การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 “เวิลด์คัพ 2022” ที่ประเทศกาตาร์ ในวันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน 2565 เป็นการส่งท้ายการแข่งขันรอบแรก นัดแรก ก่อนจะเข้าสู่นัดที่ 2 ต่อไป โดยในเกมนัดนี้ “แซมบ้า”บราซิล เต็ง 1 จะลงสนามเป็นการส่งท้ายของการเตะนัดแรก รวมถึงทีมชาติโปรตุเกส ที่ซูเปอร์สตาร์ตัวเอ้อย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้ เพิ่งออกมาเคลียร์อนาคตว่า ไม่อยู่กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกต่อไป
เกมการดวลแข้งจะเริ่มต้นเหมือนเดิม ในเวลา 17.00 น.กลุ่ม จี “นาฬิกา” ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เจอกับ “หมอผี” แคเมอรูน ทั้งสองทีมไม่เคยพบกันมาก่อน ซึ่งทีมจาก “แดนนาฬิกา” เข้าบอลโลกสมัยที่ 12 คุมทัพมาโดย มูรัต ยาคิน ได้รับข่าวดีเมื่อ ยานน์ ซอมเมอร์ จอมหนึบจาก มึนเช่นกลัดบัค หายเจ็บพร้อมลงเฝ้าเสา มาในระบบ 4-2-3-1 กรานิต ชาก้า กองกลางอาร์เซนอล และ เซอร์ดาน ชากิรี่ แนวรุกมากประสบการณ์นำทีม
ฟากฝั่ง “หมอผี” ทีมจอมสร้างสีสันในศึกฟุตบอลโลก พวกเขาเคยเข้าลึกถึงรอบ 8 ทีมในปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี นี่คือฟุตบอลโลกหนที่ 8 ของพวกเขา คุมทัพมาโดย ริโกแบร์ ซง หนึ่งในสองในผู้เล่นประวัติศาสตร์ที่ถูกไล่ออกจากสนามในฟุตบอลรอบสุดท้าย 2 สมัย ตามรายงานไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บตัวที่เรียกเข้ามาพร้อมลงสนามได้ทั้งหมด นำโดย อองเดร์-ฟร้องค์ ซามโบ้ อองกิสซ่า, ซามูเอล กูเอ่ต์, ไบรอัน เอ็มเบอูโม่, เอริค มักซิม ชูโป-โมติง, คาร์ล โตโก เอคัมบี้ และแวงซ็องต์ อาบูบาการ์
จากนั้นเป็นการเตะในกลุ่ม เอช ระหว่าง “จอมโหด” ทีมชาติอุรุกวัย เจอกับ “โสมขาว” เกาหลีใต้ เวลา 20.00 น.ถือเป็นเกมล้างตา หลังจากเคยเจอกันในบอลโลกรอบสุดท้าย เมื่อ 12 ปีที่แล้วในรอบ 2 ซึ่ง อุรุกวัย ชนะ 2-1
เกมนี้ อุรุกวัย เจ้าของแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย ในปี 1930 และ1950 หนล่าสุดที่เข้าถึงรอบตัดเชือกคือปี 2010 ในแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ ทีมชุดนี้มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัวกุนซือ “ขรัวเฒ่า” ออสการ์ วอชิงตัน ตาบาเรซ วางมือจากการคุมทีมตั้งแต่ปี 2006 เปิดทางให้ ดีเอโก้ อลอนโซ่ เข้ามาทำงาน แกนหลักที่เรียกเข้ามาเป็นการผสมผสานระหว่างตัวเก๋าและสายเลือดใหม่ เกมนี้รอทดสอบความฟิตของ โรนัลด์ อเราโฮ่ แนวรับจากบาร์เซโลน่า นอกนั้นถือว่าพร้อมไม่มีปัญหาต้องกังวลมาในระบบ 4-3-3 วาง เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้ คุมแดนกลางร่วมกับ ลูคัส ตอร์เรร่า และโรดริโก้ เบนตานคูร์ สามแนวรุกเลือก ฟาคุนโก้ เปลลิสตรี้ ประสานงานกับ หลุยส์ ซัวเรซ และดาร์วิน นูนเญซ
ทางฝั่ง“โสมขาว” เคยสร้างเซอร์ไพรส์ในปี 2002 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพด้วยการคว้าอันดับ 4 มาครอง ส่วน 4 ปีที่แล้วล้ม “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน เจ้าของแชมป์โลกปี 2014 ชุดนี้คุมทัพโดย เปาโล เบนโต้ อดีตมิดฟิลด์ตัวรับทีมชาติโปรตุเกส เกมนี้ไม่มีปัญหาในการจัดทัพอาจจะต้องลุ้นว่าซน ฮึง-มิน จะพร้อมหรือไม่ แต่เชื่อว่ายังไงก็ต้องเข็นลงอย่างแน่นอน ที่เหลือนำโดย จอง วู-ยอง, ควาง อิน-บอม, ควอน ชาง-ฮูน, ควาง ฮี-ชาน และควาง ฮู-โจ
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 8 ครั้ง อุรุกวัย เหนือกว่าเยอะชนะได้ถึง 6 เสมอ 1 และแพ้ 1 หนล่าสุดที่เจอกันในฟุตบอลโลกคือปี 2010 ในรอบ 16 ทีม อุรุกวัย เฉือนชนะ 2-1
มาถึงการเตะในกลุ่ม เอช ระหว่าง “ฝอยทอง” ทีมชาติโปรตุเกส ดวลกับ “ดาวดำ” ทีมชาติกาน่า เวลา 23.00 น.ซึ่งก่อนเตะ คริสติอาโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมซูเปอร์สตาร์ตัวเอ้ ได้ประกาศแยกทางอย่างเป็นทางการกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนเดียวที่ไม่มีสังกัดในการมาเตะบอลโลกหนนี้ไปแล้ว และเขาจะเป็นผู้เล่นคนที่ 8 ที่มาบอลโลกถึง 5 สมัย
โปรตุเกส ไม่เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมาก่อนหนนี้ถือว่าเป็นเวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายครั้งที่ 8 ของพวกเขายังคงไว้วางใจใช้บริการของ เฟอร์นานโด ซานโตส คุมทัพเหมือนเดิม ตามรายงานนักเตะ 26 รายที่เรียกเข้ามาถือว่าไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าจะจัดทัพในระบบ 4-2-3-1 วาง รูเบน เนเวส คุมแดนกลางร่วมกับ วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ โดยมี แบร์นาร์โด้ ซิลวา, บรูโน่ เฟอร์นานเดส และราฟาเอล เลเอา ประสานงานเกมรุกป้อนบอลให้กับหน้าเป้าอย่าง คริสติอาโน่ โรนัลโด้
ฝั่ง “ดาวดำ” กาน่า ไม่เคยพลาดการเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย นับตั้งแต่ปี 2006 ที่เข้ามาเป็นครั้งแรก เกือบจะสร้างเซอร์ไพรส์กลายเป็นทีมจากกาฬทวีปทีมแรกที่เข้าถึงรอบตัดเชือกเมื่อปี 2010 นี่คือฟุตบอลโลกหนที่ 4 ของพวกเขา ชุดนี้มี อ็อตโต้ อัดโด้ อดีตดาวเตะของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เป็นกุนซือ เรียกผู้เล่นดังจากยุโรปเข้ามาติดทีมอย่างครบครัน มาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย โธมัส ปาร์เตย์, ซาลิส อับดุล ซาเหม็ด, คามัลดีน ซูเลมาน่า, โมฮาเหม็ด คูดูส, จอร์แดน อายิว และอิญากี้ วิลเลี่ยมส์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 1 ครั้ง ในศึกฟุตบอลโลก 2014 โปรตุเกส เฉือนเอาชนะได้ 2-1 จากประตูชัยของ คริสติอาโน่ โรนัลโด้
ปิดท้ายใน กลุ่ม จี เวลา 02.00น.“แซมบ้า”ทีมชาติบราซิล แชมป์โลก 5 สมัย และเต็ง 1 ลงดวลแข้งกับ ทีมชาติเซอร์เบีย โดย “แซมบ้า” เป็นหนึ่งเดียวที่ไม่เคยพลาดการลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ทั้ง 22 ครั้งพวกเขามาหมด ในเวิลด์คัพ หนนี้ พวกเขาเดินทางมาถึงกาตาร์เป็นทีมสุดท้าย และยังลงเล่นในรอบแรกเป็นคู่สุดท้ายอีก ทีมชุดนี้คุมทัพโดย ติเต้ นักเตะที่เรียกเข้ามาถือว่าไม่มีปัญหาอะไร อาจจะรอเช็คความฟิตของ อันโตนี่แค่รายเดียว ที่เหลือถือว่าพร้อม มาในระบบ 4-3-3 คาเซมิโร่ และเฟร็ด คุมแดนกลาง โดยมี ลูคัส ปาเกต้า เป็นตัวขับเคลื่อนเกมรุกสอดประสานกับสามแดนบนอย่าง ราฟินญ่า, เนย์มาร์และวินิซิอุส จูเนียร์
ทางฝั่ง เซอร์เบีย พวกเขากลับมาอีกครั้ง หวังจะลบภาพอาถรรพ์ เพราะนับตั้งแต่ที่แยกประเทศจาก ยูโกสลาเวีย มาเป็น เซอร์เบียและมอนเตเนโกร หรือเซอร์เบีย ยังไม่สามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เลยชุดนี้คุมทีมโดย ดราแกน สตอยโควิช เพลย์เมกเกอร์ระดับตำนานที่เคยโชว์เพลงแข้งลงเล่นให้กับทีมชาติยูโกสลาเวียปะทะกับอาร์เจนติน่าของ ดีเอโก้ มาราโดน่า มาแล้วในรอบ 8 ทีมของศึกฟุตบอลโลก 1990 ที่ประเทศอิตาลี ตามรายงานต้องรอทดสอบความฟิตของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช หัวหอกจอมถล่มประตูจากฟูแล่ม นอกนั้นอยู่กันครบ จัดทีมในระบบ 3-4-1-2 นำโดย อันดริย่า ซิฟโควิช, ซาซ่า ลูคิช, เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิซ, ฟิลิป คอสติซ, ดูซาน ทาดิช, ลูก้า โยวิช และดูซาน วลาโฮวิช
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 2 ครั้ง บราซิล ชนะได้ทั้งหมด หนล่าสุดคือฟุตบอลโลก 2018 หรือ 4 ปีที่แล้วก็ดวลกันในรอบแบ่งกลุ่ม ทัพ “เซเลเซา” เอาชนะไปได้ 2-0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี