วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / กีฬา
เปิดตลาดลูกหนังซัมเมอร์2022

เปิดตลาดลูกหนังซัมเมอร์2022

วันอาทิตย์ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2565, 06.31 น.
Tag : ฟุตบอลอังกฤษ ตลาดลูกหนังซัมเมอร์2022
  •  

เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ มีการยืนยันว่า ย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ มาอยู่กับ แมนฯซิตี้ ตั้งแต่ยังไม่ปิดซีซั่น - เฟลิปเป้ คูตินโญ่ กลับมาใช้ชีวิตที่อังกฤษอีกครั้งด้วยสัญญาถาวรกับ แอสตัน วิลล่า

 


ฟุตบอลอังกฤษ “ปิดไม่จริง”!?!?!

ฟุตบอลไม่เคยหยุดให้แฟนบอลหายใจ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตลาดนักเตะอย่างเป็นทางการ เนื่องจากปีนี้โดยปกติตามปฏิทินจะต้องเป็น“ปีฟุตบอลโลก” แต่ด้วยร้อยเหตุผลจึงเปลี่ยนไปเตะ “ปลายปี” แทนที่จะเตะ “กลางปี”

ทำให้ตลาดนักฟุตบอลเปิดเร็ว เพราะซีซั่นนี้จะ “เปิดเร็ว” และ “ปิดช้า” สวนทางกันตามที่เคยนำเสนอกันไป

น่าสนใจประเด็นการ “เดินเข้าตลาด”ในซัมเมอร์นี้ น่าจะเป็นอีกปีที่กลับมาคึกคักอย่างมาก กับลีกที่มีการเดิมพันเหยียบคันเร่งได้มากถึง 170 ล้านปอนด์

 ตลาดล่าสุดลุกจากไวรัส

แรงกดดันทางการเงินจากการระบาดของโควิด-19 ในสโมสรพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังคลี่คลาย โดยการใช้จ่ายกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดอย่างมั่นคง เนื่องจากสโมสรในพรีเมียร์ลีกใช้จ่ายเงินในช่วงเดือนมกราคม 2022 มากกว่าเดิมถึง 4 เท่าในช่วงตลาดซื้อขายเดือนมกราคมปีที่แล้ว(2021) เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายรับของแต่ละทีมเป็นอย่างมาก

การวิเคราะห์ธุรกิจที่เสร็จสิ้นโดย 20 สโมสรพบว่าใช้ไปทั้งหมด 295 ล้านปอนด์ เพิ่มขึ้นจาก 70 ล้านปอนด์ในปี 2021 โดยกลุ่มธุรกิจการกีฬาของ Deloitte ระบุถึงยอดรวมสูงสุดเป็นอันดับ 2นับตั้งแต่ปี 2003 ที่ทีมท้ายตาราง 5 อันดับสุดท้าย มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของการซื้อตัวในการต่อสู้เพื่อหลีกเลี่ยงการตกชั้น

ยอดใช้จ่ายสุทธิในการซื้อผู้เล่น เมื่อนำมาลบกับ “ยอดขายผู้เล่น” รวมตัวเลขอยู่ที่ 180 ล้านปอนด์ ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์

ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ซื้อนักเตะหนึ่งคนใน “ราคาแพงที่สุด” ด้วยการนำ หลุยส์ ดิอาซ จากปอร์โต้ เข้าสู่แอนฟิลด์ ด้วยเงินเริ่มต้น37.5 ล้านปอนด์ และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 49 ล้านปอนด์ ในอนาคต

ขณะที่กลุ่มทุนใหม่ของวงการบอลที่นำโดยซาอุดีอาระเบียของ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ได้ทุ่มเงินจากดีลต่างๆ มากถึง 85 ล้านปอนด์ ในการซื้อและยืมนักบอลรวม 5 คน แพงสุดคือ บรูโน่กิมาไรส์ 35 ล้านปอนด์ จากลียง และจะเพิ่มขึ้นเป็น 40 ล้านปอนด์ ในอนาคต และคริส วู้ด จากเบิร์นลี่ย์ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์

Deloitte ชี้ให้เห็นถึงการใช้จ่ายในพรีเมียร์ลีกคิดเป็นเกือบ 50% ของค่าใช้จ่ายรวมทั่วทั้งลีกใหญ่ทั้ง 5 ลีกของยุโรปนั่นคือ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน และอิตาลี ซึ่งลีกชั้นนำอื่นๆ ของยุโรปรวมกันใช้เงินไป 380 ล้านยูโร หรือ 317 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าพรีเมียร์ลีก และ EFL รวมกันเพียง 2 ล้านปอนด์

ถือเป็นการสวนทางกับช่วงซัมเมอร์อย่างสิ้นเชิง เพราะมียอดรวมต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2015 และเป็นครั้งแรกที่มีการลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกระหว่างปี 2008 ถึง 2010 ก่อนจะมาโดนซ้ำด้วยไวรัส

ในซีซั่นที่แล้ว 2020-21 สโมสรต่างๆ ใช้จ่ายเงินรวมกันทั้งสิ้น 1,218 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 48,720 ล้านบาท

แต่ถ้าย้อนไปซีซั่น 2019-20 มีการลงทุนกันถึง 1,376 ล้านปอนด์ หรือกว่า 55,040 ล้านบาท เลยทีเดียว

ปอล ป๊อกบา กับ เจสซี่ ลินการ์ด ถูกให้ไปเต้นกันนอกโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นที่เรียบร้อย

เชิญเข้าสู่การช้อปปิ้งครั้งสำคัญ

ตลาดนักบอลเปิดเมื่อวันศุกร์ โดยสโมสรต่างๆ สามารถลงทะเบียนเซ็นสัญญาช่วงซัมเมอร์อย่างเป็นทางการได้ทันที ซึ่งเป็นการเปิดเร็วกว่าปกติเกือบเดือน

หลายทีมได้ประกาศตัวนักบอลใหม่ รวมถึงนักบอลที่สัญญาหมด และไม่ได้ไปต่อกันอย่างมากมาย โดยทุกทีมจะสามารถซื้อขายได้ไปจนถึงเวลา 23.00 น. ของวันพฤหัสบดีที่1 กันยายนนี้

เอาเข้าจริง สโมสรฟุตบอลลีกอังกฤษ ได้รับอนุญาตให้ซื้อผู้เล่นได้ตั้งแต่เกมสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งทีมที่ออกตัวแรงสุดก็คือ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลล่า บรรลุข้อตกลงซื้อขายนักเตะมากมายก่อนที่หน้าต่างจะเปิด ทั้งการเซ็นฟรีกองกลางมาร์กเซย “บูบาการ์ คามาร่า”, เฟลิปเป้ คูตินโญ่ แนวรุกของบาร์เซโลน่า 17 ล้านปอนด์, ดิเอโก้ คาร์ลอส ปราการหลังเซบีญ่า ราคา 26 ล้านปอนด์ และโรบิน โอลเซ่น ผู้รักษาประตูของโรม่า ราคา 3 ล้านปอนด์

พวกเขาทำบัญชีให้มีรายรับด้วยเช่นกัน ด้วยการปล่อย แมตต์ ทาร์เก็ตต์ แบ๊กซ้าย ย้ายไปนิวคาสเซิ่ลด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ หลังจากประสบความสำเร็จในการยืมตัวช่วงหน้าหนาว

“เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์แห่งยุค บรรลุข้อตกลงในการเซ็นสัญญา “จอมมารบู” เออร์ลิ่ง เบราท์-ฮาแลนด์ กองหน้าชาวนอร์เวย์จากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 51.2 ล้านปอนด์ แม้ว่าเงื่อนไขส่วนตัวจะยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม

“ยูงทอง” ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่อยู่รอดในวันสุดท้ายของฤดูกาล เบิ้ลมาสองแข้งของเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก นั่นคือ เบรนเดน อารอนสันและ ราสมุส คริสเตนเซ่น

“หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ได้เซ็นสัญญากับ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ เจ้าหนูฟูแล่มด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ หลังจากเคลียร์กันไม่ลงตัวในตลาดรอบที่แล้ว

“ไก่เดือยทอง” สเปอร์ส ที่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก ในรอบ2 ซีซั่น เซ็นจอมเก๋าอย่าง อีวาน เปริซิช ปีกทีมชาติโครเอเชีย และ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ นายด่านทีมชาติอังกฤษ แบบไร้ค่าตัว

ขณะที่การขยับตัวสำคัญแบบไร้ค่าตัว ก็คือ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ปราการหลังของเชลซี ย้ายไปเรอัล มาดริด และอเล็กซองด์ ลากาแซตต์ออกจากอาร์เซนอล กลับไปเล่นให้กับ ลียง

ดีลใหญ่สุดอีกดีลคือ ซาดิโอ มาเน่ จะย้ายจาก ลิเวอร์พูล หลังจากอยู่มานานถึง 6 ฤดูกาลเต็ม

 

จะเกิดอะไรขึ้นในฤดูร้อนนี้

ประเด็นร้อนที่น่าจับตามองก็คือ เรื่องราวเกี่ยวกับการย้ายทีมครั้งใหญ่ของซัมเมอร์นี้ นั่นก็คือ ซาดิโอ มาเน่ กองหน้าของลิเวอร์พูล ดาวดังของเซเนกัล กำลังจะยุติ 6 ปีที่แอนฟิดล์ หลังจากมีการเชื่อมโยงครั้งสำคัญกับ บาเยิร์น มิวนิค แห่งเยอรมนี ที่ยืนสัญญามา 2 หนแรกแบบไม่ดูเหนือดูใต้ จนต้องรอลุ้นครั้งที่ 3

บาเยิร์น เองก็มีความจำเป็นจริง ๆ ที่จะต้องปรับแนวรุกครั้งสำคัญ เพราะ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ สตาร์ของพวกเขาบอกกับสโมสรว่าเขาต้องการย้ายออก โดยสถานีต่อไป เจ้าตัวเป็นข่าวกับ บาร์เซโลน่า ในสเปน

ดีลที่ตามมาจากการ “กำลังจะไป” ของมาเน่ ก็คือดีล “กำลังจะมา” ของ ดาร์วิน นูเญซ แกนรุกอุรุกวัย ของเบนฟิก้า ที่เป็นข่าวต่อเนื่องกับ ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนยูฯ ที่ได้ เอริค เทน ฮาก มาเป็นกุนซือใหม่ ต้องปรับทีมใหม่พอสมควร เนื่องจาก ปอล ป็อกบา และเจสซี่ ลินการ์ด ได้ย้ายออกไป ในฐานะฟรีไม่มีค่าตัว ทำให้พวกเขาต้องเสริมจุดนี้

เช่นเดียวกับดาวดังอย่าง แกเร็ธ เบล แนวรุกเรอัล มาดริด ที่ปีนึงเล่นดีเฉพาะตอนติดทีมชาติเวลส์ ก็ไม่ได้ใส่ชุดขาวของเรอัลอีกต่อไป

น่าสนใจตรงที่ตำแหน่งปีกที่อาจจะเปลี่ยนทีมเยอะมาก หนึ่งในนั้นคือ อุสมาน เดมเบเล่ ปีกกระดูกยุงของบาร์เซโลน่า จะพร้อมย้ายทีมทันทีที่สัญญาของเขาหมดลง

ไม่รู้ว่าจะลงทุนกับ เดมเบเล่ จะดีแค่ไหน แต่หนึ่งในปีกที่เนื้อหอมมากคงไม่พ้น คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู คนสำคัญของ แอร์เบไลป์ซิก ก็เป็นที่ต้องใจของหลายทีมระดับท็อปในยุโรปเช่นกัน

เหนือสิ่งอื่นใด หลายคนแอบผวา “สาลิกาดง” ของ เอ๊ดดี้ฮาว ซึ่งอาจเป็นทีมที่มีผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดช่วงฤดูร้อนนี้ด้วยความมั่งคั่งใหม่ของพวกเขา หนึ่งในเป้าหมายสำคัญคือ ฮูโก้ เอคติกองหน้าแรงส์

หนังสือพิมพ์โปรตุเกส กับดีลที่ถูกจับตามองมากที่สุดตอนนี้คือ ดาร์วิน นูเญซ

อย่าเบื่อ-อย่าตกหลุมพรางข่าว

ในโลกของข่าวสารยุคปัจจุบันถือว่าหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมยิ่งข่าวกระแสการย้ายทีมแบบนี้ถือว่า ถูกใส่สีตีดีดมากขึ้นกว่าเดิม และสิ่งสำคัญอย่างมากก็คือ วิธีเลือกว่าจะเลือกแบบไหน

บางคนเลือกวิธีที่หลบไปเลย ไม่อ่านจนกว่าข่าวจะจบ แต่บางคนชอบที่จะอ่านไปเรื่อยๆ เพื่อความสนุกสนานในยามที่บอลไม่มี

ประเด็นคือการเชื่อมโยงข่าวเป็นสิ่งสำคัญ และช่วงเวลานี้แหล่ะที่อาจจะเลือก “ติดตาม” คนที่พอจะเชื่อถือได้ เพราะจะบอกว่าเชื่อถือได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ต้องย้อนถามตัวเองว่า ตัวเองเคยมีอะไรที่ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่อย่างไร หรือเปล่า.........

อาทิ การที่อยู่ๆ แอสตัน วิลล่า ซื้อนักบอลแบบไม่ต้องเป็นข่าวอะไรมาก หรือ ดาร์วิน นูเญซ ที่อยู่ๆ แอคเคาท์ที่คนปกติไม่เข้าไปตามแน่ๆ อย่าง เรคคอร์ โปรตุเกส สื่อของแดนฝอยทองก็พุ่งพรวดขึ้นมาเป็นแสน หรือบางคนเป็น “นักข่าวสายอื่น” มาสร้างตัวเองจากที่เด็กแถวบ้านเรียก “ปั่น”

การสร้างตัวตนขึ้นมาถือว่าดี แต่ถ้าสร้างผิดวิธีการถือว่าน่าด่า

น่าโดนกว่าก็คือ คนที่ไปยกย่องพวกเหล่านี้ให้เป็นสตาร์มีระดับ สรุปมันคืออะไรของมัน?!?!?

บางข่าวก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ กลับถูกบางแห่งพาดหัวใหญ่โต อาทิ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน จะย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไปอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด อะไรประมาณนี้คือแบบว่า..................

จากอดีตถึงปัจจุบัน มีนักเตะเพียง 9 คนเท่านั้น ที่ย้ายไปร่วมทัพกันแบบ “โดยตรง” และคนสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อ 58 ปีที่แล้ว

ปี 1912 ทอม ชอร์ลตัน ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด

ปี 1913 แจ๊คกี้ เชลดอน ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล

ปี 1920 ทอม มิลเลอร์ ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด

ปี 1921 เฟร็ด ฮ็อปกิ้น ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล

ปี 1929 ทอมมี่ รีด ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด

ปี 1938 เท็ด ซาเวจ ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด

ปี 1938 อัลเลนบี้ ชิลตัน ย้ายจาก ลิเวอร์พูล ไป แมนฯยูไนเต็ด

ปี 1954 โธมัส แม็คนัลตี้ ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล

คนล่าสุด ปี 1964 ฟิล คริสแนลล์ ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไป ลิเวอร์พูล

บางข่าวบางคนที่นำเสนอแบบ “เขี่ยข่าว” ออกมา หาใช่การ“ผลิตข่าว” มันก็ทำแฟนบอลทดท้อใจ นี่จำเป็นต้องมาอ่านอะไรแบบนี้หรือเปล่า

อ่านข่าวก็อย่าลืมหารเยอะๆ และบางทีเหตุผลเมื่อ 10 ปีก่อน อาจจะใช้กับสถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้

น่าจะมีอะไรแปลกๆ ไม่น้อยสำหรับตลาดรอบนี้

 

บี แหลมสิงห์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เรื่องใหญ่วงการลูกหนังอังกฤษ เรื่องใหญ่วงการลูกหนังอังกฤษ
  •  

Breaking News

‘กุนซืออิ๊งค์’โผล่ พร้อมเจรจาภาษีสหรัฐ หวังสร้างอนาคตศก.ใหม่

แม่ทัพ4ซัดโจรใต้ ก่อเหตุเลือกเป้าหมายกลุ่มอ่อนแอ

‘เหม่เหม’ชวนลุ้น ‘ฟ้าพยับ’ 2 ตอนสุดท้าย

sarah salola เปิดตัวซิงเกิลใหม่'เอารักฉันไป'เพลงคลั่งรักละมุนหัวใจ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved