รัฐบาลเดินหน้าจัดงบประมาณช่วย"ฟุตบอลอาชีพ"50 ล้านบาทยามไวรัสโควิดระบาดในปี 2565 เมื่อบ่ายวันจันทร์ที่18 ต.ค.2565 ที่ผ่านมาที่ห้องประชุมใหญ่ชั้น24 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษาร.9 การกีฬาฯหัวหมากการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ, สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัด จัดพิธีมอบเงินสนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลอาชีพโดยมีนาย
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากับนายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยว และกีฬา นายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย นายวิษณุ ไล่ชะพิษ รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร ดร.สุปรานี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ นายพาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯและนายวรงค์ ทิวทัศน์ เลขานุการ บริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมงาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เผยว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างมากของพี่น้องประชาชนคนไทย ในการรับมือวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ และผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ ในนามของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา ได้มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย หารือร่วมกับสมาคมกีฬา ผู้จัดการแข่งขัน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุตสาหกรรมกีฬา สำหรับฟุตบอลอาชีพนั้น เป็นกีฬายุทธศาสตร์ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นกีฬาที่ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ มีผู้เกี่ยวข้องทั่วประเทศเป็นจำนวนหลายหมื่นคนมีเม็ดเงินต่อปีตามปกติประมาณ 5,000 ล้านบาท รัฐบาลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การให้การสนับสนุนรางวัลฟุตบอลอาชีพนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือนักกีฬาฟุตบอลอาชีพ สโมสรฟุตบอลอาชีพ และบุคลากรกีฬาฟุตบอลอาชีพแห่งประเทศไทย สร้างโอกาสให้การแข่งขัน และการพัฒนาศักยภาพสำหรับการเตรียมความพร้อมไปสู่การแข่งขันระดับนานาชาติในเวลาอันใกล้ สร้างความรับรู้ และความเชื่อมั่น ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย จากการท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของไทยทั้งทางตรง และทางอ้อมรัฐบาลเชื่อว่านักกีฬาฟุตบอลอาชีพ สโมสรฟุตบอลอาชีพ และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะมีศักยภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก ขอให้ผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน มีความสุข สนุกกับการแข่งขัน และทำผลงานให้ดีที่สุด
ส่วนนายทนุเกียรติ จันทร์ชุม รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพ และกีฬามวย กล่าวถึงความสำคัญของการมอบเงินสนับสนุนครั้งนี้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในไทย ส่งผลกระทบต่อวงการกีฬาฟุตบอลไทย จนทำให้ไม่สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันให้เป็นไปตามปฏิทินการแข่งขันที่ประกาศไว้ ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 โดยเลื่อนการแข่งขันเป็นระหว่างเดือนกันยายน พ.ศ. 2563 และจบการแข่งขันภายในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 นั้น กระทบต่อรายได้ของวงการฟุตบอลระดับชาติ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อการถ่ายทอดสดและประชาสัมพันธ์การแข่งขันฟุตบอลไทยอย่างมาก ทำให้ผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรายการไทยลีก 1 ไทยลีก 2 ไทยลีก 3 และการแข่งขันฟุตบอลถ้วยรายการ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาลในปี 2563 แจ้งความประสงค์ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันรายการดังกล่าว ตามสัญญาเดิมถึงเดือนตุลาคม พ.ศ. 2563 เท่านั้น ทำให้สูญเสียเงินสนับสนุนหลักในการดำเนินการดังกล่าว
รัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย และกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ จึงได้จัดหางบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพื่อให้ทีมสโมสรที่ได้รับรางวัล รายการไทยลีก 1 ไทยลีก 2 ไทยลีก 3 และการแข่งขันฟุตบอลถ้วย รายการ เอฟเอ คัพ ประจำฤดูกาลในปี 2563 สำหรับขับเคลื่อนการแข่งขันฟุตบอลอาชีพ ซึ่งเป็นหลักของประเทศต่อไป หรับเงินสนับสนุนทั้งหมด ที่กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา จะมอบให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และ บริษัท ไทยลีก จำกัดแบ่งได้คือ เงินรางวัลสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ รายการไทยลีก 1 จำนวน 17,500,000 บาท เงินรางวัลสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ รายการไทยลีก 2 จำนวน 9,950,000 บาท เงินรางวัลสนับสนุนฟุตบอลอาชีพ รายการไทยลีก 3 จำนวน 16,000,000 บาทและเงินรางวัลสนับสนุนฟุตบอลรายการ เอฟเอ คัพ จำนวน 6,000,000 บาทรวมทั้งสิ้นเกือบ 50 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี