รูปปั้น “All Together Now” ออกแบบโดย แอนดี้ เอ็ดเวิร์ดส์ เคยถูกจัดตั้งไว้ ณ โบสถ์เซนต์ลุค ที่ถูกทิ้งระเบิดในลิเวอร์พูล หันหน้าไปทางโบลด์ สตรีท เป็นอนุสาวรีย์ระลึกถึงเหตุการณ์ปี 1914
คำถามที่ว่าทำไมถึงได้ไม่แข่งขันฟุตบอลใน “วันคริสต์มาส” แต่กลับมีฟุตบอลในวันต่อมาก็คือ “บ็อกซิ่งเดย์”
คริสต์มาส คือ 25 ธันวาคม ส่วน บ็อกซิ่งเดย์ คือวันรุ่งขึ้นนั่นคือ 26 ธันวาคม ของทุกปี
คริสต์มาส คือวันส่งความสุข ส่งของขวัญ มีซานต้าซานตี้มามอบให้ตามความเชื่อ และรังสรรค์กันมายาวนาน จากนั้นก็มาเปิดกล่องของขวัญในวันรุ่งขึ้นจึงเป็นคำว่า “บ็อกซิ่งเดย์”
ตำนานของบ็อกซิ่งเดย์ ที่เปิดกล่องของขวัญในยุคต่อมา พาดผ่านถึงยุคปัจจุบัน มีตำนานมาจาก 3 เหตุการณ์สำคัญในอดีต
1.ตำนานการเดินเรือ
เรือทุกลำที่มุ่งหน้าออกจากฝั่ง ด้วยการเดินสมุทร จะมีกล่องปลุกเสกจากบาทหลวง เป็นของศักดิ์สิทธิ์ในการเดินทาง ในกล่องจะมีเงินและถ้าปลอดภัยกลับมา จะนำกล่องไปถวายบาทหลวงในวันที่ 26 ธันวาคม
2.ตำนานงานเลี้ยง
วันคริสต์มาสของขุนนาง หรือสตรีสูงศักดิ์ยุคโบราณจะมีการจัดงานเลี้ยงตามสถานที่ต่างๆ ประดามี จากนั้นเมื่องานจบลง บรรดาขุนนางและหญิงสูงศักดิ์เหล่านั้น ได้นำกล่องไปใส่อาหารจากงานดังกล่าว นำไปแจกลูกน้อง, ผู้อยู่อาศัย หรือผู้เช่าที่ในเช้าวันรุ่งขึ้น
3.ตำนานการทำงาน
มีคนจำนวนไม่น้อย ที่จะต้องทำงานในวันคริสต์มาสจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม แต่พวกเขาเหล่านั้น ได้ถูกนายจ้าง รวมถึงสถานการณ์หน้างานที่ “ร้องขอ” ให้ทำงานในวันคริสต์มาส
ย่ำรุ่งหลังวันคริสต์มาส บรรดา “ผู้ว่าจ้าง” หรือว่า “นายจ้าง” จะนำของขวัญไปมอบให้เป็น “กรณีพิเศษ” ซึ่งของขวัญเหล่านี้ไม่เกี่ยวและเป็นคนละส่วนกับ “ค่าจ้าง” ถือเป็นการมอบ “สินน้ำใจ” ในการทำงานวันหยุดประจำปี
เหตุการณ์ “Christmas truce” เมื่อ 107 ปีที่แล้ว
จากนั้นการมอบให้ลูกจ้าง ก็กลายมาเป็นมอบให้กับคนในครอบครัว, คนที่เคารพ และเพื่อนฝูง ในกาลต่อมา
นั่นคือตำนานวันคริสต์มาส ทีนี้มาถึงตำนานฟุตบอลกับวันคริสต์มาส กันบ้าง
เรื่องเล่าไม่รู้จบ ครบเมื่อไหร่ก็ต้องเล่าคือ คริสต์มาส ทรูซ (Christmas Truce)
ข้อความหมายว่า การตกลงพักรบชั่วคราวของทหารอังกฤษและทหารเยอรมนี ซึ่งกำลังรบกันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1
พื้นฐานแล้ว ผมเชื่อว่าไม่มีใครอยากฆ่ากันหรอกครับ.............
25 ธันวาคม ของทุกปี เป็นวันคริสต์มาส ซึ่งมุมหนึ่งของวันสำคัญนี้ เมื่อ 107 ปีที่แล้ว เกิดเหตุการณ์ที่โลกต้องจารึก เพราะมีเรื่องราวเหลือเชื่อเกิดขึ้น
นายทหารทั้งสองฝั่ง ตัดสินใจพักรบ เพื่อแข่งฟุตบอลกัน
สองฝ่ายเข้าต่อกรกันด้วยกำลังทหารนับแสนนาย อังกฤษ กับ เยอรมนี ตรงข้ามกันมาตลอดตั้งแต่ยุคนั้น ต่อมาก็คือ อังกฤษ คือฝ่ายสัมพันธมิตร ส่วน เยอรมนี คือฝ่าย มหาอำนาจกลาง ในยุคนั้นก่อนจะกลายมาเป็นฝ่ายอักษะที่เราคุ้นเคยในกาลต่อมา ในสงครามโลกครั้งที่สอง
การพักรบเพื่อมาเตะฟุตบอลในวันคริสต์มาสครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ.1914 ทหารของเยอรมนีได้เริ่มเป็นฝ่ายเจรจาหยุดยิงก่อน
เรื่องนี้ ทหารผ่านศึกทางฝ่ายอังกฤษ ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเล่าว่า ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ หรือ คืนก่อนวันคริสต์มาส 24 ธันวาคม ท้องฟ้าเหนือสมรภูมิมืดสนิท อากาศอันหนาวเหน็บจากหิมะตกโปรยปราย
กระทั่งเวลากลางดึกประมาณเที่ยงคืน.......
เริ่มมีเสียงเพลงมาจากฝ่ายเยอรมนี ซึ่งเพลงนั้นคือเพลง Silent Night แต่ร้องเป็นเวอร์ชั่นภาษาสำเนียงดอยช์ลันด์
นอกจากเสียงเพลงดังกล่าวแล้ว ยังมีแสงเทียนระยับอยู่ตามต้นไม้
เป็นประเพณีของเยอรมนี ที่จะจุดเทียนและนำไปวางตามต้นไม้ในวันคริสต์มาส
ฟุตบอลในวันคริสต์มาส ได้หายไปจากปฏิทินตั้งแต่ปี 1976
จากนั้นเสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้นจากฝั่งอังกฤษบ้าง เสียงเพลงเริ่มกระจายตัวไปตามแนวรบเรื่อยๆ มีการร้องเพลงสลับรับส่งตลอดแนวรบของทั้งสองฝั่งกันอย่างสนุกสนาน บางช่วงก็มีวงดนตรีเครื่องเป่าต่างๆ เข้ามาร่วมแจมเพลงด้วย
แน่ใจนะว่าสนามรบ!!!!!
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักก็เห็นทหารเยอรมันจำนวนมากทยอยออกมาโดยไม่มีอาวุธใดๆ และไล่จับมือทักทายไปทั่วบริเวณ บรรยากาศจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ทหารทั้งสองฝ่ายได้มีการนำของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่หาได้มามอบให้แก่กันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเหล้ารัม ซิการ์ ขนมพุดดิ้ง หรือผลไม้ต่างๆ
เกมนั้นระบุว่า ทีมทหารเยอรมันเป็นฝ่ายชนะ 3-2 บางที่บอกว่า 2-1 แข่งกันบนที่ดินทำการเกษตร ผืนดินนั้นเป็นของเมืองแซงต์ อีฟส์ (Saint Yves) ประเทศเบลเยียม
กระทั่งแสงแรกของวันคริสต์มาส มาถึง
พลทหารเยอรมนีนายหนึ่ง ได้เดินออกมาพร้อมกับยกมือสองข้าง แสดงความบริสุทธิ์ใจ จากแนวรบฝั่งตัวเอง มุ่งหน้าสู่แนวรบอังกฤษ และได้นำขนมเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้กับทหารฝ่ายอังกฤษ และเริ่มตะโกนทักทาย “Merry Christmas!…” เป็นภาษาอังกฤษ
เท่านั้นแหละ จากนั้นก็พูดคุยทักทายกัน แต่ยังไว้เชิง เพราะเกรงว่า จะเป็นกลลวง
นอกจากนี้ กัปตัน ซี. ไอ. สต็อคเวลล์ ผู้บัญชาการทหารปืนยาวเวลช์ ได้ออกมาเพื่อดูเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง
และได้เห็นเรื่องราวแปลกประหลาดนี้ จนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
จากนั้น กัปตันสต็อคเวลล์ ได้พบกับผู้บัญชาการทหารเยอรมนีกับล่าม ซึ่งกล่าวทักทายอย่าฉันท์มิตร พร้อมกับนำเบียร์มาให้หนึ่งถัง
กะปิตันแห่งเวลช์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้ของขวัญวันคริสต์มาส บนสนามรบ จึงไม่ได้เตรียมของขวัญมาแลกตามประเพณี
แต่ด้วยไหวพริบปฏิภาณอันดี จึงสั่งให้พลทหารนำ “พุดดิ้งลูกพลัม” ที่ทำเตรียมไว้มากสำหรับวันคริสต์มาสที่จะให้ทหารตัวเอง
เอามามอบให้กับผู้บัญชาการฝั่งเยอรมนีในทันที
ทำให้การพักรบนี้ นอกจากจะเป็นการพักมาเตะบอลแล้ว ยังถูกเรียกว่า “ปฏิบัติการพุดดิ้งลูกพลัมวันคริสต์มาส” อีกด้วย.........
ทุกคนแหล่ะ อยากมีความสุข ถวิลหาชีวิตในแง่บวกอยู่เสมอ แม้ว่าในช่วงเวลานั้น “ความตาย” อาจจะมายืนสะแหยะยิ้มอยู่เบื้องหน้า ก็ตามที.......
เพราะอรุณรุ่งอีกวันต่อมา ทั้งสองฝ่ายกลับมารบกันอีกครั้งในวันนี้คือบ็อกซิ่งเดย์...........
.........ขณะที่ฟุตบอลเอง ไม่มีการเตะในวันคริสต์มาส มายาวนาน เนื่องจากทุกคนต้องการจะอยู่กับครอบครัว และเลือกวันบ็อกซิ่งเดย์ หลังจากการฉลองร่วมกันแล้ว ก็ออกไปดูฟุตบอลกันดีกว่า
ฟุตบอลในวันคริสต์มาส จึงหายไปในอังกฤษ นับตั้งแต่วันที่25 ธันวาคม 1965 เป็นต้นมา
ด้วยปัญหาต่างๆ ที่หลายคนดูบอลไม่สนุก เพราะต้องปรุงอาหาร ต้อนรับแขกไป ใครมาที่บ้าน ไม่มีสมาธิตั้งแต่นักบอลไปยันกองเชียร์
สำคัญที่สุดก็คือ ปัญหาเรื่องการเดินทางคือปัจจัยสำคัญ เนื่องจากรถโดยสารที่ลดจำนวนลง เพราะเป็นวันหยุด จึงมีการประกาศจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ ว่า สมควรแก่เวลาที่จะยุติฟุตบอลในวันคริสต์มาส
แล้วให้มาเตะวันบ็อกซิ่งเดย์
ไม่เพียงแต่ฟุตบอลเท่านั้น กีฬาม้าแข่ง และรักบี้ ก็ขยับตัวเองมาลงสนามในวันบ็อกซิ่งเดย์ด้วยเช่นเดียวกัน
บันทึกเอาไว้ว่า การเตะแบบครบโปรแกรมของบอลอังกฤษ ครั้งสุดท้ายในวันคริสต์มาส นั่นคือวันที่ 25 ธันวาคม 1959
ส่วนเกมสุดท้ายคือ 25 ธันวคม 1965 บันทึกว่าคู่สุดท้ายที่บลูมฟิลด์ โรด ซึ่ง แบล็คพูล เอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 4-2 ในศึกดิวิชั่น 1
แต่ถ้าจะนับในเครือสหราชอาณาจักร การเตะแบบครบโปรแกรมครั้งสุดท้าย เกิดขึ้นในปี 1971 เป็นเกมลูกหนังสกอตติชดิวิชั่น 1 ของประเทศสกอตแลนด์
ก่อนจะยุติอย่างเป็นทางการเมื่อปี 1976 ในการเตะ 2 คู่สุดท้าย นั่นคือเกมดิวิชั่น 1 ที่ ไคลด์แบงค์ เสมอกับ เซนต์ เมียร์เรน2-2 และในเกมดิวิชั่น 2 อัลลัว ชนะ คาวเดนบีธ 2-1
ถือเป็นการปิดตำนานลูกหนังคริสต์มาสอย่างสมบูรณ์
พร้อมกับเป็นที่มาของฟุตบอลวันบ็อกซิ่งเดย์แบบเต็มรูปแบบจนถึงนาทีนี้ นาทีที่โรคระบาดยังอาละวาดทำสถิติคนติดเชื้อทุกวัน
แต่นักบอลก็ต้องก้มหน้าก้มตาลงสนามกันต่อไป..........
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี