อย่างว่ากันไว้ นาทีนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลไทยมีความสุขอย่างที่สุด!
ความสุขของทุกท่าน สัมผัสได้จนแทบจะสำลักออกมากับการที่มีทีมดังจากเมืองผู้ดี อังกฤษ ที่ปกติเราได้แต่เห็นผ่าน”จอตู้” นอนเชียร์อยู่บนเตียง
มาเซิ้งแข้งแล่นสตั๊คให้เราได้เห็นถึงบ้าน
สองสัปดาห์ก่อน “สิงห์ คอร์เปอเรชั่น” ทำความสุขแบบ”ดับเบิ้ล”ให้กับแฟนฟุตบอล เมื่อนำสองทีมโกลบอลพาร์ทเนอร์อย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี มาเยือนเมืองไทยเนื่องในการฉลอง 80 ปีบุญรอด บริวเวอรี่
สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กับการมาเยือนเมืองไทยครั้งล่าสุด ครั้งที่ 5 ของลิเวอร์พูล
มาถึงวันนี้ วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฏาคม 2556 บันทึกอีกหนึ่งหน้าของวงการลูกหนังไทยจะเกิดขึ้นเมื่อ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล จะดวลกับ ทีมชาติไทย ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก
นี่เป็นคำรบที่ 5 ที่กองทัพเดอะ ค็อป ในเมืองไทยได้ชื่นชมพวกเขาอย่างสมอุรา!
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ทุกครั้งที่ผ่านมา ชีวิตของผมจะไปเกี่ยวดองหนองยุ่งกับพวกเขา...ทุกครั้งไป!
ครั้งแรก ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1983 “หงส์แดง” บุกเมืองไทยครั้งแรก ผมมีโอกาสได้เข้าไปชมเกมการแข่งขันในนัดนั้น
ด้วยวัยใกล้ 7 ขวบ!
บอกตามตรงว่า ความทรงจำนั้นเกมนั้นจนถึงวันนี้ “จำอะไรไม่ได้เลย” รู้แต่เพียงว่า ทีมที่เราได้ดูเมื่อหลายเดือนก่อนจะมาไทย
ลิเวอร์พูล ยุคสุดคลาสสิค มาเยือนเมืองไทยครั้งแรก ปี 1983
พ่อผมพาเข้าไปชมเกมที่สนามศุภชลาศัย ฝั่งอัฒจันทร์กระถางคบเพลิง วันนั้นมีหนังสือประจำการแข่งขันเดินขาย ราคา 7 บาท กับ 15 บาท พ่อให้ผมเลือกว่าจะเอาเล่มไหน
“ถ้าเลือก 7 บาท จะได้กินก๋วยเตี๋ยวอร่อย ๆ ที่คลองเตยก่อนกลับบ้าน แต่ถ้าเลือกเล่มละ 15 บาท จบแล้วกลับบ้านเลย”
ด้วยความที่ผมรักฟุตบอลเต็มขั้น จึงตัดสินใจซื้อเล่มที่บางกว่าคือ 7 บาท...เรื่องอะไรจะพลาดก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยล่ะสู!
ครับ...ผมจำได้เท่านั้นจริง ๆ กับเกมแรกที่ลิเวอร์พูลมาเมืองไทย
มีอันต้องเปิดตำรามาดู เกมนั้นดวลแข้งวันที่ 10 มิถุนายน 2526 หรือ 1983 ปีนั้น ลิเวอร์พูล มี บ็อบ เพลสลี่ย์ คุมทีมเป็นปีสุดท้าย ก่อนจะส่งมอบตำแหน่งให้กับ โจ เฟแกน หลังจากจบเกมนี้ 20 วัน
การมาเมืองไทยของ “หงส์แดง” เมื่อปี 2001 หลังจากคว้าทริปเปิ้ลแชมป์บอลถ้วย
ขุนพลที่มานั้นถือว่าสุดยอดทั้งนั้น ตามรายนามคือ เคนนี่ ดัลกลิช, แกรม ซูเนสส์, บรูซ กร็อบเบลลาร์, เอียน รัช เป็นอาทิ
สกอร์จบลงที่ “หงส์แดง” กำชัย 3-0 พอกลับจากเมืองไทยไปปีนั้น ลิเวอร์พูล กวาด 3 แชมป์นั่นคือแชมป์ลีกสูงสุด หรือ ดิวิชั่น 1 ตอนนั้น, แชมป์ลีกคัพ และเปิดท้ายด้วยการครองเจ้ายุโรป ยูโรเปี้ยนคัพ เป็นสมัยที่ 4
ห่างหายไปจากเมืองไทยเป็นเวลายาวนาน “หงส์แดง” กลับมาอีกทีก็ต้องปี ค.ศ.2001 หรืออีก 18 ปีต่อมา ในยุคของ “ดร.ฮู” เชราร์ อุลลิเยร์ กุนซือชาวฝรั่งเศส ที่พาทีมกวาด 3 แชมป์บอลถ้วยคือ เอฟเอ คัพ, ลีกคัพ และยูฟ่า คัพ พร้อมกับนำโทรฟี่ทั้ง 3 รายการมาโชว์ที่เมืองไทย
ในยุคนั้น หงส์แดง มีดาวดังอย่าง ไมเคิล โอเว่น, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, ซามี่ ฮูเปีย, เจมี่ เร้ดแนปป์, แพทริค แบร์เกอร์
ว่ากันว่า หลังจากจบศึกเอเชี่ยนเกมส์ นัดที่ ไทยเราชนะ เกาหลีใต้ 2-1 เมื่อปี 1998 ก็เป็นครั้งแรกที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เต็มเอี๊ยด 60,000 คน เพื่อเข้ามาชม “หงส์แดง” เอาชนะ ทีมชาติไทย ไปได้ 3-1 ด้วยสองประตูของ ไมเคิล โอเว่น
ขณะที่ทีมไทยบันทึกไว้ว่า ณรงค์ชัย วชิรบาล คือคนไทยคนแรกที่ฉีกตาข่าย “หงส์แดง” ได้สำเร็จ
ความประทับใจหนนั้นก็คือ เมื่อนักเตะหงส์แดงเดินทางมาถึงโรงแรมเมอร์ชั่น คอร์ท รัชดา เสียงกรี๊ดจากแฟนบอลสนั่นหวั่นไหว และเป็น ยารี่ ลิตมาเน่น จอมทัพจากฟินแลนด์ เดินจากกลุ่มเพื่อนมาแจกลายเซ็น และจากนั้นก็หลุดโลก
นักเตะทุกคนพร้อมใจกันเดินมาหาแฟนบอลแบบ”การ์ด”ที่คุมเข้มเกินฝีมือถึงกับอึ้งกิมกี่!
หลังจากกลับไปจากการเยือนไทยหนที่ 2 พวกเขาทะลุไปเป็นรองแชมป์พรีเมียร์ลีก และ โอเว่น ได้รับตำแหน่ง”บัลลงดอร์”ในปีนั้นอีกด้วย
ครั้งที่ 3 ในการมาเยือนไทย เกิดขึ้นเมื่อปี 2003
ครั้งที่ 3 แฟนบอลไม่ต้องรอนาน เพราะอีก 2 ปีต่อมา หรือปี 2003 “หงส์แดง” มาไทยอีกครั้ง แต่ถือเป็น”ส้มหล่น”ที่ได้มาเยือน เนื่องจาก จีน ที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเกิดโรคซาร์ส ทำให้ต้องมาจัดที่ไทย ซึ่งหนนี้ ลิเวอร์พูล ก็ยังมี อุลลิเยร์ คุมทีม
เพียงแต่หน้าตาของผู้เล่นในทีมเริ่มเปลี่ยนไป
มิลาน บารอส หัวหอกเช็ก, อีกอร์ บิสคาน แห่งโครแอต, เอล ฮัดจิ-ดิยุฟ จากเซเนกัล เข้ามาอยู่ในทีม รวมไปถึงดาวโรจน์แห่งยุคอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด และหัวหอกดาวรุ่ง นีล เมลเลอร์ ที่ใบหน้าละม้ายกับ เจอร์ราร์ด แบบไม่มีเจตนา
ลิเวอร์พูล กำชัยไปได้ 3-1 ด้วยการยิงสองประตูของ วลาดีเมียร์ ซมิเซอร์ ดาวเตะเช็ก
หากพูดประเด็นความน่าสนใจครั้งนี้ก็คือ เกมครึ่งแรกเตะกันนานถึง 60 นาที เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิดกันของผู้ตัดสินกับฝ่ายจัดและลิเวอร์พูล เบ็ดเสร็จเกมนี้
เราได้ดู ลิเวอร์พูล เตะอยู่นานกว่า 105 นาที
อย่างไรก็ตาม กลับไปคราวนี้ หงส์แดงถึงคราวเปลี่ยนมือเมื่อสิ้นสุดซีซั่นผลงานไม่ดี ทำให้ อุลลิเยร์ ต้องออกจากทีม และเริ่มต้นยุค “ราฟาลูชั่น” ของกุนซือสแปนิชที่ชื่อว่า ราฟา เบนิเตซ
ที่สุดแล้วในปี 2009 “เอล บอส” ก็ได้นำทีมบุกเมืองไทย หลังจากที่เพิ่งอกหักพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกไปอย่างน่าเสียดาย
หงส์แดงจัดเต็มเหมือนเดิมผู้เล่นมากันเต็มสูบนำโดย เฟร์นานโด ตอร์เรส, เจมี่ คาร์ราเกอร์, เปเป้ เรน่า, เดิร์ค เคาท์, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ เป็นอาทิ
มาไทยหนล่าสุดเมื่อปี 2009 เป็นครั้งแรกที่ผลออกมาเสมอกัน 1-1
เพียงแต่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไม่ได้ร่วมทัพมาเนื่องจากต้องเคลียร์ตัวเองกับคดีกระทืบดีเจ รวมถึงบาดเจ็บ
พร้อมกับปริศนาตัวเบ้อเริ่มเกี่ยวกับ กองกลางกระดูกสันหลังของทีมอย่าง ชาบี อลอนโซ่ ที่ตกเป็นข่าวว่า จะอยู่หรือจะย้าย
ก่อนที่สกอร์จะออกมาเสมอกัน 1-1 ไรอัน บาเบล ยิงได้ ส่วน สุธี สุขสมกิจ ยิงตีเสมอให้ทีมชาติไทย แต่คนกลับไปจำการวิ่งเข้ามาดีใจของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย ที่ตะโกนคำว่า “แมนฯยู...แมนฯยู”
พอหงส์แดงกลับไปไม่กี่วัน อลอนโซ่ ถูกขายออกไปจากทีม ตอกย้ำว่าไม่มีอะไรแน่นอนจะเชื่อคำตอบกุนซือแทบจะไม่ได้ เพราะคนที่ถามในงานเพรสคอนเฟอเรนซ์ เรื่องของ อลอนโซ่ ในวันนั้น ที่โรงแรมเอราวัณ
ก็คือคนที่ท่านกำลังอ่านงานเขียนนี้อยู่นี่แล!
ปีนั้น ลิเวอร์พูล จากที่ลุ้นแชมป์ก็หลุดโค้ง เพราะกระดูสันหลังของทีมอย่าง อลอนโซ่ โดนปล่อยออกไป เหมือนกับคนที่เพิ่งผ่านการผ่าตัดหลังมาหมาด ๆ สุดท้าย ราฟา ก็ต้องไปจากทีม
เรื่องการขายนักเตะคนสำคัญออกไปจากทีมหนนั้น ดันมาละม้ายคล้ายกับในครั้งนี้ เมื่อ หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอกคนสำคัญของทีม ยังมีปริศนาอยู่ที่ว่า จะไปไหน
ในงานแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เอียน ไอร์ เป็นคนยืนยันว่า ซัวเรซ ไม่ได้มีไว้ขาย และเป็นนักเตะสำคัญของทีม แม้จะได้รับข้อเสนอที่ดีถึง 2 ครั้งของอาร์เซนอล มาแล้วก็ตาม
เพียงแต่ที่นิ่งสนิทเลยก็คือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือของทีม ที่ไม่ตอบเรื่องนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างที่ “หงส์แดง” อยู่เมืองไทย ก็มีข่าวว่า จอห์น ดับเบิ้ลยู เฮนรี่ เจ้าของทีมชาวอเมริกัน และกลุ่มเฟนเวย์ สปอร์ตส์ กรุ๊ป (เอฟเอสจี) จะขายทีมในราคา 350 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 15,750 ล้านบาท หรือไม่ก็ปล่อยหุ้นให้คนอื่นที่สนใจเข้ามาร่วมธุรกิจ
ประเด็นก็คือ แทบจะทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่มาเมืองไทย เมื่อกลับไปแล้ว ลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
จะเกิดอะไรขึ้นกับทีมไม่มีใครบอกได้ทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนี้คงจะบอกได้อย่างเดียวว่า แฟนฟุตบอลยังคงเหนียวแน่นกับทีม นี่คือพลังแห่ง”ศรัทธา”
ที่เป็น”เครื่องหมายการค้า”ของกองเชียร์ทีมนี้!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี