การแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดที่ 5 ศึกแห่งเศรษฐี “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกลับมาเล่นในรังของตัวเองดวลกับ “หอคอย” ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม
เจ้าถิ่น แมนฯซิตี้ มีอยู่ 9 คะแนนจาก 4 เกมที่ผ่านมา นัดนี้ยังไม่มีเฟร์ราน ตอร์เรส ที่บาดเจ็บ รวมไปถึงแจ็ค กรีลิช ที่สภาพร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ในรายของ เควิน เดอ บรอยน์ ติดโควิด-19 นอกนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไร เป๊บ กวาร์ดิโอล่า ยังคงมั่นใจในระบบ 4-3-3 แบร์นาร์โด้ ซิลวา, โรดรี้และอิลคาย กุนโดกัน คุมแดนกลางแผงเกมรุกใช้ ริยาด มาห์เรซ, ราฮีมสเตอร์ลิ่ง และฟิล โฟเด้น เป็นสามประสาน
ฟากทีมเยือน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง มีอยู่ 8 คะแนนจากการลงเล่น 4 เกม ชนะ 2 เสมอ 2 นัดนี้รอทดสอบความฟิตของ เซร์คิโอ้ รามอส, เพรสเนล คิมเปบเบ้ และจานลุยจิดอนนารุมม่า ส่วน ยูเลี่ยน แดร๊กซ์เลอร์ และราฟินญ่าบาดเจ็บ สองรายหลังไม่ได้ส่งผลอะไรกับทีมอยู่แล้ว คาดว่าเมาริซิโอ้ โปเช็ตติโน่ ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ แมนฯยูไนเต็ดจะจัดทีมมาสู้ในระบบ 4-3-3 อิดริสซ่า กาน่า เกย์ และเลอันโดร ปาเรเดส ทำหน้าที่เบรกเกมรุกคู่แข่ง ปล่อยให้มาร์โก แวร์รัตติ เป็นตัวเชื่อมเกมสอดประสานงานสามตัวบนอย่าง ลีโอเนล เมสซี่, คีลียัน เอ็มบาปเป้ และเนย์มาร์
สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุด แมนฯซิตี้ดูเหนือกว่าเอาชนะได้ 3 เสมอ 1 และ เปแอสเช ชนะ 1
ขณะที่ กลุ่ม บี “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ลงเตะตี 3 ดวลกับ “ปีศาจแดง-ดำ” เอซี มิลาน เวลาตี 3
โดยเจ้าถิ่น “ตราหมี” ที่พ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล มา 2 เกมติดทำให้ตอนนี้มีแค่ 4 คะแนนจาก 4 เกมที่ผ่านมา เกมนี้ต้องการ 3 แต้มเพื่อปิดโอกาสเข้ารอบของคู่แข่งอย่าง เอซี มิลานแต่จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เฟลิเป้ แนวรับที่ติดโทษแบน ส่วนชูเอา เฟลิกซ์ และคีแรน ทริปเปียร์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บข่าวดีคือการได้ อองตวน กรีซมันน์ พ้นโทษแบนกลับมาคาดว่าน่าจะได้ประสานงานกับ ยานนิค การ์ราสโก้, อังเคล คอร์เรอา และ หลุยส์ ซัวเรซ ในแนวรุก
ทางฝั่ง เอซี มิลาน ผลงานน่าผิดหวังในการกลับมาเล่นบนเวทียุโรป 4 เกมที่ผ่านมายังไม่ชนะใคร เสมอ 1 แพ้ 3มี 1 แต้ม เกมนี้สำคัญสุดๆ ต้องการ 3 คะแนนเพื่อลุ้นเข้ารอบ แต่สภาพทีมมีปัญหาค่อนข้างเยอะขาดตัวหลักอย่างอันเต้ เรบิช, ไมค์ เมยอง, ดาวิเด้ คาลาเบรีย รวมไปถึง
ฟีกาโย่ โทโมริ ที่พากันเดี้ยงทั้งหมด ทำให้ อเลสซิโอ้ โรมาโญลี่จะได้ลงคุมแนวรับร่วมกับ ซิมง เคียร์ แผงเกมรุกต้องใช้อเล็กซิส ซาเลแมร์เกอร์ ประสานงานกับ ราเด้ ครูนิช,ราฟาเอล เลเอา และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
สถิติการพบกันของทั้งสองเจอกันมา 3 เกม แอต มาดริดเก็บเรียบเอาชนะได้หมด ซีซั่นนี้ที่บ้านของ มิลาน ก็บุกไปเฉือนมาได้ 2-1
อีกคู่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเก็บ 12 คะแนนเต็มจาก 4 เกมที่ผ่านมาการันตีการเป็นแชมป์กลุ่ม เจอกับ ปอร์โต้ โดยนัดนี้ไม่มีโรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, โจ โกเมซ และเคอร์ติชโจนส์ ส่วน ดิว็อค โอริกี้ มีแววจะผ่านความฟิต เชื่อว่า เจอร์เก้นคล็อปป์ น่าจะปรับทัพพอสมควรเพื่อรักษาความสดของนักเตะไว้เล่นเกมลีก เปิดโอกาสให้บรรดาแข้งสำรองได้ลงเล่นไล่ตั้งแต่ เนโก้ วิลเลี่ยมส์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, แนต ฟิลิปป์ส, คอสตาส ซิมิกาส, ไทเลอร์ มอร์ตัน และทาคุมิ มินามิโนะ
ทีมเยือน ปอร์โต้ ภายใต้การคุมทัพของ แซร์จิโอ้คอนไซเซา มีอยู่ 5 คะแนน ยังมีโอกาสเข้ารอบเป็นอันดับ 2 เกมนี้ถือว่าฟูลทีมไม่มีรายงานนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน พวกเขาต้องการ 3 แต้มเน้นจัดทัพชุดที่ดีที่สุดลงเล่น มาในระบบ 4-4-2 นำโดย เปเป้, โอตาวิโอ้, มาติอุส อูริเบ้, แซร์จิโอ้โอลิเวียร่า, หลุยส์ ดิอาซ, เอวานิลสัน และเมห์ดี้ ตาเรมี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี