แชมป์แรกของรายการนี้ในยุคที่ชื่อว่า “ไทเกอร์ คัพ” ไทยประเดิมแชมป์ปี 1996
การดวลแข้งลูกหนังระดับภูมิภาค หรือ อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพครั้งที่ 13” เดินทางมาถึงปีที่ 25 ทั้งที่กำหนดเวลาต้องเตะลงตัวคือ 24
แต่ด้วยเหตุหยุดโลกจาก โควิด-19 ทำให้ทุกอย่างต้องขยับมาอีกปี ทำให้ปีนี้กลายเป็นครบ “เบญจเพส” ของรายการนี้ไปแบบพอดิบ
พอดี
เติบใหญ่มานานถึง 25 ปี ฟุตบอลรายการนี้ผ่านอะไรมาเยอะทั้งเสียงชื่นชมเสียงตำหนิ ความผิดหวังการดีใจ กระทั่งความไม่เข้าใจของสิ่งที่เกิดขึ้น
ภาพที่เราไม่เคยเห็นก็ได้เห็น ตัวอย่างที่อยู่ในบทบันทึกมีหลายหัวข้อที่จะขอยกตัวอย่าง...................
ภาพบวกแรก ก็คือ รายการนี้เปิดตัวเมื่อปี 1996 เราได้เห็นซูเปอร์สตาร์ ในย่านนี้มากมายรวมตัวกันลงสนาม ทีมไทยเรามีกองหอกทะลวงที่ดีก็คือ เนติพงศ์ ศรีทองอินทร์, เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองและวรวุฒิ ศรีมะฆะ พร้อมกับ “ดาวค้างฟ้า” ที่อยู่มาตั้งแต่ยุคของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นั่นก็คือ ฟานดี้ อาหมัด ของสิงคโปร์ กับ ไซนัล อเบอดีน ฮัสซัน ยังอยู่ในสนาม รวมถึงดาวรุ่งอย่าง คูเนียร์วาน ดาวี่ ยูลิยันโต้ ของอินโดนีเซีย
หรือจะภาพลบครั้งสำคัญ ในอีก 2 ปีต่อมา ระหว่างอินโดนีเซีย กับ ไทยที่ “กลัว” จะเข้าไปเจอกับเวียดนาม ในรอบตัดเชือก ทำให้ภาพที่น่าตกใจเกิดขึ้น
สุดท้าย อินโดฯ กลัวมากกว่าต่อบอลเข้าไปยิงประตูตัวเอง จนแพ้ไทยไป 2-3 ในการเตะเมื่อปี 1998 ถูกตราหน้าว่าเป็น “แมทช์อัปยศ”
เกมอัปยศปี 1998 ที่ยังคงพูดถึงไม่หาย
ฟุตบอลที่เป็นโมเมนท์ที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของอาเซียน เกิดขึ้นในรายการนี้ในปี 2008 เราจดจำภาพที่ เหงียน มินห์ เฟือง เปิดฟรีคิกไปให้กับ เล คอง วินห์ ลอยตัวขึ้นไปโขกผ่านมือ สินทวีชัยหทัยรัตนกุล ตุงตาข่ายในนาทีที่ 90+4
หรือจะเป็นการฉลองชัยที่ไม่เคยคิดว่า มันจะเกิดขึ้นจากการที่เราได้แชมป์อาเซียน เมื่อปี 2014 หลังจากเอาชนะ มาเลเซีย ด้วยประตูรวม 4-3 นั่นมาจากแรงบวกเล่นได้ดีในเอเชี่ยนเกมส์ ต่อเนื่องด้วยการครองถ้วยนี้หนแรกในรอบ 12 ปี
รถแห่ยังมาเลยคิดดูแล้วกัน!!!!
เมื่อถามว่าฟุตบอลรายการนี้ให้อะไรกับใครบ้าง
จากยุคแรกๆ ที่เป็นยุคคลาสสิก เล่นแล้วมันสนุก ดูทีไรมันก็สนุกลองมองย้อนกันอีกที เพราะเราเหนือกว่าคนอื่น ได้แชมป์ 3 จาก 4 ครั้งแรก
ในสายตาเราอาจจะสนุก
แต่สนุกอยู่ข้างเดียวหรือเปล่านั้นก็อีกเรื่อง
กระทั่งถูกท้าทายและลูบคมจนมือเปล่าเปลือย แถมยังมีปีที่ไม่ผ่านรอบแรกอย่าง 2004 ให้เสียหน้า เสียฟอร์ม และเสียไปแทบทุกสิ่งอย่าง
จะอย่างไรก็ตามฟุตบอลรายการนี้ ระดับภูมิภาคนี้ต้องมีต่อไป
ที่สำคัญก็คือ อย่าไปคิดว่าไทยต้อง “แชมป์อย่างเดียว” หรือคำว่า“ต้องชนะทุกทีมในย่านนี้” หรือว่า “ผ่านพวกนี้ไม่ได้จะไปทำอะไรกิน”
แนวคิดแบบนี้ต้องปรับไปให้หมดแล้ว
แข้งไทยกู้ศรัทธาคว้าแชมป์ในปี 2000
อันเนื่องมาจากว่า ฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ วางแผนมองไกลๆ ใช้เกมระดับชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และสำคัญก็คือ “ภาพลวงตาแห่งวงการ” อยากให้แฟนบอลขยี้ตาบ่อยๆ
บางสิ่งที่คิด บางสิ่งที่เห็น ไม่ใช่ “บางที” แต่ “หลายที” ที่มันไม่ใช่ดุจดั่งภาพนั้น
สามัคคี คือสิ่งที่ดีที่สุด สำคัญที่สุด และกำลังใจคือสิ่งที่ดี แต่ไม่ต้องให้เป็นลำดับแรก สิ่งที่ต้องมาก่อนคือ ความจริงที่ต้องแก้ไข
แล้วค่อยส่งกำลังใจไปต่อเนื่อง
ถ้าแพ้แล้วเล่นได้ดี แพ้แบบดวงแตก แน่นอนที่สุดว่า เข้าใจกันได้ แต่ถ้าชนะแต่ไม่ดี หรือแพ้แบบไม่มีหูรูด อันนี้ก็ค่อยขยี้กันต่อ เคาะปัญหาแล้วช่วยกันเปิดประตูทางใหม่
ไม่ใช่ด่าแล้วฝังกลบ
อีกอย่าง หากเพียงแค่สโมสรสมาชิก ที่เป็นเจ้าของนักบอลและทุกฝ่ายก็เข้าใจเรื่องของเงินเดือนเงินดาว แต่คำว่า “เสียสละ”หรือ “เพื่อชาติ” หากว่าสะกดกันไม่ได้ ใช้กันไม่เป็น
ก็สมควรแล้วจะโดน ชยันโต
ฟุตบอลคือศรัทธา แต่ถูกนำไปเป็นเครื่องมือหารับประทาน เป็นเครื่องมือเดินไปสู่ธุรกิจต่างๆ เป็นเครื่องมือสร้างภาพลักษณ์ของตนเอง หรือเครื่องมือในการส่งสัญญาณต่อการ “ลงคะแนน” เมื่อถึงเวลาโกลบอล โพลิติก
น่าสงสารฟุตบอล น่าเห็นใจแฟนบอลจริงๆ
บี แหลมสิงห์
ทำเนียบแชมป์
ครั้งที่ 1 ปี 1996 แข่งที่สิงคโปร์ ไทย(แชมป์)
ครั้งที่ 2 ปี 1998 แข่งที่เวียดนาม สิงคโปร์(แชมป์)
ครั้งที่ 3 ปี 2000 แข่งที่ไทย ไทย(แชมป์)
ครั้งที่ 4 ปี 2002 แข่งที่อินโด/สิงคโปร์ ไทย(แชมป์)
ครั้งที่ 5 ปี 2004 เจ้าภาพร่วม4ชาติ สิงคโปร์(แชมป์)
ครั้งที่ 6 ปี 2007 แข่งที่ไทย/สิงคโปร์ สิงคโปร์(แชมป์)
ครั้งที่ 7 ปี 2008 แข่งที่อินโด/ไทย เวียดนาม(แชมป์)
ครั้งที่ 8 ปี 2010 แข่งที่อินโด/เวียดนาม มาเลเซีย(แชมป์)
ครั้งที่ 9 ปี 2012 แข่งที่มาเลย์/ไทย สิงคโปร์(แชมป์)
ครั้งที่ 10 ปี 2014 แข่งที่สิงคโปร์/เวียดนาม ไทย(แชมป์)
ครั้งที่ 11 ปี 2016 แข่งที่เมียนมาร์/ฟิลิปปินส์ ไทย(แชมป์)
ครั้งที่ 12 ปี 2018 เจ้าภาพร่วม เวียดนาม(แชมป์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี