“การปลูกข้าว” เป็นอาชีพหลักของคนไทยตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายในปี 2563 ประเทศไทยส่งออกข้าวเป็นลำดับที่ 3 ของโลก ปริมาณ 5.72 ล้านตัน (อินเดียอันดับ 1 ปริมาณ 14 ล้านตันเวียดนามอันดับ 2 ปริมาณ 6.3 ล้านตัน : กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์) ปัจจุบันมีการปลูกข้าวหลากหลายสายพันธุ์ หลากหลายสี เพื่อสร้างทางเลือกให้ตลาดและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญในการรักษาสุขภาพมากขึ้นซึ่งข้าวแต่ละชนิดนั้นล้วนมีจุดเด่นและมีประโยชน์ที่จำเป็นต่อร่างกาย ดังนี้

1. ข้าวขาว คุณประโยชน์จากจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวน้อยกว่าชนิดอื่นๆ เป็นข้าวที่ถูกขัดสีไปค่อนข้างมาก ทำให้คุณประโยชน์ของข้าวลดน้อยลงไปและคงเหลือแต่คาร์โบไฮเดรตสูงถึง71-77% ซึ่งทำหน้าที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีวิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา และวิตามินบี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ถึงแม้ข้าวขาวจะมีคุณประโยชน์น้อย แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมมากเนื่องจากเมื่อรับประทานแล้วจะมีความนุ่มกว่าข้าวชนิดอื่น อีกทั้งยังมีกลิ่นหอม อาทิ ข้าวหอมมะลิ เป็นข้าวที่นิยมรับประทาน เนื่องจากมีรสชาติดีหอมนุ่มละมุนลิ้น มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน นอกจากนี้ ในข้าวหอมมะลิยังมีโปรตีน เส้นใยอาหารซึ่งช่วยป้องกันท้องผูก ช่วยบำรุงประสาท ป้องกันโลหิตจาง

2. ข้าวแดงหรือข้าวซ้อมมือ คือ ข้าวกล้องที่มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงมีหลายสายพันธุ์ เช่น ข้าวมันปู ข้าวสังข์หยด เป็นต้น “ข้าวมันปู” มีสารแคโรทีนซึ่งมีคุณสมบัติเป็นโปรวิตามินเอสูงกว่าข้าวสายพันธุ์อื่นๆ ช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และช่วยชะลอความแก่ “ข้าวสังข์หยด” ได้รับการปรับปรุงพันธุ์ให้มีเนื้ออ่อนนุ่มมากขึ้น เป็นข้าวพื้นเมืองภาคใต้ ปลูกมากในแถบลุ่มทะเลสาบสงขลา อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงโลหิต นอกจากนี้ ข้าวแดงยังมีวิตามินบี ที่ช่วยบำรุงสมอง บรรเทาอาการอ่อนเพลีย ช่วยระบบการไหลเวียนเลือด ลดระดับของคอเลสเตอรอล มีความจำเป็นต่อระบบประสาทและการทำงานของสมอง มีไฟเบอร์ช่วยการขับถ่ายและดูดซับไขมัน มีไนอะซิน ทำให้ผิวหนังแข็งแรง และมีประสาทที่ฉับไว

3.ข้าวกล้อง เป็นข้าวที่สีเอาเปลือกออก โดยที่ยังคงมีจมูกข้าวและเยื่อหุ้มเมล็ดอยู่ มีสีน้ำตาลอ่อน อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 แคลเซียม โฟเลต ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน ป้องกันโรคโลหิตจาง และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีดัชนีน้ำตาลต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อีกทั้งยังมีใยอาหารเหลืออยู่มากกว่าข้าวขาวหรือข้าวขัดสี 3 เท่า จึงช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย และป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ โดยเฉพาะข้าวกล้องงอกที่มีสารกาบามากกว่าข้าวกล้องปกติ 15 เท่า จะสามารถป้องกันการทำลายสมอง และโรคสูญเสียความทรงจำ หรืออัลไซเมอร์ได้

4. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เป็นการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างข้าวเจ้าหอมนิลกับข้าวขาวดอกมะลิ 105 มีสีม่วงเข้มกว่าข้าวกล้อง ข้าวชนิดนี้จะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องบำรุงประสาท เสริมสร้างระบบขับถ่าย ป้องกันโรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ นอกจากนี้ยังช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน และทำให้กระดูก ฟันแข็งแรง

5.ข้าวหอมนิลหรือข้าวสีนิล หรือข้าวก่ำ มีการเพาะปลูกน้อย ไม่เป็นที่นิยมของเกษตรกร เพราะไม่ได้เป็นข้าวเศรษฐกิจ อีกทั้งยังดูแลยาก ทำให้มีราคาแพง มีลักษณะเป็นเมล็ดเรียวยาว สีดำหรือสีม่วงเข้ม มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากข้าวสายพันธุ์อื่นมีสารอาหารและคุณประโยชน์มาก ได้แก่ โปรตีน ธาตุเหล็ก ช่วยลดไขมัน และช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าข้าวทั่วๆ ไปถึง 7 เท่า มีแอนโทไซยานินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันและโรคมะเร็งได้ดีกว่าผลไม้ตระกูลเบอรี่ถึง 3 เท่า อีกทั้งยังช่วยทำให้เส้นผมดกดำ นุ่มสลวย ไม่แตกปลาย ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง กระตุ้นให้ผมมีสีเข้มขึ้น ชะลอการเกิดผมหงอกก่อนวัยมีธาตุเหล็กที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ทันที ช่วยบำรุงโลหิตและการทำงานของระบบประสาท

จะเห็นได้ว่าข้าวแต่ละสีที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ล้วนมีคุณค่าและคุณประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นท่านผู้อ่านสามารถเลือกสรรมารับประทานเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง พร้อมกับบริโภคอาหารให้ครบ 5 หมู่ ถูกหลักโภชนาการ ก็จะทำให้มีภูมิต้านทานเข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง มีจิตใจที่ผ่อนคลาย พยายามคิดบวก รักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัด ก็จะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยลดความเสี่ยงและปลอดภัยจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้

ที่มา :

https://sistacafe.com/summaries/22607

https://www.cpram.co.th/th/knowledge-detail/

https://sites.google.com

https://www.prachachat.net/economy/news-601082

กองประชาสัมพันธ์

สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)