เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งอังกฤษ กล่าวหลังจากจบเกมพาทีมบุกยำ กลาสโกว เรนเจอร์สยับเยินที่สกอตแลนด์ 7-1 ว่า อยากให้นักเตะรักษาระดับการเล่นแบบนี้เอาไว้ เพราะจะต้องทำศึกใหญ่กับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ เวลา 22.30 น.
“เราทุกคนรู้ว่าใครจะมาที่แอนฟิลด์ในวันอาทิตย์ สิ่งนั้นจะแตกต่างออกไป แต่จะดีกว่าถ้าเราพร้อมลงสนามกับความรู้สึกในเกมที่เราชนะ เรนเจอร์ส” คล็อปป์ กล่าว “เรามีการพูดคุยที่ดีในช่วงพักครึ่ง เราต้องการมากกว่านี้ในครึ่งหลัง ชัดเจนว่ามันได้ผล ปกติแล้วฟุตบอลจะเล่นกัน 95 นาที ดังนั้น หากคุณสามารถต่อยอดสิ่งที่ดีจากครึ่งแรกได้ คุณต้องทำอย่างนั้น และนั่นคือสิ่งที่เราพยายามทำในครึ่งหลัง”
คล็อปป์ กล่าวต่อไปว่า ผมคิดว่าครึ่งแรกเรายังมีปัญหาแต่เหมือนกับเรารออะไรบางอย่าง จนเมื่อเราอยู่ในครึ่งหลังเราสามารถเป็นทีมฟุตบอลที่ดีจริงๆ เราสร้างจากสิ่งที่ดีได้แล้วตั้งแต่ครึ่งแรก เราทำให้พวกเขาเคลื่อนไหว และแน่นอนว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนแนวรับ เราจึงเจาะได้มากขึ้นที่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
“คืนนี้พิเศษ โดยเฉพาะ โม ซาลาห์ สำคัญมากที่เราจะต้องปรับตัวเข้ากับตำแหน่ง รายชื่อนักเตะ ทุกคนที่ออกสตาร์ทในค่ำคืนนี้เล่นได้ดีมาก ทั้ง ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และฮาร์วีย์ เอลเลียตทำได้ดีมาก ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ ได้ขอแล้ว ผมดีใจจริงๆ”
เกมต่อไปต้องทำศึกบิ๊กแมทช์เปิดแอนฟิลด์รับการมาเยือนของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ ทีมที่ดีที่สุดในโลกกำลังจะมาเยือนเราในวันอาทิตย์นี้เราลองมาดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น
นัดนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รัวแฮททริก ในเวลา 372 วินาที หรือ 6 นาที 12 วินาที ระหว่างประตูแรกและประตูที่สามของเขา ทำให้ ซาลาห์ ครองสถิติยิงแฮททริกได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ทำลายสถิติเดิมของ “ไอ้ผี” บาเฟติมี่ โกมิส สมัยที่ค้าแข้งกับ ลียง ในเกมที่ถล่ม ดินาโม ซาเกร็บ ด้วยสกอร์
เดียวกัน 7-1 เมื่อปี 2011 ทำเอาไว้ตอนนั้น 7 นาที โดยซาลาห์ ทำประตูได้ 38 ลูก มากกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ สำหรับสโมสรในพรีเมียร์ลีกในประวัติศาสตร์ของแชมเปี้ยนส์ลีก ดีกว่า ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา อดีตดาวยิงเชลซี และ เซร์คิโอ อเกวโร่ ตำนานของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ขณะเดียวกัน ดีโอโก้ โชต้า แอสซิสต์ 3 ประตูให้กับซาลาห์ เป็นครั้งแรกที่ผู้เล่นลิเวอร์พูล จ่ายทั้ง 3 เม็ด ให้ซาล่าห์แฮททริก นับตั้งแต่ สแตน คอลลีมอร์ จ่ายให้ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ในเดือนธันวาคม 1995 ถ้านับในแชมเปี้ยนส์ลีก เกิดขึ้นหลังสุดคือ เดือนมีนาคม 2012 เมื่อ ฟรองค์ ริเบรี่ จ่ายให้ มาริโอโกเมซกดแฮททริกให้กับบาเยิร์นฯ
ทางด้าน “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า จ่าฝูงลา ลีกา สเปน อาการหนักมาก เมื่อมีโอกาสสูงที่จะตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก 2022-23 หลังจบเกมนัดที่ 4 กลุ่มซี ทำได้แค่ไล่ตามตีเสมอ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน จากอิตาลี แบบหวุดหวิด 3-3
การไม่ชนะนัดนี้ ทำให้สถานการณ์ “เจ้าบุญทุ่ม” โคม่าเข้าไปทุกขณะ และมีความเป็นไปได้ที่อาจตกรอบนี้เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยกลุ่มนี้ บาเยิร์น มิวนิค เข้ารอบไปแล้วจากการมี12 คะแนนเต็ม ตามมาด้วย อินเตอร์ มิลาน 7 คะแนน บาร์เซโลน่า4 คะแนน และวิคตอเรีย เพิลเซน 0 คะแนน เพราะแพ้เรียบ ทำให้อีก 2 นัดที่เหลือ บาร์ซ่า ต้องชนะให้ได้ทั้งหมดก่อน หรืออย่างน้อยต้องลุ้นให้ อินเตอร์ พลาดในการเก็บคะแนน เนื่องจากหากคะแนนมาเท่ากันเมื่อไหร่ อินเตอร์ จะเข้ารอบทันที เนื่องจาก เฮด ทู เฮด ดีกว่า บาร์ซ่า เรียบร้อยแล้ว โดยชนะ 1 เสมอ 1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี