เธอร์สโตน (L.L. Thurstone) ได้ใช้การวิเคราะห์ตัวประกอบแยกความสามารถต่างๆ ของมนุษย์ออกเป็นทั้งหมด 7 กลุ่ม โดยเรียกความสามารถทั้ง 7 กลุ่มว่าความสามารถปฐมภูมิ ทฤษฎีของเธอร์สโตนเน้นความแตกต่างภายในตัวบุคคล ระหว่างความสามารถเฉพาะต่างๆ ความสามารถปฐมภูมิ 7 กลุ่มของเธอร์สโตนมีดังต่อไปนี้
1.ความเข้าใจในการใช้ภาษา เข้าใจความหมายของคำหรือศัพท์ต่างๆ
2.ความคล่องในการใช้คำต่างๆ ตัวอย่างเช่น การใช้คำสัมผัสหรือคำคล้อง
3.ความสามารถในการคิดคำนวณ หรือทางคณิตศาสตร์
4.ความสามารถในการจำรูปทรงของสิ่งของได้ แม้ว่าจะตั้งพลิกแพลงในทางต่างๆ หรือเห็นความสัมพันธ์ของ space-fromในจินตนาการ
5.ความสามารถที่จะระลึกสิ่งที่ท่องจำไว้ได้
6.ความสามารถที่จะรับรู้สิ่งเร้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ หรือสามารถที่จะบอกความแตกต่างและความเหมือนระหว่างของสองอย่าง
7.ความสามารถทางการสรุปกฎเกณฑ์ทั่วไปจากตัวอย่างได้หรือเป็นความคิดแบบอนุมาน
กิลฟอร์ด (J.Paul Guilford) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ได้เสนอทฤษฎีโครงสร้างเชาวน์ปัญญาที่เรียกว่า Structure of Intellect หรือเรียกย่อๆ ว่า SI ทฤษฎีของกิลฟอร์ดถือว่า ความสามารถแต่ละอย่างเป็นความสามารถเฉพาะ
กิลฟอร์ดได้เสนอว่า เชาวน์ปัญญาประกอบด้วย 3 มิติ คือ วิธีการคิด (Operations) เนื้อหา (Content) และผลผลิต (Products) กิลฟอร์ด
ได้อธิบายส่วนประกอบของเนื้อหาวิธีการคิดและผลการคิดดังต่อไปนี้
มิติที่ 1 เนื้อหา คือ ข้อมูลที่จำแนกตามชนิดหรือจำพวกต่างๆ ที่บุคคลสามารถแยกแยะเพื่อจะรับรู้ ประกอบด้วยข้อมูล 4 จำพวกคือ
1. ภาพหรือสิ่งที่มีรูปร่างตัวตน หมายถึง ข้อมูลที่เป็นรูปธรรม ซึ่งบุคคลสามารถที่จะรับรู้และระลึกได้ เช่น ภาพต่างๆ เสียงต่างๆ
2. สัญลักษณ์ หมายถึง ข้อมูลที่อยู่ในรูปของเครื่องหมายต่างๆ เช่น ตัวอักษร ตัวโน้ตของดนตรี รวมทั้งสัญลักษณ์ต่างๆ
3. ภาษา ความหมาย หมายถึง ข้อมูลที่อยู่ในรูปของถ้อยคำที่มีความหมาย หรืออาจจะไม่อยู่ในรูปของถ้อยคำก็ได้ เช่น ภาษาใบ้
4. พฤติกรรม หมายถึง ข้อมูลที่เป็นกิริยาอาการของมนุษย์
มิติที่ 2 การคิด เป็นกิจกรรมทางสมองที่สำคัญ เป็นการรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ได้รับและพยายามเข้าใจความหมาย ประกอบด้วย
1. การรับรู้และเข้าใจ หมายถึง การที่คนเราสามารถค้นพบ รู้จัก สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบๆ ตัว และมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ
2.การจำ หมายถึง ความสามารถที่จะจำสิ่งต่างๆ และเรียกมาใช้ได้เมื่อต้องการหรือสามารถที่จะระลึกได้ ในปี ค.ศ.1988 กิลฟอร์ด ได้แบ่งความจำเป็น 2 ชนิด คือ ความจำที่บันทึกไว้ และความจำเป็นที่เก็บไว้ในความจำระยะยาว
3.การคิดอเนกนัย เป็นการคิดที่เน้นความคิดใหม่ๆ ที่น่าจะเป็นไปได้หลายแบบ ความคิดประเภทนี้มีความสำคัญต่อความคิดสร้างสรรค์
4.การคิดเอกนัย เป็นการคิดที่เน้นเรื่องความถูกของคำตอบที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น 2x2=4
5.การประเมินค่า การตัดสินใจโดยถือว่า ความถูก ความเหมาะสมและความพึงปรารถนาเป็นเกณฑ์
มิติที่ 3 ผลิตผล คือ ข้อมูลหรือผลที่ได้จากการปฏิบัติการขั้นต่างๆ แบ่งออกเป็น 6 ลักษณะ คือ
1.หน่วย หมายถึง สิ่งใดสิ่งหนึ่งซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัว และแตกต่างไปจากสิ่งอื่นๆ เช่น ไก่ เสือ ปลา เป็นต้น
2.จำพวก หมายถึง กลุ่มของหน่วยต่างๆ ที่มีลักษณะบางประการร่วมกัน เช่น สุนัข ช้าง ปลาวาฬ เป็นสัตว์จำพวกเดียวกัน เพราะต่างก็เลี้ยงลูกด้วยนม
3.ความสัมพันธ์ หมายถึง การเชื่อมโยงผลที่ได้ประเภทต่างๆ 2 ประเภทเข้าด้วยกัน โดยอาศัยลักษณะบางประการเป็นเกณฑ์ ซึ่งอาจจะเป็นการเชื่อมโยงระหว่างหน่วยกับหน่วย จำพวกกับจำพวก หรือระบบกับระบบก็ได้ เช่น พระกับวัด คนกับบ้าน นกกับรัง ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งที่มีชีวิตกับที่อยู่อาศัย
4.ระบบ หมายถึง การเชื่อมโยงความพันธ์ของผลที่ได้หลายคู่เข้าด้วยกันอย่างมีระเบียบแบบแผนอย่างใดอย่างหนึ่งที่แน่นอน เช่น 2 4 6 8 10...เป็นเลขคู่ เป็นต้น
5.การแปลงรูป หมายถึง การเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง หรือการจัดองค์ประกอบของข้อมูลที่กำหนดให้เสียใหม่ ให้มีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
6.การประยุกต์ หมายถึง การคาดหวังหรือการทำนายสิ่งใดสิ่งหนึ่งจากข้อมูลที่กำหนดให้ เช่น ได้รับข้อมูลว่า เมื่อพื้นที่ผิวมากน้ำจะระเหยได้เร็ว เมื่อถูกใช้ให้เอาผ้าที่เปียกน้ำไปตากให้แห้ง ผู้ที่สามารถประยุกต์ได้จะต้องคลี่ผ้าออกจนหมดแล้วจึงตาก เป็นต้น
แนวคิดของนักจิตวิทยาหลายท่านช่วยเปิดมุมมองให้เราเห็นและเข้าใจถึงอัจฉริยภาพของมนุษย์ในมุมมองที่กว้างมากขึ้นจากเดิม เด็กที่มีแววความถนัดด้านดนตรี ศิลปะ ธรรมชาติ กีฬา รู้จักและเข้าใจตนเอง และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี เป็นความฉลาดที่ทัดเทียมกัน การจัดการศึกษาสำหรับเด็ก จึงควรให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาสมองทั้งซีกซ้ายและซีกขวาให้ทำงานสมดุล ช่วยในการพัฒนาเชาวน์ปัญญาของเด็กอย่างรอบด้าน ส่งเสริมความสามารถเฉพาะตัวเด็ก จึงจะพัฒนาตนเองได้อย่างฉลาด มีความสุข มีความภูมิใจ และเห็นคุณค่าในตนเอง เพราะเด็กๆ ในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า ที่จะเป็นกำลังและมันสมองในการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก :
สิริมา ภิญโญ อนันตพงษ์. การวัดและประเมินแนวใหม่เด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : มปท, 2545.
สุรางค์ โค้วตระกูล. จิตวิทยาการศึกษา. กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2552.
อารี พันธ์มณี. จิตวิทยาการเรียน การสอน. กรุงเทพฯ : เลิฟแอนด์ลิพเพรส, มปป.
สถาบันราชานุกูล https://th.rajanukul.go.th/
สันติธาร เสถียรไทย https://www.the101.world/fish-climbing-on-tree-4-0/
กองประชาสัมพันธ์
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี