บอลงูกินหาง!
‘เยอรมนี-ญี่ปุ่น-สเปน’หืด
ชิงโควตาเข้ารอบบอลโลก
‘โครแอต’ระอุตัดเบลเยียม
การแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ที่ประเทศกาตาร์ เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน ไปถึงวันที่
18 ธันวาคม 2565 ยังเป็นการดวลแข้งรอบแรก เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายของกลุ่ม อี กับ กลุ่ม เอฟ ในวันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคมนี้ มีลุ้นกันเข้ารอบกันถึง 7 ทีมจาก 2 สาย
ในสาย อี นัดแรก เยอรมนี แพ้ ญี่ปุ่น 1-2, สเปน ชนะ คอสตาริก้า 7-0, นัดสอง เยอรมนี เสมอ สเปน 1-1, คอสตาริก้า ชนะ ญี่ปุ่น 1-0 ทำให้ยังลุ้นกันทุกทีม สเปน 4 แต้ม(ประตูได้เสีย +7), ญี่ปุ่น 3 แต้ม(0), คอสตาริก้า 3 แต้ม(-6) และเยอรมนี 1 แต้ม(-1)
ในสาย เอฟ นัดแรก โมร็อกโก เสมอ โครเอเชีย 0-0, เบลเยี่ยม ชนะ แคนาดา 1-0, นัดสอง โมร็อกโก ชนะ เบลเยี่ยม 2-0, โครเอเชีย ชนะ แคนาดา 4-1 โดยสายนี้ โครเอเชีย 4 แต้ม(ประตูได้เสีย +3), โมร็อกโก 4 แต้ม(+2), เบลเยี่ยม 3 แต้ม(-1) และแคนาดา 0 แต้ม(-4)
เกมในเวลา 22.00 น.เตะพร้อมกัน 2 คู่ในกลุ่ม เอฟ “เมเปิ้ล” แคนาดา ตกรอบไปแล้วจากการแพ้ 2 เกมรวดยังไม่มีคะแนน เจอกับ “สิงโตแห่งคาซาบลังก้า” โมร็อคโก ที่ลุ้นเข้ารอบเต็มตัวจากการมี 4 แต้ม โดยที่ แคนาดา สามารถทำประตูแรกในฟุตบอลโลกได้แล้วจาก อัลฟองโซ่ เดวีส์ เกมนี้ไม่มีอะไรต้องเสียเล่นเพื่อศักดิ์ศรี ตามรายงานไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บ ยังคงจัดเต็มเหมือนเดิมมาในระบบ 3-4-3 นำโดย ริตชี่ ลาร์เยีย, อติบ้า ฮัตชินสัน, สตีเฟ่น อุสตาคิโอ้ และอัลฟองโซ่ เดวีส์ ในแผนกลาง ส่วนสามแนวรุกเลือก ทาจอน บูชาแนน ประสานงานกับ โจนาธาน เดวิด และจูเนียร์ ฮอยเล็ตต์
ทางฝั่ง “สิงโตแห่งคาซาบลังก้า” ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการเอาชนะ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยี่ยม 2-0 ทำให้ตอนนี้มีอยู่ 4 คะแนน กุมชะตาการเข้ารอบเอาไว้ด้วยตัวเอง หากเกมนี้ชนะจะลิ่วน็อคเอ้าท์ทันที
แต่ทีมของกุนซือ วาลิด เรกรากี ยังคงไม่มี อับเดสซาหมัด เอซซัลซูลี่ ดาวรุ่งจากบาร์เซโลน่าที่บาดเจ็บ นอกนั้น ไม่มีอะไรต้องกังวล เล่นในระบบ 4-1-4-1 วาง โซฟียาน อัมราบัต เป็นตัวตัดเกมแดนกลาง โดยมี ฮาคิม ซีเย็ค เป็นผู้นำในเกมรุกประสานงานกับ เอซซาดิน อูนาฮี, เซลิม อมัลลาห์ และโซฟียาน บูฟาล โดยมี ยุสเซฟ เอ็น-เนสรี่ เป็นหัวหอกตัวเป้า
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 3 ครั้งเป็นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด โมร็อคโก ไม่เคยแพ้ ชนะ 2 เสมอ 1
อีกคู่เป็นบิ๊กแมทช์ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย รองแชมป์เก่า ต้องชี้ชะตาเข้ารอบกับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยี่ยม โดยที่แข้งโครแอต มีอยู่ 4 คะแนน ชนะ 1 เสมอ 1 เพิ่งโชว์ฟอร์มแจ่มด้วยการถล่ม แคนาดา 4-1 ในเกมล่าสุด เกมนี้ขอแค่เสมอก็เพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบต่อไป
แต่ทีมของ ชลัตโก้ ดาลิช เจอปัญหาใหญ่ เมื่อต้องรอทดสอบความฟิตของ อีวาน เปริซิซ แนวรุกคนสำคัญ หากเล่นไม่ได้ นิโกล่า วลาซิซ น่าจะได้เสียบแทน นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร มาในระบบ 4-3-3 นำโดย ลูก้า โมดริช, มาร์เซโล่ โบรโซวิช, มัตเตโอ โควาซิซ, อังเดรย์ ครามาริช และมาร์โก ลิวาย่า
ทางฝั่ง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยี่ยม มีเรื่องไม่ค่อยสู้ดีนักในแคมป์ทีมชาติจากการออกมาให้สัมภาษณ์ของผู้เล่นที่ส่งผลให้สปิริตทีมเสีย พวกเขามีอยู่ 3 คะแนน เกมนี้ต้องชนะสถานเดียวเพื่อเข้ารอบ แต่กุนซือ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ จะหมดสิทธิ์ใช้งาน อมาดู โอนาน่า มิดฟิลด์ร่างโย่งที่ติดโทษแบนจากการสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร มาในระบบ 3-4-2-1 ยูรี ตีเลมานส์ คุมแดนกลางร่วมกับ อักเซล วิตเซล แนวรุกวาง เอแดน อาซาร์ ประสานงานกับ เควิน เดอ บรอยน์ และโรเมลู ลูกากู ที่ฟิตพร้อมแล้ว
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 8 ครั้ง ถือว่าสูสีสุด ๆ ผลัดกันชนะไปฝั่งล่ะ 3 และเสมอ 2
จากนั้นในเวลาตี 2 กลุ่ม อี “กล้วยหอม” คอสตาริก้า จะปะทะกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัย โดย “กล้วยหอม” ต่อลมหายใจของตัวเองด้วยการพลิกเอาชนะ “ซามูไรบลูส์” ญี่ปุ่น 1-0 ทำให้พวกเขามี 3 คะแนน หากชนะเกมนี้จะเข้ารอบทันที
เกมนัดนี้ไม่มี ฟรานเชสโก้ คัลโว่ แนวรับที่ติดโทษแบน ทำให้ แดเนี่ยล ชาคอน จะได้ลงเล่นแทน ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร เน้นเล่นแบบรัดกุมในระบบ 5-4-1 นำโดย เกร์สัน ตอร์เรส, เซลโซ่ บอร์เกส, เยลท์ซิน เตเฮด้า, โจเอล แคมป์เบลล์ และแอนโธนี่ คอนเตรราส โดยมี ไบรอัน รุยซ์ ตัวมากประสบการณ์รอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรอง
“อินทรีเหล็ก” เริ่มกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น หลังเกมล่าสุดทำได้ดีเสมอกับ “กระทิงดุ” สเปน 1-1 ทำให้ตอนนี้มีอยู่ 1 คะแนน รั้งบ๊วยของกลุ่ม เกมนี้พวกเขาต้องชนะสถานเดียวเท่านั้น และไปลุ้นให้ สเปน ชนะญี่ปุ่น เพราะลูกได้เสียพวกเขาเป็นรอง
ทีมของ ฮานซี่ ฟลิค ไม่มีปัญหาในการจัดทัพแกนหลักอยู่กันครบไม่มีใครบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน คาดว่าจะปรับทีมโดยเฉพาะแนวรุก โธมัส มุลเลอร์ น่าจะหลุดไปนั่งสำรองเปิดโอกาสให้ นิคลาส ฟูลล์ครูก หน้าเป้าธรรมชาติได้เล่นแทน เช่นเดียวกับ เลรอย ซาเน่ ที่จะได้ขึ้นเกมริมเส้นฝั่งซ้าย โดยมี จามาล มูเซียล่า และแซร์ก นาบรี้ คอยประสานงาน
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลกันครั้งเดียวในเกมเปิดสนามฟุตบอลโลก 2006 ที่ เยอรมนี เป็นเจ้าภาพพวกเขาถล่ม คอสตาริก้า 4-2
อีกหนึ่งเกมเวลาเดียวกัน กลุ่ม อี “ซามูไรบลูส์” ทีมชาติญี่ปุ่น ลุ้นเข้ารอบเจอกับด่านหินอย่าง “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน โดยที่ ญี่ปุ่น พลาดท่าพ่ายให้กับ “กล้วยหอม” คอสตาริก้า 0-1 ในเกมล่าสุด ทำให้ต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เพราะมีแค่ 3 คะแนน เสมอได้ แต่ต้องลุ้นให้ เยอรมนี เสมอกับคอสตาริก้า เพราะลูกได้เสียพวกเขาดีกว่า ทีมของ ฮาจิเมะ โมริยาสึ ต้องรอเช็คความฟิตของ ฮิโรกิ ซากาอิ แบ็กขวาคนสำคัญ หากเล่นไม่ได้ มิกิ ยามาเนะ จากคาวาซากิ ฟรอนตาเล่ จะได้เล่นแทน นอกนั้นอยู่ครบ เชื่อว่าจะกลับมาเล่นระบบ 4-2-3-1 นำโดย ฮิเดมาสะ โมริตะ, วาตาตุ เอ็นโดะ, จุนยะ อิโตะ, ไดจิ คามาดะ, ทาเคฟุสะ คุโบะ และไดเซน มาเอดะ
ทางฝั่ง “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน มีอยู่ 4 คะแนน นำจ่าฝูงของกลุ่ม แต่มีโอกาสตกรอบอยู่เหมือนกัน หากพวกเขาแพ้เกมนี้ และคอสตาริก้า ชนะเยอรมนี
ทีมของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ เรียกว่าแกนหลักอยู่กันครบ อาจจะยึดไลน์อัพเดิมในระบบ 4-3-3 มี กาบี้, เซร์คิโอ้ บุสเกตส์ และเปดรี้ แผงมิดฟิลด์มาจากบาร์เซโลน่าคอยคุมจังหวะเกม สามแนวรุกเลือก เฟร์ราน ตอร์เรส เล่นกับ อัลบาโร่ โมราต้า และดานี่ โอลโม่
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลกันครั้งเดียวในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2001 สเปน เฉือน 1-0
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี