โปรแกรมพรีเมียร์ลีก ประจำสัปดาห์นี้ มากองกันอยู่ในวันเสาร์แบบเต็มอัตราศึก บรรดาทีมใหญ่ลงสนามทั้งหมด โดยที่เกมใหญ่ที่ลอนดอนเหนือ “สเปอร์ส” กับ “แมนฯยูไนเต็ด” ใครแพ้มีโอกาสตกงานสูงสุดๆ ถูกหยิบยกเรียกว่า “El Sackico” ล้อเลียนบอลคลาสสิกอย่าง “El Clasico” ซึ่งปรีวิว 5 เกมที่น่าสนใจมีดังนี้

เลสเตอร์ ซิตี้-อาร์เซนอล : เวลา 18.30 น. “จิ้งจอกสีน้ำเงิน”กำลังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ใคร 5 เกมติดทุกรายการ เกมนี้ยังไม่มี เวสลีย์ โฟฟาน่า, เจมส์ จัสติน, วีลฟรีด เอ็นดิดี้ และมาร์ค อัลไบรท์ตัน ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ นอกนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาในระบบ 3-4-1-2 บูบาการี่ ซูมาเร่ คุมแดนกลางร่วมกับ ยูรีตีเลมานส์ ข้างบนได้ เจมส์ แมดดิสัน ที่เพิ่งยิงประตูแรกในรอบ8 เดือนเป็นตัวบัญชาการเกมรุก โดยมี เคเลซี่ อีเฮียนาโช่ และเจมี่วาร์ดี้ เป็นคู่หัวหอก

ทีมเยือน “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกลอาร์เตต้า กำลังฟอร์มร้อนแรง ไม่แพ้ใคร 8 เกมติดในทุกรายการ ชนะ 6 เสมอ 2 เกมนี้ยังไม่มี กรานิต ชาก้า ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บนอกนั้นแข้งบางรายอาจะต้องรอเช็คความฟิต คาดว่าเกมนี้จะกลับมาใช้ทีมชุดใหญ่ หลังจากได้พักมาจากเกมลีก คัพ เมื่อกลางสัปดาห์ โธมัส ปาร์เตย จับคู่กับ อัลเบิร์ต แซมบี้ โลกองก้า ในแดนกลาง ส่วนเกมรุกเลือก บูกาโย่ ซาก้า ลงประสานงานกับ อเล็กซองดร์ลากาแซตต์, เอมิล สมิธ โรว์ และปีแอร์-เอเมอริค โอบาเมยัง

แมนฯซิตี้-คริสตัล พาเลซ : เวลา 21.00 น. เจ้าบ้าน “เรือใบสีฟ้า”เพิ่งกระเด็นตกรอบ 16 ทีมในศึกฟุตบอลคาราบาว คัพ อดสร้างสถิติคว้าแชมป์ 5 สมัยติดต่อกัน หลังจากดวลจุดโทษพ่ายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ส่วนความพร้อมเกมนี้ยังไม่มี เฟร์ราน ตอร์เรส ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรได้ ราฮีมสเตอร์ลิ่ง ที่ฟิตกลับมาพร้อมเป็นตัวเลือก แต่เชื่อว่า เป๊บ กวาร์ดิโอล่าน่าจะยังไม่เลือกใช้งาน จัดทัพในระบบ 4-3-3 เหมือนเดิม เควิน เดอ บรอยน์, โรดรี้ และแบร์นาร์โด้ ซิลวา คุมเกมแดนกลาง ส่วนแนวรุกเลือก กาเบรี่ยล เฮซุส ลงประสานงานกับ ฟิล โฟเด้น และแจ็ค กรีลิช

ทีมเยือน “ปราสาทเรือนแก้ว” คริสตัล พาเลซ ทีมจอมเสมอล่าสุดเสมอมา 4 เกมรวดแต่มีสกอร์ทุกนัด เกมนี้ยังไม่มีเอเบเรซี่เอเซ่ แนวรุกดาวรุ่งที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนข่าวดีคือการได้ วีลฟรีด ซาฮา ฟิตสมบูรณ์พร้อมกลับมาเป็นตัวจริงประสานงานกับ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ และคริสติยง เบนเตเก้ ทำให้ จอร์แดน อายิว จะหลุดไปนั่งสำรอง ส่วนแดนกลางยังใช้ คอนเนอร์ กัลลาเกอร์, ลูก้ามิลิโวเยวิช และเจมส์ แม็คอาร์เธอร์ เหมือนเดิม

นิวคาสเซิ่ล-เชลซี : เวลา 21.00 น.“สาลิกาดง” ยังคงไม่ชนะใครหลังจากลงเล่นมา 9 นัด เสมอ 4 แพ้ 5 แม้ว่าจะเปลี่ยนเจ้าของทีมใหม่ รวมไปถึงผู้จัดการทีมแต่ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าใครจะเข้ามาคุมทีมอย่างเป็นทางการต้องใช้บริการของ แกรม โจนส์ไปก่อน เกมนี้ไม่มี จอนโจ้ เชลวีย์ ที่ติดโทษแบน ส่วน พอล ดัมเม็ตต์,มาร์ติน ดูบราฟก้า และเฟร็ดดี้ วู้ดแมน เดี้ยงทั้งหมด ทำให้โฉมทีมยังเป็นแบบเดิมมาในระบบ 3-5-2 ฌอน ลองสต๊าฟฟ์, ไอแซ็ค เฮย์เด้นและมิเกล อัลเมร่อน คุมแดนกลาง ส่วนเกมรุกฝากความหวังไว้ที่ คัลลั่ม วิลสัน และอแล็ง-แซงต์ แม็กซิแมง

ทีมเยือน “สิงห์บลูส์” เชลซี ทีมจ่าฝูงของตารางนัดล่าสุดในลีกเพิ่งถล่ม นอริช ซิตี้ 7-0 ส่วนกลางสัปดาห์เสมอกับ เซาแธมป์ตัน1-1 ก่อนจะดวลจุดโทษเข้ารอบ 8 ทีมคาราบาว คัพ นัดนี้ไม่มี ติโมแวร์เนอร์ และโรเมลู ลูกากู สองแนวรุกที่ยังมีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับรูเบน ลอฟตัส-ชีค คาดว่า โธมัส ทูเคิ่ล จะกลับมาใช้ทีมชุดหลักลงเล่น เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า จะถูกถอยลงเล่นเล่นเซ็นเตอร์ทางขวาเหมือนเดิม ส่วนแดนกลาง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ทำให้ มัตเตโอ โควาซิซ จะได้เล่นกับ จอร์จินโญ่ ส่วนแนวรุกนำโดย เมสันเม้าท์ ที่เพิ่งกดแฮททริกมาหมาดๆ ประสานงานกับ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอยและไค ฮาแวร์ตซ์

ลิเวอร์พูล-ไบรท์ตัน เวลา : 21.00 น. “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ฟอร์มร้อนแรงบุกถล่ม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาโอลด์แทร็ฟอร์ด 5-0 ส่วนเกมรุกขนสำรองยกชุดบุกเอาชนะ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ 2-0 เกมนี้ไม่มี เจมส์ มิลเนอร์ และฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ สองแดนกลางต่างวัยที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน นาบี เกอิต้า, ธีอาโก้ อัลคันทาร่า และฟาบินโญ่ ต้องเช็คความฟิต เชื่อว่าหนึ่งในสามรายนี้เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเลือกคนที่สมบูรณ์ที่สุดลงไปประสานงานกับ เคอร์ติส โจนส์ และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน หรืออีกทางเลือกใช้อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ไปเลย ส่วนสามแนวรุกใช้ โมฮาเหม็ดซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่

ทางฝั่งผู้มาเยือน “นกนางนวล” ไบรท์ตัน ที่ออกสตาร์ทได้ดีเกินคาดแต่ผลงาน 5 นัดหลังไม่ชนะใครเสมอ 3 แพ้ ไป 2 เกมนี้ไม่มี สตีเว่น อัลซาเต้ และแดนนี่ เวลเบ๊ค ที่มีอาการบาดเจ็บ ส่วน แดน เบิร์น ต้องเช็คความฟิต ในรายของ อิฟส์ บิสซูม่า หายจากทีมไปตั้งแต่ถูกตำรวจจับข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ นอกนั้นยังอยู่กันครบนำโดย โซลลีย์ มาร์ช, ปาสกาล กรอส, อดัม ลัลลาน่า, ยาคุบ โมเดอร์,มาร์ค คูคูเรลญ่า, นีล มัวเปย์ และเลอันโดร ทรอสซาร์

สเปอร์ส-แมนฯยูไนเต็ด : เวลา 23.30 น. เกมคู่ดึกถือว่าเป็นเกมคู่เอก “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลา 23.30 น.

เจ้าถิ่น สเปอร์ส นัดล่าสุดลงเล่นคาราบาว คัพ บุกเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 1-0 แต่ฟอร์มในลีกไม่ดีพ่ายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 เกมนี้รอเช็คความฟิต ไบรอัน กิลล์ แนวรุกดาวรุ่งชาวสเปนเพียงรายเดียวเท่านั้น ที่เหลือไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโตเตรียมจัดทัพชุดใหญ่ จัดวาง โอลิเวอร์ สคิปป์ และปีแอร์-เอมิลฮอยเบียร์ก เป็นตัวตัดเกม ส่วนแนวรุกวาง ลูคัส มูร่า ประสานงานกับต็องกีย์ เอ็มดอมเบเล่, ซน ฮึง มิน และแฮร์รี่ เคน

ทางฝั่ง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพิ่งสูญเสียความมั่นใจหลังจากโดนคู่อริตลอดกาลอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล บุกถล่มถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 5-0 แต่พวกเขาได้พักมาเต็มๆ เพราะไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์ เกมนี้หมดสิทธิ์ใช้งาน ปอล ป๊อกบาที่โดนใบแดงในเกมแดงเดือด ในรายของ ราฟาเอล วาราน ตามรายงานอาจจะยังไม่ฟิต แต่กุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ น่าจะเข็นลงจับคู่กับแฮร์รี่ แม็คไกวร์ ส่วนแดนกลางถอด สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ส่งตัวประสบการณ์อย่าง เนมานญ่า มาติช เล่นร่วมกับ เฟร็ด พร้อมปรับโฉมเกมรุก เมสัน กรีนวู้ด ที่เท้าบอดมาหลายเกมหลุดไปนั่งสำรองเปิดโอกาสให้ เจดอน ซานโช่ ลงประสานงานกับ บรูโน่ เฟอร์นานเดส,มาร์คัส แรชฟอร์ด และคริสติอาโน่ โรนัลโด้