การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ณ ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 18 ธันวาคมนี้ เดินทางมาถึงการเตะรอบแรก นัดสุดท้าย ในวันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2022 โดยนับจากวันนี้เป็นต้นไป ฟุตบอลโลก จะไม่มีการแข่งขันในช่วงเย็นหรือหัวค่ำ แต่จะเตะ

ในเวลา 22.00 น. และ 02.00 น.ทั้งหมดเริ่มจากการแข่งขันในกลุ่ม เอ จะเตะพร้อมกัน 2 คู่ในเวลา 22.00 น.โดยกลุ่มนี้ เนเธอร์แลนด์ มี 4 คะแนน, เอกวาดอร์ 4 คะแนน, เซเนกัล 3 คะแนน และกาตาร์ เป็นทีมเดียวที่ตกรอบไปแล้วของกลุ่มนี้มีอยู่ 0 แต้ม

เกมระหว่าง เอกวาดอร์ กับ เซเนกัล ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชันแนล สเตเดี้ยม ในอัลรายยาน ซึ่ง เอกวาดอร์ ถือว่าฟอร์มดีแบบที่ไม่มีใครคาดคิดมีอยู่ 4 คะแนน จากการชนะ กาตาร์ และเสมอเนเธอร์แลนด์ ขอแค่เสมอก็จะการันตีการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ แต่เกมนี้กุนซือ กุสตาโว่ อัลฟาโร่ ต้องเจอปัญหาปวดหัว เมื่อ เอ็นแนร์ วาเลนเซีย ดาวยิงคนสำคัญต้องรอทดสอบความฟิตไม่รู้ว่าจะไหวหรือไม่ นอกนั้นถือว่าอยู่กันครบ คาดว่าพวกเขาจะใช้ระบบหลัง 3 เหมือนเดิม เน้นความเหนียวแน่นมี เยกซอน เมนเดซ คุมแดนกลางร่วมกับ มอยเซส ไซเซโด้ ตัวริมเส้นสองฝั่งวาง อังเจโล่ เปรเซียโด้ และเปอร์วิส เอสตูปิญาน ส่วนแนวรุก เยเรมี่ ซาร์เมียนโต้ น่าจะได้ออกสตาร์ทประสานงานกับ กอนซาโล่ พลาต้า และไมเคิ่ล เอสตราด้า ในกรณีที่ วาเลนเซีย ไม่ฟิต

ทางฝั่ง “สิงโตแห่งเตรังก้า” ทีมชาติเซเนกัล ฟื้นคืนชีพกลับมามีลุ้นเต็มตัว หลังถล่มเจ้าภาพกาตาร์ มา 3-1 ทำให้พวกเขามี 3 คะแนน เงื่อนไขที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปคือต้องชนะเท่านั้น หรือต้องไม่แพ้ก่อนแล้วไปลุ้นให้ เนเธอร์แลนด์ แพ้กาตาร์ด้วยสกอร์ที่มากกว่า 2 ประตู เกมนี้กุนซือ อาลีอู ซิสเซ่ ไม่มีปัญหาในการจัดทัพส่งชุดใหญ่ลงบู๊มาในระบบ 4-4-2 นำโดย อิสไมล่า ซาร์, นอมปาลิส เมนดี้, อิดริสซ่า กาน่า เกย์, เครแป็ง ดิยัตต้า, บูลาย เดีย และฟามาร่า ดิดิอู

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 1 ครั้งเป็นเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2002 เซเนกัล เอาชนะไปได้ 1-0

อีกคู่ในกลุ่มนี้ ที่อัล เบย์ต ใน อัล กอร์ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เจอกับ เจ้าภาพ โดย “ดัทช์แมน” มีอยู่ 4 แต้มเท่ากับ เอกวาดอร์ จากการชนะ 1 และเสมอ 4 เกมนี้พวกเขาต้องเอาชนะด้วยสกอร์ที่เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อการคว้าแชมป์กลุ่ม ตามรายงานทีมของ หลุยส์ ฟาน ฮาล ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ จัดทัพได้เต็มสูบ คาดว่า เมมฟิส เดปาย ที่ออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองมา 2 เกม น่าจะฟิตพร้อมเป็นตัวจริง ทำให้ ดาวี่ คลาสเซ่น จะหลุดไปนั่งสำรอง และถอยเอา โคดี้ กั๊คโป ลงมาเป็นตัวปั้นเกมรุก ที่เหลือเป็นแกนหลักชุดเดิม นำโดย เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค, เดนเซน ดุมฟรีส์, แฟรงกี้ เดอ ยองก์ และสตีเว่น เบิร์กฮุยส์

ฝั่งเจ้าภาพ กาตาร์ กลายเป็นทีมแรกที่ตกรอบในศึกฟุตบอลโลก 2022 หลังจากที่พวกเขาแพ้มา 2 เกมรวด แต่ยังดีที่ทำประตูแรกได้ในเกมที่แล้ว คาดว่า โมฮาเหม็ด มุนตาลี่ คนยิงประตูสร้างประวัติศาสตร์ น่าจะได้ออกสตาร์ทตัวจริง ที่เหลือเป็นผู้เล่นชุดเดิมในระบบ 5-3-2 นำโดย คาริม บูดิอาฟ, อัสซิม มาดิโบ้, ฮาสซาน อัล เฮย์ดอส และอัลโมซ อาลี

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ไม่เคยเจอกันมาก่อน

จากนั้นในเวลา 02.00 น. กลุ่ม บี นัดสุดท้าย มีลุ้นเข้ารอบกันทุกทีม อังกฤษ มี 4 คะแนน, อิหร่าน มี 3 คะแนน, สหรัฐอเมริกา 2 คะแนน และเวลส์ 1 คะแนน

ศึกสายเลือด ระหว่าง อังกฤษ กับ เวลส์ ที่อาเหม็ด บิน อาลี สเตเดี้ยม นั้น อังกฤษ นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่มด้วยการมี 4 คะแนน หลังชนะ 1 เสมอ 1 เกมนี้จะได้ เจมส์ แมดดิสัน ฟิตกลับมาพร้อมเป็นตัวเลือกในแนวรุก เช่นเดียวกับ ไคล์ วอล์คเกอร์ อาจจะได้มีส่วนร่วมในเกมนี้ ที่เหลืออยู่ครบ แกเร็ธ เซาธ์เกต โดนวิจารณ์อย่างหนักหลังเสมอกับ สหรัฐอเมริกา แบบไร้สกอร์ 0-0 โดนเฉพาะประเด็นที่ไม่ส่ง ฟิล โฟเด้น ลงสนาม คาดว่าเกมนี้อาจจะต้องได้เล่นประสานงานเกมรุกร่วม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, เมสัน เม้าท์ และแฮร์รี่ เคน

“มังกรแดง” เกมที่แล้วน่าผิดหวังพ่ายให้กับ อิหร่าน 0-2 ทำให้พวกเขามีแค่ 1 คะแนนเท่านั้น เงื่อนไขต้องชนะอังกฤษด้วยสกอร์เยอะ ๆ ไว้ก่อน แล้วไปวัดลูกได้เสียและลุ้นผลอีกคู่ เกมนี้จะหมดสิทธิ์ใช้งาน เวย์น เฮนเนสซีย์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนามในเกมที่แล้ว ทำให้โอกาสจะตกเป็นของ แดนนี่ วอร์ด ที่ได้เฝ้าเสา มีความเป็นไปได้ว่าเกมนี้ ร็อบ เพจ ต้องเข็น โจ อัลเลน มิดฟิลด์มากประสบการณ์ที่ไม่สมบูรณ์ลงสนาม นอกนั้นอยู่กันครบ นำโดย คอนเนอร์ โรเบิร์ตส, แอรอน แรมซีย์, นีโก้ วิลเลี่ยมส์, แฮร์รี่ วิลสัน, แกเร็ธ เบล และคีฟเฟอร์ มัวร์

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมาเยอะมาก อังกฤษ ชนะได้ 68 เสมอ 21 และเวลส์ ชนะได้แค่ 14

ขณะที่ “นักรบเปอร์เซีย” ทีมชาติอิหร่าน กับคู่ปรับทางการเมืองอย่าง สหรัฐอเมริกา โดยที่ อิหร่าน พลิกสถานการณ์กลับมามีลุ้นเข้ารอบหลังบดเอาชนะ “มังกรแดง” เวลส์ 2-0 ในเกมที่ผ่านมา ทำให้พวกเขากุมชะตาของตัวเองชนะเข้ารอบทันที หรือเสมอก็ต้องไปลุ้นอีกคู่ให้ เวลส์ไม่ชนะอังกฤษ มีข่าวดีว่า อาลีเรซ่า ไบรานวานด์ นายทวารมือหนึ่งที่บาดเจ็บจากการปะทะกันเองในเกมที่พบกันอังกฤษ อาการดีขึ้นและพร้อมจะกลับมา ขึ้นอยู่กับกุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตำแหน่งอื่น ๆ ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าน่าจะยึดชุดเดิมในระบบ 3-5-2 นำโดย รามิน เรซาเอียน, อาห์เหม็ด นูโรลลาฮี, อาลี กอลิซาเดห์, ซาอิด เอซาโตลาฮี, เอห์ซาน ฮัจญ์ซาฟี่, ซาร์ดาร์ อัซมุน และเมห์ดี้ ตาเรมี่

ทางฝั่ง “พญาอินทรี” สหรัฐอเมริกา ยันเสมอกับ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ แบบไม่มีสกอร์ 0-0 ทำให้พวกเขามีอยู่ 2 คะแนน จากการเสมอมา 2 นัด เกมนี้จะเสมออีกไม่ได้แล้ว ต้องชนะเท่านั้นหากต้องการเข้ารอบ ตามรายงานทีมของ เกร็ก เบอร์ฮัลเตอร์ ไม่มีนักเตะบาดเจ็บ แต่มีเรื่องไม่ค่อยดีในแคมป์เพราะมีข่าวว่า โจวานนี่ เรย์น่า ขัดแย้งกับกุนซือทำให้ไม่ได้ถูกเลือกใช้งานเลย ได้เล่นไปแค่ 15 นาทีเท่านั้น คาดว่าจะยึดระบบเดิม 4-3-3 เวสตัน แม็คเคนนี่ คุมแดนกลางร่วมกับ ไทเลอร์ อดัมส์ และยูนุส มูซาห์ สามแนวรุกวาง ทีโมที เวอาห์ ประสานงานกับ ฮาจี้ ไรท์ และคริสเตียน พูลิซิซ

สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลกันมา 2 ครั้ง หนแรกคือฟุตบอลโลกปี 1998 อิหร่าน เอาชนะได้ 2-1 อีกเกมคือ 2 ปีต่อมาเป็นนัดอุ่นเครื่องเสมอกันไป 1-1