โธมัส ทูเคิล กับ อันโตนิโอ คอนเต้ หาระบบตัวเองเจอในการคุมเชลซีเหมือนกัน นั่นก็คือ 3-4-2-1 และ 3-4-3
เกมลอนดอน ดาร์บี้แมทช์ ที่สแตมฟอร์ดบริดจ์ วันอาทิตย์นี้ น่าสนใจมาก
“สิงห์บลูส์” เชลซี ที่ครองเจ้ายุโรป และเข้าชิงลีกคัพ แต่ช่วงหลังเสียคะแนนในบอลลีกไปเยอะอย่างไม่น่าเป็นไปได้
เริ่มต้นเดือนธันวาคม พวกเขาเป็นจ่าฝูง คะแนนเหนือ แมนฯซิตี้ อยู่1 แต้ม แต่สถานการณ์ปัจจุบันก่อนเข้าถึงแมทช์เดย์ ปรากฏว่า ต้องตามหลัง ซิตี้มากถึง 14 แต้ม
หลังจากบุกไปชนะ วัตฟอร์ด 2-1 ในวันที่ 1 ธันวาคม 2021 นับจากวันนั้นเชลซี ชนะได้อีกแค่ 2 เกมเท่านั้น และเกมล่าสุดก็คือ ชนะ แอสตัน วิลล่าในวันเปิดกล่องของขวัญบ็อกซิ่งเดย์
4 นัดต่อมา เชลซี ไม่ชนะใครเลยโดยเฉพาะการเจอกับ ไบรท์ตัน 2 นัด เสมอหมด 1-1 และไล่ตามตีเสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ที่เดอะ บริดจ์ และก็ไปแพ้แมนฯซิตี้ 0-1 ทำให้ปีนี้เสียแต้มแบบไปกลับให้กับคู่ปรับทั้งสองเกม
สถานการณ์ก็คือ โดยปกติ โธมัส ทูเคิล ที่เลือกระบบลงตัว 3-4-3 หรือจะลงรายละเอียดไปที่ 3-4-2-1 เกิดปรับหมากในการเล่นเป็น “ไลน์โฟร์” หรือแผงหลังแบบคลาสสิกคือ 4 คน แล้วไปเลือกสลับเล่นในแดนบน
เหตุผลเพราะตัวผู้เล่นไม่พอ.....ก็คงไม่ใช่
เหตุผลเพราะผู้เล่นเยอะเกินไป....อันนี้คือทางเลือก
การที่มีขนาดทีมใหญ่ บางครั้งมันส่งผลเหมือนกัน เมื่อเชลซี เริ่มจะมีปัญหาในการ “จัดเรียง” ก่อนจะ “จัดวาง” ผู้เล่นเข้าสู่สนาม
สิ่งสำคัญมี 2 เรื่อง....สองเรื่องเท่านั้นจริงๆ
1.สปิริตในทีม
2.การบาดเจ็บของสองวิงแบ๊ก
เริ่มจากข้อแรก เชลซี เป็นทีมที่แข็งแกร่งเรื่องขุมกำลัง ทั้งกำลังนักเตะ และกำลังทรัพย์ นับตั้งแต่การเข้ามาอังกฤษของ โรมัน อบราโมวิช ที่กำลังจะครบ 2 ทศวรรษ ทำให้โฉมหน้าของวงการฟุตบอลเปลี่ยนไป
ชื่อของ เชลซี ผงาดง้ำในวงการอย่างยาวนาน ไม่ใช่มาๆ หายๆ แบบเมื่อก่อน แต่สิ่งที่แฝงอยู่คือ ปัญหาภายในที่บางครั้งไม่ควรเกิด
ก็เกิดอยู่หลายหน
ซีซั่นนี้มาบังเกิดกับประเด็น โรเมลู ลูกากู ที่อยู่ๆ ก็มีเรื่องแบบนี้ออกมาหน้าตาเฉย
มันร้อนเข้าไปอีก หลังจากการให้สัมภาษณ์หลังๆ มานี่ทูเคิล ดูเหมือนจะ “ตบะแตก” เหมือนกับว่า เขาจะคุมสถานการณ์อยู่
อีกนัยหนึ่งกลับเหมือนว่า เขาคุมตัวเองไม่อยู่
ปัญหามันเกิดจากการพลิกแผนที่ต้องมาใช้ “กองหลังหน้ากระดาน” การเลือกนักบอลมันพังทันทีเมื่อ เบน ชิลเวลล์ กับ รีซ เจมส์ บาดเจ็บในเวลาไล่เลี่ยกัน
มาร์กอส อลอนโซ่ ได้สตาร์ทก่อนในปีนี้ แต่อย่างที่ทุกคนเห็น เขาไม่เสถียรทำให้ ชิลเวลล์ ได้ลงมาเล่น แล้วบอลเชลซีด้านข้างทรงประสิทธิภาพอย่างมาก โดยการได้ประตูส่วนใหญ่ก็มาจากการขึ้นด้านข้าง
โลเมลู ลูกากู อยู่ๆ กลายเป็นระเบิดลูกใหม่ที่ทำให้สปิริตของทีมต้องมาปรับกันใหม่อีกรอบ
พูดได้เต็มปากว่า เชลซี มี “วิงแบ๊ก” ที่ดีที่สุดในลีก
แต่เมื่อทั้งสองคนบาดเจ็บ พวกเขาต้องปรับมาเล่น และบางที 4-2-2-2 ประเด็นมันไม่เกี่ยวกับกลาง กับหน้า แต่เซ็นเตอร์แบ๊ก ที่เล่นคู่นั้น มันไม่แน่นเหมือนกับยืนหลังสนาม
ไม่ใช่ระบบด้วย มันเกี่ยวกับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์, ธิอาโก้ซิลวา, เซซาร์ อัสปิลิกวยต้า, อันเดรส คริสเตนเซ่น ที่ดูเหมือนว่า ถ้า “ยืนคู่” ประสิทธิภาพดี แต่ไม่ได้ดีแบบ “ยืนสาม”
สถานการณ์มันทำให้ ทูเคิล “จำเป็น” จะต้องเปลี่ยน เพราะเกมด้านข้างไม่เหมือนเดิม บวกกับนักเตะเยอะทำให้เขามีตัวเลือกพอตัวในแดนบน แต่มันอาจไม่ได้ผลเหมือนกับสูตรเดิม
ขณะเดียวกัน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่ได้ตัวของ อันโตนิโอ คอนเต้ แบบเส้นยาแดงปาดหน้า “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเล่นได้น่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ
ปัญหาที่ผ่านมาคือ บอลสเปอร์ส คือประเภทกลับไม่ได้ไปไม่ถึง แรงเหมือนจะดีแต่พุ่งไม่สุด และดูเหมือนทีมที่ดีที่สุดได้ตายลงไปหลังการพ่ายแพ้ในคัพ ไฟนอลส์ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019” ที่กรุงมาดริด
คอนเต้ เข้ามาจัดระบบระเบียบ และเขาก็ “หลุด” ให้สัมภาษณ์ถึง 3 ครั้งแล้วว่า ปัญหาใหญ่ในทีมนั้นมีอยู่แล้ว แต่ปัญหาต่างๆ กลับเยอะจน เขาไม่คิดมาก่อนว่ามันมีเยอะขนาดนี้
การปรับทีมของ สเปอร์ส ที่ชัดเจน ณ เวลานี้มี 3 เรื่องด้วยกัน
1.สปีดบอล
2.ระบบการเล่น
3.เข้าใจศาสต์ของโค้ช
เรื่องแรกชัดเจนก็คือ ในช่วงที่ นูโน่ เอสปริโต้ ซานโต้กับยุคของ คอนเต้ เรื่องของการ “วิ่งสู้พื้นที่” ค่อนข้างต่างกันเพราะ นูโน่ เน้นเรื่องคุมโซนรอจังหวะ แต่ คอนเต้ เล่นโซนเพรสได้ดุดัน
การวิ่งใส่ของ สเปอร์ส ขึ้นมาระดับท็อปของลีก หลังจากเป็นลำดับบ๊วยในเรื่องนี้ และจากที่ยืนกันห่างไกล ตอนนี้แข้งไก่ไปไหนแทบจะตัวติดกัน
ไม่ได้ติดกันแค่เฉพาะตำแหน่ง แต่การ “เล่นบอลเป็นกลุ่ม” ค่อยๆ พัฒนาขึ้นมา
เรื่องสองก็คือ ระบบของคอนเต้ ชัดเจนคือ “หลังสาม”จากนั้นค่อยไปใส่รายละเอียด เหมือนตอนเขาคุมเชลซี ที่ตกผลึกจนเล่น 3-4-3 แล้วพลิกสถานการณ์เป็นแชมป์ไปเลย ก่อนจะไปคุมอินเตอร์ มิลาน แล้วจัดวางเป็น “คู่หอก” แต่ทรัพยากรก็คือ “กลางสาม” แล้วเน้น “วิงแบ๊ก”
แต่สิ่งที่ คอนเต้ ไม่ทิ้งแล้วก็คือ “หลังสาม”
อันโตนิโอ คอนเต้ กำลังเร่งใส่ความเป็นตัวตนของตัวเองให้กับ สเปอร์ส
เพราะอะไรนะเหรอ.....คอนเต้ ที่ตกงานจากเชลซี ก็คือปัญหาพอถูกแก้ลำบอลด้านข้างได้ เขากลับมาเล่นไลน์โฟร์ แล้วก็ต้องไป
สเปอร์ส จึงมาในแนว 3-4-3 หรือ 3-4-2-1 แก้ไขสถานการณ์ที่ “ด้านข้าง” เมื่อสไตล์การขึ้นเกมของ เซร์คิโอเรเกลอน ที่ไปแล้วลงไม่ทัน ไม่ต้องมากังวลมากนัก เมื่อ เบน เดวิสซึ่งเป็นอีกคนที่เล่นแบ๊กแล้ว เน้นรับแต่ขึ้นไม่ทัน ให้มาเล่น “เซ็นเตอร์ซ้าย”
ความแข็งแรงมีในแดนกลาง อาจไม่เท่าฝั่ง เชลซี เรื่องของเทคนิค แต่ ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบียร์ก กับ โอลิวิเยร์ สคิปป์ เล่นได้ตามสคริปต์มากๆ หรือจะจับ แฮร์รี่ วิงส์ ที่จะโดนขายทิ้งมาเสริมอีกรายได้พอดี
พอเข้าใจในระบบ ตอนนี้ทุกคนเข้าใจถึงข้อ 3 ก็คือ ศาสตร์ของคอนเต้ ว่า ต้องการอะไร บอลของทีมพึ่งระบบไม่ได้พึ่งมนุษย์ ดังนั้นเมื่อก่อนพอขาด แฮร์รี่ เคน ก็จะยิงไม่ได้ หรือขาด ซน ฮึง มิน บอลก็จะไม่ลื่นไม่ไหล
ตอนนี้ขาด ซน แต่คนอื่นในแนวรุกกลับเล่นบอลได้ซุกซนได้เหมือนเดิม
สุดท้ายย้ำอีกทีว่า ณ เวลานี้ และเรามักจะได้ยินคำจากผู้จัดการทีมคนแล้วคนเล่าที่พูดว่า ฤดูกาลนั้นมันยาวไกลมากนัก...........
สองทีมนี้พื้นฐานในการเล่นจากกุนซือคนก่อนเหมือนกัน คือ ไลน์โฟร์ แต่มาปรุงใส่ด้วยระบบใหม่คือ “แบ๊กทรี”
เชลซี พลิกฟื้นจนสำเร็จ แต่สถานการณ์มันบีบให้ต้องกลับมาปรับปรัชญาของตัวเอง
สเปอร์ส กำลังอยู่ในช่วงพลิกฟื้น งานของ คอนเต้ ยังหินมาก เมื่อเทียบกับกำลังพลที่มีอยู่
น่าสนกับสองทีมแห่งลอนดอนนี้ เพราะฝั่ง เชลซี ดูเหมือนมีระเบิดซ่อนอยู่ในทุกที่ ส่วน สเปอร์ส ระเบิดฝังชิพไว้ในร่างของกุนซือ
สำคัญก็คือ “อารมณ์” ของทั้ง ทูเคิล และ คอนเต้ ที่จะต้องควบคุมให้อยู่เช่นกัน.........
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี