เป็นครั้งแรกที่ทวีปเอเชียได้จัดฟุตบอลคู่ปะทะตลอดกาล ระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษ
The Never Ending Story คือคำจำกัดความของคู่นี้ ที่จะบันทึกเรื่องราวต่อไปเรื่อยๆ และยังคงความคลาสสิกต่อไปทั้งบทเก่า บทใหม่ บทต่อๆ ไปที่จะเกิดขึ้น
เกมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน หัวหมาก เมื่อวันอังคารที่ 12 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะเป็นประวัติศาสตร์อีกหนึ่งครั้งของสองทีมนี้ ที่มีการต่อกรกันมาอย่างยาวนานถึง 130 ปี และเป็นการเตะนอกบ้านครั้งที่ 2 ต่อจากมิชิแกน เมื่อ 3 ปีก่อน
บทบันทึกของพวกเขาไม่ได้มาจากฟุตบอล แต่เป็นการสร้างชื่อให้โลกรู้จักด้วย “รถไฟ”
สองเมืองแรกที่มี “รถไฟ” เชื่อมต่อระหว่างเมืองคือ ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์
15 กันยายน 1830 คือ “วันเปิดราง” อย่างเป็นทางการ ผู้คนสองเมืองนี้ชื่นมื่นกับคำว่า First inter-city railway in the world !!!.
ด้วยระยะทางรวมทั้งสิ้น 35 ไมล์ เท่ากับระยะทางที่ห่างกันของสองเมืองนี้พอดิบพอดี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว กระทั่ง
จนถึงปลายศตวรรษที่ 18 ลิเวอร์พูล
ได้เจริญเติบโตเป็นท่าเรือที่สำคัญ
ไม่เพียงแต่ในอังกฤษ แต่กลายเป็นเมืองท่าระดับโลก เนื่องมาจากการค้าขายทางเรือมากกว่า 40% ของโลกใบนี้ต้องมาเทียบท่าที่เมอร์ซี่ย์ไซด์
ฝั่ง แมนเชสเตอร์ ก็เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งแรก และใหญ่โตที่สุดของโลก ที่โดดเด่นที่สุดก็คือ อุตสาหกรรม
ทอฝ้าย ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของอังกฤษ และสหราชอาณาจักร
ยังผลให้สองเมืองนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและความสำเร็จของโรงงานฝ้ายทั้งภูมิภาคทางตอนเหนือของอังกฤษ
ไม่แปลกที่จะถูกขนานนามให้เป็นเป็นเมืองสำคัญแห่งที่สอง หรือเมืองหลวงที่สองของจักรวรรดิอังกฤษ เพราะการเชื่อมโยงระหว่างสองเมืองนี้ แข็งแกร่งอย่างมาก
แต่ในที่สุดเกิดการขัดแย้งกันจนได้ เมื่อเมืองแมนเชสเตอร์ ได้มีแคมเปญการรณรงค์ขอการสนับสนุนไปยังคนในเมือง ในเรื่อง “ขุดคลองแห่งใหม่” เพื่อเชื่อมต่อจากทะเลไอริช เข้าสู่แมนเชสเตอร์โดยตรง เพื่อทดแทน คลองบริดจ์วอเตอร์ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 1776 รวมไปถึงคลองที่เชื่อมผ่านแม่น้ำเมอร์ซี่ย์มายังแมนเชสเตอร์
แผนการนี้สำเร็จ ทำให้เกิดการขุดลอกคลองที่ชื่อ “คลองเดินเรือแมนเชสเตอร์” หรือ The Manchester Ship Canal ซึ่งเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1894
เหตุการณ์นี้เกิดผลกระทบเต็มๆกับ ลิเวอร์พูล ที่ต้อง “ล่มปากอ่าว” ไม่สามารถเรียกเก็บภาษีตรงนี้ ทำให้ต้องเสียรายได้อย่างมหาศาล พร้อมกับคนต้องตกงานแทบจะกลายเป็นเมืองร้างในเวลาต่อมา เพราะเรือที่จะไหลสู่แมนเชสเตอร์ ไม่ได้ผ่านหน้าบ้านพวกเขาอีกต่อไป
เรื่องนี้นี่แหละที่นักประวัติศาสตร์เชื่อว่า เป็นการก่อกำเนิดการจงเกลียดจงชังกันอย่างรุนแรงของสองเมืองนี้
พอเริ่มมีทีมฟุตบอล เค้าลางยังไม่ปรากฏว่า จะเป็นคู่ปะทะกัน แต่กลายเป็นคู่ฉาวขึ้นมาก่อน
วันที่ 2 เมษายน 1915 เกมระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ด กับลิเวอร์พูล ในลีกสูงสุดมีความหมายอย่างยิ่งยวด เมื่อ แมนยูฯ สถานการณ์ย่ำแย่กำลังหนีตกชั้น ขณะที่ ลิเวอร์พูล ลอยตัวอยู่เหนือปัญหา ไม่ได้ลุ้นแชมป์และไม่หนีตกชั้น เพราะอยู่กลางตาราง
เกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นักเตะบางส่วนของทั้งสองทีม ได้ทำการตกลงที่จะ “ล็อกผล” ให้แมนยูฯ เป็นฝ่ายชนะ เพื่อประโยชน์ที่ได้รับคือการ “อยู่รอด” รวมถึงเรื่องของ “การพนัน”
สุดท้ายเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมปีเดียวกัน ได้มีการตัดสินคดีนี้ หลังพบว่า นักเตะของแมนฯยูไนเต็ด เป็นคนวางแผนการทั้งหมด ทำให้มีการแบนนักเตะทั้งหมด 7 คน ออกจากวงการลูกหนังตลอดชีพ
นั่นคือเหตุการณ์สะท้านโลกที่เขาเรียกกันว่า The 1915 Good Friday betting scandal
ที่สำคัญก็คือ สองทีมนี้มีนักเตะที่ย้ายตรงระหว่างทั้งสองทีมเพียงแค่ 9 คน เท่านั้น โดยคนสุดท้าย คือ ฟิล คริสเนลล์ ย้ายจาก แมนฯยูไนเต็ด ไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 25,000 ปอนด์ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเมษายน ปี 1964 หรือ 58 ปีแล้ว โน่นเลยทีเดียว!!!!
ไม่ว่าจะยุคใดสมัยใด เมื่อไหร่ก็ตาม ใครจะแชมป์ใครจะช้ำ สองฝั่งไม่เคยก้มหัวให้กันอย่างเต็มหัวใจ สิ่งที่ค้ำกันไว้ได้อย่างที่สุดไม่พ้นคำว่า “ศักดิ์ศรี”
ไม่อย่างนั้นนักบอลอย่าง ไมเคิลโอเว่น คงไม่ถูกล้อเลียนอย่างหนักจนถึงวันนี้ ในฐานะที่เคยเป็นสัญลักษณ์ตรงไลเวอร์เบิร์ด ของ ลิเวอร์พูล สุดท้ายกลายเป็นนักบอลแมนยูฯ เพียงเพื่อต้องการได้แชมป์ และอาจจะตกเป็นเครื่องมือ
ในการต่อกรของทั้งสองฝั่ง
นี่คือเกมคลาสสิกที่ยังคงอยู่
และน่าสนใจไปตลอด ไม่ว่ายุคนั้นใคร
ครองเมือง!!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี