดแคลน ไรซ์ ก็ไปหา โธมัส ซูเซ็ค เข้ามาจับคู่อย่างลงตัวที่สุด และหยิบจับอะไร ปรับตรงไหนในเกมรุก ก็ดูเข้าท่า ไม่ขัดหูขัดตา และกลายเป็นผลักดันทีมจนทำคะแนนได้สูงสุดยุคพรีเมียร์ลีก คือ 65 แต้ม จบอันดับที่ 6 ได้ไปบอลยุโรป
แฟนบอลพลิกโฉมใหม่เรียกเขาว่า ‘Moyesiah’
เอาเข้าจริง กว่าจะกลับเข้ามาเป็นที่ยอมรับกันอีกครั้ง ต้องรอรอบเวลานานกว่า 7 ปี
ทีนี้น่าสนใจจริงๆ เมื่อ มอยส์ จากผู้ที่ถูกเลือกแห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด เป็นคนสกอตแลนด์เหมือนกับ เซอร์อเล็กซ์เฟอร์กูสัน จะได้ดวลกับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ถูกมองว่า เป็นสายเลือดที่ “นัยหนึ่ง” ก็คือผู้ถูกเลือกเช่นกัน แถมประดับยศการันตีที่เป็นศิษย์รักคู่บารมีอีกคนของท่านเซอร์เฟอร์กี้
เมื่อใช้คนเลือกสกอตเหมือนกันแล้วไม่ดี จะให้ใช้ไรอัน กิ๊กส์ เลยก็เสี่ยงเกินไป พอใช้กุนซือระดับโลกอย่าง หลุยส์ ฟาน กัล กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็ไม่มีคำตอบจากโจทย์ที่เลือก
เป็นการชนกันของ มอยส์ ที่ลงตัวที่ 4-2-3-1 เช่นเดียวกับ โซลชา ที่เลือก 4-2-3-1 เหมือนกันในวิถีการทำงาน
สถิติการคุมทัพยูไนเต็ด ผ่าน 34 นัดเท่ากันถูกหยิบยกว่า มอยส์ ดีกว่า โอเล่
โซลชา ได้แชมป์มากมายสมัยเป็นนักบอลกับ แมนยูฯ ทั้ง ยูฟ่า แชมเป้ียนส์ ลีก 1 สมัย, พรีเมียร์ ลีก 6 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ 1 สมัย ในช่วงปี 1996-2007 ก่อนจะผันตัวเองมาคุมทีมอะคาเดมี่ของยูไนเต็ด ถึง 3 ปี ก่อนจะไปอยู่กับ โมลด์ ไปคาร์ดิฟฟ์ กลับไป โมลด์ กระทั่งมีข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้เมื่อปี 2018
นับตั้งแต่มาคุมทีม ยังไม่เคยได้แชมป์ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศ 5 ครั้ง และผ่านเข้าชิงได้หนเดียวคือ ยูโรป้า ลีก เมื่อปีก่อน และจบลงด้วยการแพ้จุดโทษ บียาร์เรอัล
เมื่อทีมใหญ่ “ยังไม่ได้แชมป์” กุนซือที่คุมทีม “ยังคงมือเปล่า” มันหนีไม่พ้นอะไรใดๆ กับคำถามมากมายที่ตามมา
ยิ่งการมีนักเตะชั้นนำมากมายอยู่ในทีม แต่ยังคงหา “วิธีการ” ที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ นี่คือปัญหา
เพราะฟุตบอลใช้ใจอย่างเดียวไม่ได้แน่นอน
ตัวอย่างทีมที่มีแผนการจัดและชัดเจนที่สุดก็คือ เชลซี กับ ลิเวอร์พูล ที่มีแผนชัดๆ กุนซือก็ชัดมาก
แมนฯซิตี้ ชัดและเด่นมากที่ตัวกุนซือ
ในสมัยปัจจุบันสิ่งที่ต้องเบ่งบวมบารมีมาพร้อมกันของกุนซือที่จะคุมทีมใหญ่ๆ ก็คือ แผนการเล่นและหมากกลของกุนซือ สำคัญคือบารมี
ถ้าว่ากันตามเชิง อาการของ โอเล่ โซลชา ในนาทีปัจจุบัน ไม่ได้ต่างอะไรกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือเปแอสเช ไม่ได้เกี่ยวกับผลงานการแข่งขัน
แต่มันพันมาจากระบบบริหารจัดการ ทั้งการซื้อตัว ขนาดทีม และ “ใคร” อยู่ในทีม
อย่างไรก็ดี หากเขาใช้บรรดาลูกหนังตัวเอ้ที่อยู่ในทีมสัมฤทธิผลมันก็น่าสนใจ เพราะอดีตกาลและสถานการณ์ในถิ่นผี เขาดีกว่า พอช ที่อยู่เปแอสเช
มันยังมีสัมพันธ์ที่ดีอยู่ตรงนั้น เพียงแต่คำว่า “ตัดสัมพันธ์”ยังอยู่ในพจนานุกรมของมนุษย์โลก
โซลชา ได้รับการสนับสนุนมากกว่า มอยส์ ในการรับงานที่แมนยูฯ
จากนี้ไป ต่อให้เขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีปากเสียง เป็นเด็กดีไม่ดื้อต่อผู้บริหาร แต่ดูท่าแล้วก็คือ จะอยู่ยากอยู่ลำบากขึ้น
สืบเนื่องมาจาก การบริหารงานที่ดูเหมือนจะเอาจริง หรือทิ้งทวนของทั้ง ตระกูลเกลเซอร์ และเอ๊ด วู้ดเวิร์ด ที่ดูเหมือนกับ ไม่ค่อยจริงจังกันมากกับผลงานในสนาม แต่เน้นเรื่องเงินทองเป็นหลักที่กอบและโกยจากแบรนด์ทีมมากกว่า
แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นว่า แฟนบอลจะเข้าไปในสนามและทำให้เกมใหญ่อย่างแดงเดือดต้องชะงักและเลื่อนแข่งขันไป มันคือสัญญาณที่ส่งตรงไปให้ชัดเจนมาก
คุณจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นดีลใหญ่ในช่วงซัมเมอร์จึงเกิดขึ้นแบบ “ตั้งใจ” และสมควรทำก็คือ จาดอน ซานโช่ กับ ราฟาเอล วาราน
ต่อด้วยดีลที่ “ตั้งใจหรือเปล่า” ไม่รู้ แต่เป็นเรื่องแห่ง “ศักดิ์ศรีล้วน” ในการคว้าตัว คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กลับคืนสู่รัง
ผลบวกกำลังส่งไปยังบอร์ดบริหารแบบเต็มๆ
เมื่อทิศทางลมเป็นแบบนี้ ถ้าหาก โอเล่ ยังคุมทีมเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวเรือแห้งชามน้ำสองชามแบบนี้ โอกาสคงจะตีบตันและน้อยลงไปเรื่อยๆ
เพราะการเป็นผู้ถูกเลือกของเขามีนักเตะที่ดีกว่า ตอนที่ มอยส์ ถูกเลือกเข้ามาด้วยซ้ำไป
อันที่จริงแล้ว ผลงานในลีก 4 นัด ชนะ 3 เสมอ 1 ถือว่าดีมาก แต่การขี่หลังเสือทีมอย่างยูไนเต็ด มันเป็นเรื่องใหญ่ และการรอคอยในยุคปัจจุบันมีขีดจำกัด
มาสาหัสก็ตรง “แท็กติกที่สอง” ในเกมกับ ยัง บอยส์ ผิดพลาด ไม่แปลกที่กลายเป็นเป้าหมายในการโจมตี ดังนั้นเขาจะต้องพิสูจน์ฝีมือและแท็กติกของตัวเองให้ได้โดยเร็ว
ในทางตรงข้ามก็เช่นกัน
อันที่จริงเชื่อว่า มอยส์ คงไม่คิดอะไรกับการถูกปลดเมื่อ 22 เมษายน 2014 แต่บอกไม่ได้หรอกเพราะนั่นคือ “แผลเป็นในใจ”
ทุกครั้งที่มีโอกาส ย่อมพร้อมที่จะสะสางอยู่เสมอ...........
กุนซือแมนยูฯ หลังยุคเซอร์เฟอร์กี้
โอเล่ โซลชา ชนะ 88 เสมอ 33 แพ้ 34 ค่าเฉลี่ยชนะ 56.8%
โชเซ่ มูรินโญ่ ชนะ 84 เสมอ 31 แพ้ 29 ค่าเฉลี่ยชนะ 58.3%
หลุยส์ ฟาน กัล ชนะ 54 เสมอ 24 แพ้ 25 ค่าเฉลี่ยชนะ 52.4%
ไรอัน กิ๊กส์ ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ค่าเฉลี่ยชนะ 50%
เดวิด มอยส์ ชนะ 26 เสมอ 9 แพ้ 16 ค่าเฉลี่ยชนะ 51%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี