แฟนฟุตบอลน่าจะมีความสุขกันมากยิ่งขึ้น เมื่อ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กลับมาอีกครั้ง
แน่นอนว่า ผมก็คงจะนัวเนียกับเรื่องราวของลูกหนังนี้อย่างต่อเนื่อง เพราะได้รับคำสั่งมาให้เขียนเรื่องราวของพรีเมียร์ลีก ทุกสัปดาห์
ทั้งฉบับพิมพ์ และออนไลน์
หากท่านอยากอ่านออนไลน์ naewna มีทุกวันเสาร์ ในคอลัมน์ “บีบ้าบอล” อย่าลืมใส่”ล.ลิง”นะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะกลายเป็นคน”บ้า”ขึ้นมาในบัดเดี๋ยวนั้น
ขณะที่ฉบับพิมพ์ก็ทุกวันอาทิตย์ หน้า 8 แห่งนี้ติดตามได้จนกว่าซีซั่นจะปิดลง
ว่ากันถึงทีมที่ขึ้นชั้นมาใหม่ในพรีเมียร์ลีกปีนี้ ที่ไม่พ้นเหมือนกับทุก ๆ ปีที่ผ่านมา นั่นก็คือ 3 ทีมที่ขึ้นชั้น
จะเป็นเต็งตกชั้นแบบยกกระบิทันที
ยิ่งปีนี้เห็นชื่อแล้วต้องบอกว่า น่าเป็นห่วง เพราะทั้ง คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้, ฮัลล์ ซิตี้ และ คริสตัล พาเลซ เราไม่ต้องคิดอะไรมาก
แค่ชื่อก็อับแล้ว
ดังนั้นวันนี้จึงพาไปสัมผัสกับทั้ง 3 ทีมว่า แท้จริงแล้ว ทีมน้องใหม่ที่ขึ้นชั้นมานั้นเป็นอย่างไร จริงหรือไม่ที่เป็นตัวเต็งที่จะตกชั้น และจริงหรือเปล่าที่ว่า พวกเขานั้นจะกอดคอกันกลับไปทีเดิมพร้อม ๆ กัน
ทั้งที่เพิ่งขึ้นชั้นมาแค่ปีเดียว!
คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้
อันที่จริง คาร์ดิฟฟ์ ควรจะขึ้นชั้นมาตั้งแต่ซีซั่น 2006-07 เพราะออกสตาร์ทได้ดีมาก ๆ แต่เล่นไปเล่นมากลับหมดลุ้น
ในช่วงครึ่งทศวรรษหลัง คาร์ดิฟฟ์ ถือเป็นทีมแถวหน้าของเดอะ แชมเปี้ยนชิพ และเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลรายการสำคัญอย่าง เอฟเอ คัพ หนแรกในรอบ 83 ปี แต่แพ้ พอร์ทสมัธ 0-1 เมื่อปี 2008
จากนั้นในปี 2010 ได้เข้าชิงเพลย์ออฟ แชมเปี้ยนชิพ แต่กลับพลาดท่าแพ้ แบล็คพูล 2-3 ชวดขึ้นชั้นไปสู่พรีเมียร์ลีก ทำให้ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เดฟ โจนส์ ต้องไป และ มัลกี้ แม็คคาย เดินเข้ามา
สุดท้ายเมื่อทีมมีรากฐานที่แข็งแรง สุดท้ายก็ได้ขึ้นชั้นด้วยการเป็นแชมป์ในปีที่ผ่านมา
ประเด็นที่แปลกก็คือ คาร์ดิฟฟ์ เปลี่ยนสีเสื้อที่ใช้มาโดยตลอด จากสีน้ำเงินมาเป็นสีแดง หลังจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ของ “เสี่ยตัน” วินเซนต์ ตัน จากมาเลเซีย สร้างความไม่พอใจกับแฟนบอลอย่างมาก แม้กระทั่งขึ้นชั้นมา แต่เรื่องก็ยังไม่จบ
อย่างว่า ทีมนี้ใช้สีน้ำเงินมา 103 ปี
ว่ากันถึงขุนพลผู้เล่นนั้น คาร์ดิฟฟ์ ดูดีกว่าอีกสองทีมที่ขึ้นมาด้วยกัน เมื่อได้ สตีเว่น คัลเกอร์ ปราการหลังอนาคตไกลทีมชาติอังกฤษ ที่ “ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส คิดไงไม่ทราบปล่อยตัวมาให้หน้าตาเฉย ทำให้แนวรับดีขึ้น ขณะที่แดนกลางคว้า แกรี่ เมเดล ไอ้คลั่งทะเลเดือดทีมชาติชิลี ด้วยราคาสถิติทีม 11 ล้านปอนด์
ถือเป็นการเติมที่น่าสนใจ
ขณะที่ตัวอื่น ๆ ถือว่าเป็นระดับที่เคยผ่านบอลใหญ่แบบนี้มาหลายรายทั้ง เคร็ก เบลลามี่, มาร์ค ฮัดสัน และ เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์
ดังนั้นดูเหมือนว่า คาร์ดิฟฟ์ จะอาวุธครบมือกว่าใครในบรรดาน้องใหม่ทั้งสาม แต่ถามว่าพอหรือไม่
อันนี้ตอบว่า “ไม่แน่ใจ” เหมือนกัน!
ฮัลล์ ซิตี้ ไทเกอร์
รองแชมป์เดอะ แชมเปี้ยนชิพ สร้างความฮือฮาด้วยการเปลี่ยนชื่อเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
จากเดิมคือ “ฮัลล์ ซิตี้ เอ.เอฟ.ซี.” มาเป็น “ฮัลล์ ซิตี้ ไทเกอร์ส”
นี่ก็ทำให้แฟนฟุตบอลไม่พอใจอยู่เหมือนกัน
“เสือลายพาดกลอน” เคยขึ้นมาคำรามลั่นอยู่ในพรีเมียร์ลีก 2 ซีซั่นติด ๆ ในยุคของ ฟิล บราวน์ พร้อมกับสร้างความฮือฮาเมื่อขึ้นไปอยู่กลุ่มแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยนักเตะอย่าง โจวานนี่, เอียน แอชบี้, จอร์จ บัวเต็ง, ดีน วินดาสส์ และจิมมี่ บูลลาร์ด
มาในวันนี้ ฮัลล์ กลับมาอีกครั้งภายใต้การคุมทัพของ สตีฟ บรู๊ซ ที่มีประสบการณ์อย่างมากในการคุมทีมในพรีเมียร์ลีก ไม่ว่าจะเป็น เบอร์มิงแฮม, วีแกน หรือ ซันเดอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม บรู๊ซ มีขุมกำลังที่เป็นปริศนาว่า จะรับมือกับลีกระดับสูงนี้ได้หรือไม่
โรเบิร์ต โคเรน จอมทัพในแดนกลาง ซึ่งเป็นกัปตันทีม เป็นนักบอลที่เล่นได้ในระดับแชมเปี้ยนชิพ เขาเคยเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของเวสต์บรอมวิช แต่พอขึ้นชั้น โคเรน โดนปล่อยลอยแพ
เช่นเดียวกับ เลียม โรซีเนียร์, มายเนอร์ ฟิเกรัว, อาเหม็ด เอลโมฮามาดี้, เคอร์ติส เดวี่ส์ และพอล แม็คเชน พวกนี้พิสูจน์มาแล้วว่า เล่นในพรีเมียร์ลีกได้ แต่ว่าไม่ดี
ขณะที่การเติมสองนักเตะที่ บรู๊ซ ยืมมาได้ก่อนเปิดซีซั่นอย่าง แดนนี่ เกรแฮม หัวหอกที่โดนวิญญาสากกะเบือเข้าสิงจากซันเดอร์แลนด์ ยังไม่น่าวางใจ แต่สำหรับ เจ๊ค ลิเวอร์มอร์
ดาวรุ่งจาก สเปอร์ส คนนี้น่าสนใจและน่าจะช่วยแผงกลางของทีมได้เยอะทีเดียว
ทำให้ ฮัลล์ ก็สุ่มเสี่ยงไม่ได้น้อยไปกว่า คาร์ดิฟฟ์ หรือว่า คริสตัล พาเลซ
โอกาสที่จะมาแล้วไปทันทีมีสูงมากๆ!
คริสตัล พาเลซ
ความทรงจำที่ดีที่สุดของทีมนี้ คงไม่พ้นในยุคต้นทศวรรษที่ 90
ทีมนั้นมี สตีฟ ค็อปเปลล์ อดีตปีกหักข้อรุ่นท้าย ๆ ของวงการฟุตบอลคุมทัพ เขามีนักเตะที่ทุ่มเทให้กับทีม และสามารถสู้จนพลิกโฉมทีมได้
เริ่มต้นซีซั่น พาเลซทีมนั้นแพ้ ลิเวอร์พูล ถึง 0-9 แต่จากนั้นพวกเขาน็อค “หงส์แดง” 4-3 ในเกมเอฟเอ คัพ รอบตัดเชือก ก่อนจะเข้าไปยื้อกับ “ปีศาจแดง” แมนฯยูไนเต็ด ในนัดชิง 3-3
และแพ้ในนัดรีเพลย์ไปแบบน่าประทับใจ
ว่ากันว่า หากวันนั้น พาเลซ ชนะ แมนฯยูไนเต็ด ก็จะไม่มี “ปีศาจแดง” ที่ยิ่งใหญ่จนถึงทุกวันนี้ เพราะกุนซือผีจะถูกไล่ออก ซึ่งคน ๆ นั้นคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สมัยยังไม่เป็น”เซอร์”
เค้าเรียกว่า “ประวัติศาสตร์เปลี่ยน”
จุดที่น่าสนใจก็คือ ผู้จัดการทีมพาเลซ คือ เอียน ฮอลโลเวย์ ที่เคยนำ แบล็คพูล สร้างสีสันอย่างมาก ๆ เมื่อ 3 ปีก่อน และถือเป็นกุนซือที่สามารถดึงศักยภาพนักบอลได้ดีมาก ๆ
ติดตรงที่พวกเขาเสีย วินฟรีด ซาฮา ไปให้กับ แมนฯยูไนเต็ด
นั่นคือรูรั่วเบ้อเริ่มเทิ่มในแนวรุก ทำให้พวกเขาจะต้องอาศัยการเล่นแนวทางอื่น ๆ มากขึ้นกว่าทิ้งออกข้าง แต่นั่นจะเปลี่ยนกันทันหรือไม่
การได้ มารูยาน ชามัคห์ มายืนหน้า ไม่ได้หมายว่าพวกเขาจะรอด เพราะผลงาน ชามัคห์ ถือว่าแย่สุด ๆ ขณะที่คนอื่น ๆ ไล่เรียงชื่อแล้วน่าปวดหัวแทน
แดนนี่ แก๊บบิดอน, เดเมี่ยน เดลานี่ย์, ไมล์ เจดิแน๊ค หรือจะเป็นนายประตูที่อยู่กับทีมตั้งแต่สมัยเล่นพรีเมียร์ลีกหนท้ายเมื่อปี 2006 อย่าง ชูเลียง สแปร์โรนี่
ตามทรงแล้วไม่น่าจะพร้อมสำหรับรายการใหญ่อย่างพรีเมียร์ลีก
ยิ่งสถิติที่ผ่านมา พาเลซ ไม่ค่อยจะเข้าท่าเท่าไหร่นัก เป็นเพราะว่าพวกเขาขึ้นแล้วอยู่ไม่นาน ก็ต้องหัวดิ่งลงพื้นทันที เป็นแบบนี้มาแล้ว 3 หนติด
ยังไงขอกำลังใจให้สักนิด อย่าลืมนะครับว่า พาเลซ ทีมนี้คือทีมเก่าของ “ลีซอ”
เป็นไง...ร้องอ๋อเลยซิท่า!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี