เกมดาร์บี้แมทช์เมืองแมนเชสเตอร์ กลายเป็น “สีฟ้า” ทั้งเมือง
ฟุตบอลพอเวลาเตะแล้ว “ไม่โดนบอล” และเป็นฝ่าย “ต้องไล่บอล” มันเหนื่อยสายตัวแทบขาด
ความสาหัสมันเป็นอย่างไร เกมครึ่งหลังที่เอติฮัด สเตเดี้ยมบอกทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
...สื่อน้ำดีอย่าง “BBC” โปรยข่าวบาดลึกว่า “คนละชั้น”
...Kevin de Bruyne and Riyad Mahrez scored twice each as Manchester City outclassed rivals Manchester United to move six points clear of Liverpool at the top of the Premier League again.
“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เล่นอย่างมั่นใจ และท็อปฟอร์มสุดๆ ไล่ยำ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคู่ปรับร่วมเมืองแบบขาดลอย 4-1
ขาดทุกอย่างทั้งรูปเกมและสกอร์
หากดูครึ่งแรก เกมยังพอทนหลังจากประตูนำของเควิด เดอ บรอย(เน่อ) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในการบุกครั้งแรก ก่อนที่ จาดอน ซานโช่ จะตีเสมอให้กับ ยูไนเต็ด และเป็นการยิงทีมเก่าได้อย่างอาจอง (อ่านว่า อาจ-อง ไม่ใช่ อา-จอง)
แต่ด้วยการจ่ายบอลผิดพลาดกันเองทำให้เกิดประตูที่ 3 ของเกม และเป็น เดอ บรอยน์ อีกทีที่สังหารเข้าไปจากลูกชุลมุนดาบสองดาบสามหน้าประตู เท่านั้นคือ “เกมจบ”
เพราะตั้งแต่นาทีที่ 28 ที่สกอร์ขยับเป็น 2-1 ยูไนเต็ด กลับสู่เกมไม่ได้อีกเลย
ประตูขึ้นนำอีกครั้ง ทำให้ ซิตี้ เล่นง่ายมากขึ้นโดยเฉพาะการลงมาบล็อกไลน์ครบทั้ง 10 คน
จุดน่าสนใจในการวางแท็กติกครึ่งแรกของ ราล์ฟ รังนิคถือว่าทำได้ดีทีเดียว กองกลางเล่นได้แข็งแรง แต่นักเตะบางคนของแมนยูฯ ที่เล่นเกมป้องกันได้แย่มาก และไม่รัดกุมเอง
แล้วหายนะก็มาถึง...เมื่อเขาพลาดในการเปลี่ยนตัวครึ่งหลัง
ครึ่งหลัง เป๊ป วางหมากเด็ดจริงๆ สั่งลูกทีมเพรสกดดันบีบพื้นที่ให้ แมนยูฯ เล่นไม่ได้เลย กระทั่งเสียประตูเมื่อถึงครึ่งทาง
ประตูจากลูกสูตร ทั้งที่เตือนมาก่อนหน้านั้นแล้วไม่มีใครไปปิด
ริยาด มาห์เรซ ซัดไปแฉลบ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ห่วยสนิทตลอดทั้งเกม เข้าไปเสียบตาข่าย 3-1
เปรียบกับ แม็กไกวร์ ก็แค่ขอนไม้ ใช้ประโยชน์ได้ในบางขณะแต่เกมนี้เละจริงๆ...สิ้นสภาพทั้งเกม
บอลของ ยูไนเต็ด ในครึ่งหลังแกะเพรสได้หนเดียวเท่านั้น และไม่สามารถตั้งเกมได้เลย มีบางขณะที่ ซิตี้ ครองเกมมากถึง 92 เปอร์เซ็นต์
เป็นบทพิสูจน์อีกทีว่า รังนิค เจอเกมใหญ่แล้วเหมือนกับจะไปไม่เป็น เขาไม่ได้จัดการยูไนเต็ด ให้แก้ลำแบบ “หลาต่อหลา” ตามที่ เป๊ป นั้นจัดทำ ก่อนจะโดนย้ำชัยในท้ายเกม
6 นัดหลังในเอติฮัด สเตเดี้ยม มาห์เรซ เตะ 6 ยิง 8 กับ 3 แอสซิสต์!!!!!
ซิตี้กำราบผีแพ้ราบคาบ 4-1 เพียงเพราะเราเห็นๆ ว่าเกมแดนกลางเป็นรองบานเบอะ แต่ รังนิค เลือกเปลี่ยน มาร์คัส แรชฟอร์ด กับ เจสซี่ ลินการ์ด ซึ่งถนัดเกมรุก
และไม่มีผลอะไรเลย กับการพลิกบอล เพราะทีมต้องการบอลยาวที่แม่นยำของ ปอล ป๊อกบา มากกว่า
เกมนี้ ซิตี้ ท็อปฟอร์มจริงๆ บวกกับ ยูไนเต็ด โดนบดกระดูกจนทำอะไรไม่เป็น
28 นัด 69 คะแนน “เรือใบ” แล่นนำ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ออกไปเหมือนก่อนแมทช์เดย์นี้คือ 6 คะแนน และเตะมากกว่า 1 เกมเหมือนเดิม
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี