การเลือกตั้งครั้งล่าสุด 4 ปีก่อน สินธุ พูนศิริวงศ์ ลงจากตำแหน่ง และส่งไม้ต่อให้กับ สุนทร จารุมนต์ รับตำแหน่งนายกสมาคมสอยคิวไทย
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2565 ถือเป็นวันที่จะถูกบันทึกไปตลอดกาลของวงการสอยคิวบ้านเรา รวมถึงวงการกีฬาไทย ในการประชุมใหญ่ของสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย
วาระสำคัญนั่นคือ การเลือกตั้งนายกสมาคม
หลังจาก 4 ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบันจะครบวาระ ทำให้ต้องมีการสรรหาจากมวลสมาชิก
นับเป็นครั้งแรกที่จะมีการแข่งขันเพื่อหาผู้มานั่งตำแหน่งนายกสมาคมคนใหม่ ตั้งแต่มีการก่อตั้งมาเมื่อ พ.ศ.2525
สมาคมสนุ้กเกอร์แห่งประเทศไทยถูกก่อตั้งขึ้น โดย มอริส เคอร์ และเป็นนายกสมาคมท่านแรกในประวัติศาสตร์ของวงการกีฬาไทย
จากนั้นในปี 2527 มอริส เคอร์ก็เป็นผู้ก่อตั้ง สหพันธ์สนุ้กเกอร์แห่งเอเชีย(ปัจจุบัน สมาพันธ์บิลเลียดเอเชีย) และมีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย เพื่อพัฒนาวงการสอยคิว
มอริส เคอร์ อยู่ในตำแหน่ง 4 ปี ก็เสียชีวิต และก่อนท่านจะจากไป ก็ได้ร้องขอจากเตียงคนไข้ให้กับ สินธุ พูนศิริวงศ์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งสมาคมฯให้เข้ามารับตำแหน่งนายกสมาคมฯคนต่อไป
หลังจาก มอริส เคอร์ ล่วงลับไปในท้ายที่สุดในเดือนตุลาคม 2531คุณสินธุ ได้รับการโหวตเข้ารับตำแหน่งแบบ “ไม่มีคู่แข่ง” เป็นนายกสมาคมสนุ้กเกอร์ฯ คนที่ 2 ในประวัติศาสตร์
“บิ๊กสิน” เข้ามาทำงานยาวนานอยู่ในตำแหน่ง 15 สมัย รวม 32 ปี มีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นทั้งการจัดแรงกิ้งโลก,แรงกิ้งไทย,บรรจุเอเชี่ยนเกมส์, บรรจุอินดอร์เกมส์,จัด 6 แดงซีเกมส์ ต่อด้วย 6 แดงอินเตอร์ก้าวไปเป็นรายการชิงแชมป์โลก, จัดศึกเวิลด์คัพ คิง ออฟ คิงส์ (King of Kings) เป็นถ้วยพระราชทาน ในหลวงรัชกาลที่ 9, เปลี่ยนชื่อสมาคมมาเป็น “สมาคมกีฬาบิลเลียแห่งประเทศไทย” เนื่องจากต้องครอบคลุม 4 ชนิดกีฬาทั้ง บิลเลียด, สนุ้กเกอร์, พูล และแครอมบอล
เป็นกรรมการบริหารต่างชาติคนแรกของ สมาคมบิลเลียดและสนุ้กเกอร์อาชีพแห่งโลก พ.ศ.2537-2541 ก่อนจะก้าวไปสู่ตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุดในวงการสอยคิว นั่นคือดำรงตำแหน่งเป็นประธาน สหพันธ์คิวสปอร์ตโลก พ.ศ.2543-2545 รวมทั้งเป็นประธานสมาพันธ์สนุ้กเกอร์แห่งเอเชีย พ.ศ.2541-2555
ก่อนจะลงจากตำแหน่งได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติขั้นสูงสุด เข้าสู่ทำเนียบหอเกียรติยศกีฬาสนุ้กเกอร์ “ฮอลล์ ออฟ เฟม” ของสมาคมบิลเลียด-สนุ้กเกอร์อาชีพโลก World Professional Billiards and Snooker Association (WPBSA)
ไชยพงษ์ กรวสุรมย์ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ลงชิงตำแหน่งกับ สุนทร จารุมนต์ (กลาง)
จากนั้น นายสินธุ ได้ประกาศอำลาวงการในงานเลี้ยงต้อนรับนักกีฬารายการแสงโสมสนุ้กเกอร์ 6 แดงชิงแชมป์โลก ที่เซ็นทารา แกรนด์เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2560
ปีรุ่งขึ้นมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อนายสินธุ ส่งไม้ต่อให้กับ นายสุนทรจารุมนต์ ได้รับการไว้วางใจให้เป็นนายกสอยคิวไทย คนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561 ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป แบบ “ไร้คู่แข่ง”
ในวันที่รับตำแหน่ง นายสุนทร กล่าวว่า ขอขอบคุณที่กรรมการและสมาชิกทุกคนที่ให้การสนับสนุน และขอบคุณ นายสินธุ ที่ให้รับตำแหน่งต่อ ขอสัญญาว่าจะสานต่อ สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จให้สมาคมกีฬาบิลเลียดฯ ต่อไป พร้อมขอเชิญ นายสินธุ เป็นประธาน
ที่ปรึกษาสมาคมตลอดกาล ส่วนกรรมการบริหารชุดเก่าทุกคนจะยังคงทำงานต่อไปในวาระของตน เพราะทำงานร่วมกันมาได้อย่างดีโดยตลอด
.....4 ปีผ่านไป สถานการณ์พลิกไปมายังกับมวยยก 5 เมื่อ “การเลือกตั้ง”ที่เคยมีแต่ “โหวตรับรอง” กลายเป็นจะต้องมีการ “โหวตแข่งขัน” นั่นหมายว่านี่คือปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการสอยคิว
อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
คนแรกที่ขันอาสาทำงานคือนายสุนทร นายกคนเดิม ถือเป็นผู้ป้องกันตำแหน่ง
คนที่สองที่ขันอาสาทำงานคือ นายไชยพงศ์ กรวสุรมย์ ผู้จัดการทีมชุดซีเกมส์ล่าสุด ถือเป็นผู้ท้าชิง
ใครจะได้รับการไว้วางใจให้เป็นนายกสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ต่อไปอีก 4 ปี ขออนุญาตเดินฝ่าควันขโมงโฉงเฉงออกมาบอกตรงๆ ว่า ไม่ได้ฝากไว้กับการบนบานสานกล่าว, โชคชะตา หรือว่าฟ้าลิขิต อย่างแน่นอน
แต่อยู่ที่ “สมาชิก” และ “ผู้มีสิทธิ์”ในการโหวต ต่างหาก
เมื่อมีการแข่งขัน ก็จะต้องมี“ผู้ชนะ” หรือ “ผู้แพ้” ทุกอย่างคือพื้นฐานของ “กีฬา” อยู่แล้ว แต่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ ไม่ว่าใครจะแพ้หรือชนะ
ผมมองว่า “ด้านบวก” ให้กับวงการจะมากกว่า “ด้านลบ”
หมายว่า หาก “นายสุนทร”เป็นผู้ชนะ ก็จะต้องรีบนำเรื่องเก่าไปปรับปรุง และเดินหน้าทำงานอย่างเต็มกำลังกันใหม่ เนื่องจาก “มีคู่แข่ง”และ “ถูกจับตา” จากวงนอกมากกว่าเดิมชัดเจนกว่าเดิม
หมายว่า หาก “นายไชยพงศ์”เป็นผู้ชนะ ก็จะเป็นการทำงานของคนใหม่และเดินหน้าทำงานอย่างเต็มกำลังทันที เนื่องจาก”ถูกจับตา” ว่า จะทำได้ตามที่ลั่นวาจาไว้ได้หรือไม่
อย่างที่บอกกันว่า วงการนี้มันพี่ๆ น้องๆ กันทั้งนั้น เดินไปทางไหนก็รู้จักกันแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะชุดเก่าหรือไม่
คนทำงานครึ่งหนึ่งหรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำจะได้ทำงานกันต่อ
คนไหนไม่ไหว คนไหนไม่ทำงาน คนไหนฤๅษีแปลงสาร คนไหนทำให้แตกแยก คนไหนยืมกุมเป้าครับผมครับท่าน ก็เอามันออกไป
สำคัญสุดๆ ไม่ว่าใครก็ตามจะได้รับชัยชนะ สิ่งที่พวกคุณผู้ชนะจะลืมไม่ได้ก็คือ เรื่องของสปิริต เรื่องของการทำงานที่ไม่ใช่ “ทำเพื่อตัวเอง” หรือ“ทำเพื่อพวกพ้อง”
แต่จะต้องทำให้ประเทศชาติเพราะสมาคมกีฬาบิลเลียดแห่งประเทศไทย ไม่ได้เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง
อย่าลืมว่า งานใหญ่ที่แสยะยิ้มรออยู่ข้างหน้าคือ “6 แดงโลก”
ใครชนะก็ดีใจได้เต็มที่ไม่เกิน1 วัน จากนั้นต้องรีบเลย.......
ทำงาน ทำงาน และทำงาน!!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี