การแข่งขันพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์นี้ เกมที่สนามแอนฟิลด์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เอฟซี รองจ่าฝูง จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า ที่มี สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตำนานกัปตันทีมของลิเวอร์พูล คุมทัพ ในเวลา 22.00 น.

เจอร์ราร์ด รับงานคุมวิลล่า ไปแล้ว 4 นัด มีสถิติชนะ 3 แพ้ 1 เขาเริ่มลงสนามให้ลิเวอร์พูล เมื่อปี 1998 รับใช้ทีม 504 นัด ในบอลลีก และรวมทุกรายการคือ 710 นัด กับ ลิเวอร์พูล พร้อมกับเป็นกัปตันทีมมากที่สุดถึง 473 นัด ให้กับหงส์แดง และติดทีมชาติ 114 นัด ก่อนจะย้ายจาก ลิเวอร์พูล ในช่วงซัมเมอร์ปี 2015 ไปอยู่เมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา กับ แอลเอ แกแล็คซี่ ก่อนจะกลับมาเป็นทีมสต๊าฟให้กับ ลิเวอร์พูล และโดดไปรับงานที่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส เมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมเป็นแชมป์ลีกสกอตแลนด์ ครั้งแรกในรอบ 10 ปี ก่อนจะมาคุม วิลล่า เมื่อ 11 พฤศจิกายนที่ผานมา

ความพร้อมเกมนี้ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมจากเกาะอังกฤษที่สามารถเอาชนะ 6 เกมรวดในรอบแบ่งกลุ่มของศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก หลังจากบุกปราบ เอซี มิลาน 2-1 เกมนี้ยังไม่มีแข้งที่บาดเจ็บอยู่อย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และเคอร์ติส โจนส์ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไรบรรดาแข้งที่ได้พักจากเกมล่าสุดจะกลับมาเป็นตัวจริงทั้งหมด จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่ และตีอาโก้ อัลคันทาร่า คุมแดนกลาง แนวรุกใช้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดีโอโก้ โชต้า และซาดิโอ มาเน่ เป็นสามประสาน

ทางฝั่ง “สิงห์ผงาด” วิลล่า เกมนี้ยังไม่มี แบร์กตรองด์ ตราโอเร่ และเลออน ไบลีย์ ส่วนมาห์มุ้ด เทรเซเกต์ และแมตต์ ทาร์เก็ตต์ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ แอชลีย์ ยัง จะได้ประจำการตำแหน่งแบ๊กซ้าย ตำแหน่งอื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไร นำโดย จอห์น แม็คกินน์, มาร์เวลาส นาคัมบ้า,ดั๊กลาส ลุยซ์, เจค็อบ แรมซีย์, โอลลี่ วัตกิ้นส์ และเอมิเลียโน่ บูเอนเดีย

สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุดไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ ลิเวอร์พูล เอาชนะได้ 3 ส่วน แอสตัน วิลล่า ชนะ 2

ขณะที่ เวลา 19.30 น. “เรือใบสีฟ้า”
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปทำจ่าฝูงของตาราง สัปดาห์นี้ลงเล่นเป็นคู่แรกเจอกับ “หมาป่า” วูล์ฟส์ ซึ่ง แมนฯซิตี้ มีโอกาสทำแต้มทิ้งห่างผู้ตาม นัดล่าสุดโรเตชั่นทีมออกไปพ่ายให้กับ แอร์เบ ไลป์ซิก 1-2 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ความพร้อมเกมนี้ไม่มี กาเบรี่ยล เฮซุส, เฟร์ราน ตอร์เรส และเลียม ดีแล๊บ ที่บาดเจ็บ ส่วนอายเมริค ลาปอร์ก รอเช็คความฟิต คาดว่า จอห์น สโตนส์ จะได้ลงคุมแนวรับร่วมกับ รูเบน ดิอาส แดนกลางกลับมาใช้โรดรี้, อิลคาย กุนโดกัน และเควิน เดอ บรอยน์ สามประสานในเกมรุกเลือก แบร์นาร์โด้ ซิลวา,ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และแจ็ค กรีลิช

ทีมเยือน วูล์ฟแฮมป์ตัน เกือบจะยัน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในนัดล่าสุด เกมนี้ยังไม่มี เปโดร เนโต้, จอนนี่ อ๊อตโต้, วิลลี่ โบลี่ ที่พากันเดี้ยงทั้งหมด ส่วน เฟอร์นานโด้ มาร์ชาล ติดโควิด-19 มีแววว่าจะต้องเข็นกัปตันทีม คอนอร์ โคดี้ และรายาน เอท-นูรี่ ที่ไม่ค่อยสมบูรณ์ลงสนาม นอกนั้นถือว่าไม่มีปัญหาอะไร นำโดย เนลสันเซเมโด้, รูเบน เนเวส, ชูเอา มูตินโญ่, อดาม่าตราโอเร่, ราอูล ฆิเมเนซ และควาง ฮี-ชาน

ทางฝั่ง “สิงห์บลูส์” เชลซี จะดวลกับ “ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด เวลา 22.00 น. โดย เชลซี สัปดาห์ที่แล้วเสียจ่าฝูงให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากบุกไปพ่ายให้กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 เกมนี้ได้กลับมาในบ้านของตัวเองมีปัญหาพอสมควรเพราะ มัตเตโอ โควาซิซ, เอ็นโกโล่ ก็องเต้,เบน ชิลเวลล์ ของเทรเวอร์ ชาโลบาห์ มีปัญหาอาการบาดเจ็บ แถมรูเบน ลอฟตัน-ชีค และจอร์จินโญ่ ต้องเช็คความฟิตมีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเข็นลงเพราะตัวเลือกในตำแหน่งนี้ไม่มีแล้ว ที่เหลือถือว่าพร้อม เกมรุกใช้ เมสัน เม้าท์ ประสานงานกับ ตีโม แวร์เนอร์ โดยมี โรเมลู ลูกากู ยืนหน้าเป้า

ทางฝั่ง ลีดส์ ไม่แพ้ใครมา 3 เกมติด นัดล่าสุดไล่ตามตีเสมอ เบรนท์ฟอร์ด 2-2 เกมนี้จะขาด เคลวิน ฟิลิปป์ส มิดฟิลด์ห้องเครื่องคนสำคัญที่มีอาการบาดเจ็บ เช่นเดียวกับ โรบิน ค็อค ส่วนปาสกาล สเตร้าจ์ค และเลียม คูเปอร์ ต้องเช็คความฟิต เกมรุกถือว่าสมบูรณ์ขึ้นเมื่อได้ แพทริค แบมฟอร์ด หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาแล้ว จะประสานงานกับ ราฟินญ่า, แดเนี่ยล เจมส์ และโรดริโก้ โมเรโน่

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด เชลซี ไม่แพ้เลยเอาชนะได้ 3 และเสมอ 2

อีกคู่ในเวลา 00.30 น. “นกขมิ้นเหลืองอ่อน” นอริช ซิตี้ ทีมบ๊วยเจอกับ “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด โดย “นกขมิ้น” ที่ผลงานดูดีขึ้นหลังจากเปลี่ยนโค้ช แต่เกมล่าสุดพ่ายให้กับ สเปอร์ส0-3 เกมนี้ไม่มี มิล็อต ราชิก้า ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บ ส่วนแบรนดอน วิลเลี่ยมส์ ไม่พร้อมลงเล่นด้วยเหตุผลมีปัญหาทางครอบครัว ข่าวดีคือการได้ มาติอัส นอร์แมน มิดฟิลด์ที่หายจากอาการบาดเจ็บพร้อมกลับมาคุมแดนกลาง ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร นำโดย บิลลี่ กิลมอร์, เคนนี่ แม็คลีน,ท็อดด์ แคนท์เวลล์ และตีมู ปุ๊กกี้

ฟาก “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ราล์ฟ รังนิค ประเดิมเกมแรกด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 กลางสัปดาห์ที่ผ่านก็ขนสำรองยกชุดเสมอกับ ยัง บอยส์ ในแชมเปี้ยนส์ ลีก 1-1 เกมนี้ยังไร้เงา ปอล ป๊อกบา และอองโตนี่ มาร์กซิยาล ส่วนราฟาเอล วาราน และเอดินสัน คาวานี่ สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ คาดว่าเกมนี้จะกลับมาใช้ตัวจริงทั้งหมด เฟร็ด คุมแดนกลางร่วมกับ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ เกมรุกใช้ บรูโน่ เฟอร์นานเดส และเจดอน ซานโช่ เป็นตัวสร้างสรรค์เกมโดยมี คริสติอาโน่ โรนัลโด้ และมาร์คัส แรชฟอร์ด ยืนเป็นคู่หัวหอก

สถิติการพบกันของทั้งสอง 5 เกมหลังสุด แมนฯยูไนเต็ด เอาชนะได้ 4 มีพลาดให้กับ นอริช แค่เกมเดียวเป็นการพ่ายคารังเกิดขึ้นเมื่อปี 2015