‘โสมขาว’สู้!
ชนโปรตุเกส-อุรุกวัยยังมีลุ้น
แซมบ้า-โปรตุเกสเตะสบาย
ทิ้งทวนรอบแรกฟุตบอลโลก
การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งที่ 22 ที่ประเทศกาตาร์ ในวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคม 2565 เป็นการลงสนามรอบแรก นัดสุดท้าย ของสองกลุ่มสุดท้าย นั่นคือ กลุ่ม จี และ กลุ่ม เอช โดยยังมีลุ้นเข้ารอบกันถึง 6 ชาติด้วยกัน
สถานการณ์ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้นนั้น สายจี นัดแรก สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ แคเมอรูน 1-0, บราซิล ชนะ เซอร์เบีย 2-0, นัดสอง บราซิล ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 1-0, แคเมอรูน เสมอ เซอร์เบีย 3-3 ทำให้ บราซิล มี 6 แต้ม(ประตูได้เสีย+3) ผ่านเข้ารอบเป็นทีมแรก, สวิตเซอร์แลนด์ 3 แต้ม(0), แคเมอรูน 1 แต้ม(-1) และเซอร์เบีย 1 แต้ม(-2)
สาย เอช นัดแรก อุรุกวัย เสมอ เกาหลีใต้ 0-0, โปรตุเกส ชนะ กาน่า 3-2, นัดสอง เกาหลีใต้ แพ้ กาน่า 2-3, โปรตุเกส ชนะ อุรุกวัย 2-0 โดยกลุ่มนี้ โปรตุเกส ผ่านเข้ารอบด้วยการมี 6 แต้ม(+3), กาน่า 3 แต้ม(0), เกาหลีใต้ 1 แต้ม(-1) และอุรุกวัย 1 แต้ม(-2)
การเตะในเวลา 22.00 น.กลุ่ม เอช ลุยพร้อมกัน 2 คู่ “โสมขาว” ทีมชาติเกาหลีใต้ ยังไม่ชนะใครเสมอ 1 แพ้ 1 มีแค่ 1 คะแนน เจอกับ “ฝอยทอง” ทีมชาติโปรตุเกส ผ่านเข้ารอบต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เกาหลีใต้ เกมที่แล้วพ่ายให้กับ กาน่า แบบสุดมันส์ 2-3 ทำให้เงื่อนไขที่จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปต้องเอาชนะเท่านั้น เกมนี้กุนซือ เปาโล เบนโต้ ยังคงต้องลุ้นว่า ฮวาง ฮี-ชาน แนวรุกจากวูล์ฟแฮมป์ตันจะฟิตหรือไม่ นอกนั้นไม่มีปัญหาอะไร มาในระบบ 4-2-3-1 พร้อมเปิดเกมรุกเต็มสูบ นำโดย จุง วู-ยัง, ฮวาง อิน-บอม, ควอน ชาง-ฮูน, จอง วู-ยอง, ซน ฮึง มิน และโช กยู-ซอง
ฟากฝั่ง โปรตุเกส เข้ารอบแล้วแต่ยังไม่การันตีการเป็นแชมป์กลุ่ม หลังเอาชนะ “จอมโหด” อุรุกวัย 2-0 เกมนี้ทีมของ เฟอร์นานโด ซานโตส ยังไม่มี ดานิโล่ เปเรยร่า แนวรับอเนกประสงค์ที่บาดเจ็บซี่โครงร้าว รวมไปถึง นูโน่ เมนเดส ในรายการของ โอตาวิโอ้ ยังคงเป็นเครื่องหมายคำถามว่าจะฟิตพอหรือไม่ ที่เหลืออยู่กันครบ คาดว่าเกมนี้จะมีการโรเตชั่นทีมพอสมควร ดาวรุ่งอย่าง อันโตนิโอ ซิลวา น่าจะได้โอกาสลงมาคุมแนวรับร่วมกับ รูเบน ดิอาส รวมไปถึง ดีโอโก้ ดาโลต์, ชูเอา ปาลินญ่า. อังเดร ซิลวา และราฟาเอล เลเอา สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 1 ครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2002 ในรอบแบ่งกลุ่ม เกาหลีใต้ เฉือน 1-0 จากประตูชัยของ พัค จี-ซุง โดยนัดนั้น เปาโล เบนโต้ กุนซือเกาหลีใต้ คนปัจจุบัน ลงสนามนัดสุดท้ายในนามทีมชาติโปรตุเกส อีกด้วย
อีกคู่ “ดาวดำ” ทีมชาติกาน่า รอคอยวันนี้มา 12 ปี หวังจะล้างแค้นจากเหตุการณ์ดราม่าในศึกฟุตบอลโลก 2010 ดวลกับ “จอมโหด” ทีมชาติอุรุกวัย ที่มีแค่แต้มเดียว โดย กาน่า มี 3 คะแนน จากการเอาชนะ เกาหลีใต้ ในเกมล่าสุด นัดนี้รอแค่เสมอก็น่าจะเพียงพอสำหรับการเข้ารอบต่อไป ทีมของ อ็อตโต้ อัดโด้ ตามรายงานไม่มีนักเตะบาดเจ็บหรือติดโทษแบน คาดว่าจะยึดทีมชุดเดิมอาจจะมีการเปลี่ยนบางตำแหน่งมาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย ซาลิส อับดุล ซาเหม็ด, โธมัส ปาร์เตย์, จอร์แดน อายิว, อองเดร์ อายิว, โมฮาเหม็ด คูดูส และอีญากี้ วิลเลี่ยมส์
ทางฝั่ง อุรุกวัย ฟอร์มน่าผิดหวังสุด ๆ เสมอ 1 แพ้ 1 และยังยิงประตูใครไม่ได้เลย เกมนี้ต้องสู้ยิบตาหวังชนะเท่านั้นเพื่อลุ้นเข้ารอบต่อไป ต้องรอทดสอบความฟิตของ โรนัลด์ อเราโฮ่ กองหลังที่ไม่สมบูรณ์จะฟิตทันลงเล่นนัดสำคัญหรือไม่ ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไร ปรับเล่น 3-5-2 เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, มาติอัส เวซิโน่ และโรดริโก้ เบนตานคูร์ คุมจังหวะแดนกลาง โดยมี หลุยส์ ซัวเรซ และดาร์วิน นูนเญซ เป็นคู่หัวหอก
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 1 ครั้งในศึกฟุตบอลโลก 2010 เสมอกันในเวลา 1-1 ต่อเวลาก็ทำอะไรกันไม่ได้ ก่อนที่อุรุกวัยจะดวลจุดโทษเอาชนะไป
จากนั้น ในเวลา 02.00 น.การดวลแข้ง กลุ่ม จี นัดสุดท้าย “หมอผี” แคเมอรูน มีอยู่ 1 คะแนน ดวลกับ “แซมบ้า” ทีมชาติบราซิล ที่เข้ารอบไปแล้ว โดยที่ แคเมอรูน นั้นได้แต้มจากการเสมอกับ เซอร์เบีย มาแบบสุดมันส์ 3-3 เกมนี้ไม่มี อองเดร์ โอนาน่า นายทวารมือหนึ่งขอแยกตัวออกจากทีมเพราะทัศนคติแนวทางการเล่นไม่ตรงกับกุนซือ ริโกแบร์ ซง ทำให้ เดวิส อีปาสซีย์ จะได้ลงเฝ้าเสาต่อไป เงื่อนไขเดียวที่พวกเขาจะเข้ารอบคือต้องชนะเกมนี้เท่านั้น จัดทีมในระบบ 4-3-3 นำโดย อองเดร์-ฟร้องค์ แซมโบ้ อองกิสซ่า, ปีแอร์ คุนเด้, มาร์แต็ง ฮองก์ล่า, ไบรอัน เอ็มเบอูโม่, เอริค มักซิม ชูโป-โมติง และคาร์ล โตโก-เอคัมบี้
ทางฝั่ง “แซมบ้า” บราซิล ผ่านทะลุเข้ารอบ 16 ทีมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากเฉือน “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ มาได้ 1-0 เกมนี้ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน เนย์มาร์ และดานิโล่ สองแกนหลักที่บาดเจ็บ และยังต้องลุ้นว่าจะกลับมาทันทัวร์นาเมนต์นี้หรือไม่ ที่เหลืออยู่กันครบ คาดว่ากุนซือ ตีตี้ จะโรเตชั่นทีม คงระบบ 4-2-3-1 ส่ง บรูโน่ กิลมาเรส คุมแดนกลางร่วมกับ คาเซมิโร่ แนวรุกวาง ราฟินญ่า ประสานงานกับ แอนโทนี่, กาเบรี่ยล มาร์ติเนลลี่ และกาเบรียล เฮซุส สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 6 ครั้งในทุกรายการ ไม่เคยเสมอกันเลย บราซิล ชนะได้ 5 และแคเมอรูน ชนะ 1
อีกคู่เป็นเกมเดือดระหว่าง ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ เจอกับ ทีมชาติเซอร์เบีย โดยที่ “ขุนพลเซิร์บ” เซอร์เบีย ทำผลงานได้น่าผิดหวังในเกมล่าสุด พวกเขาขึ้นนำ 3-1 แต่ไม่สามารถรักษาสกอร์ได้ทำให้เสมอกับ แคเมอรูน 3-3 มีแค่ 1 คะแนน เกมนี้ต้องวัดกันเข้ารอบกับคู่แข่งโดยตรง มีเงื่อนไขต้องชนะเท่านั้น ตามรายงานทีมของ ดราแกน สตอยโควิช อาจจะรอเช็คความฟิตของ มิลอส เวลจ์โควิช และสตราฮินย่า พาฟโลวิช แต่เชื่อว่าลงเล่นได้ ที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรยึดระบบ 3-4-2-1 วาง เนมานย่า มัคซิโมวิช คุมแดนกลางร่วมกับ ซาซ่า ลูคิช ตัวริมเส้นสองฝั่งมี อันดริย่า ซิฟโควิช และฟิลิป คอสติช โดยมี เซอร์เกย์ มิลินโควิช-ซาวิช และดูซาน ทาดิช คอยปั้นเกมสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช
ทางฝั่ง “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ มูรัต ยาคิน ผลงานถือว่ายอดเยี่ยมเลยทีเดียว เล่นได้อย่างเหนียวแน่นแม้จะพ่ายให้บราซิลในนัดล่าสุด ตอนนี้มีอยู่ 3 คะแนนขอแค่เสมอก็เข้ารอบแล้ว หาก แคเมอรูน ไม่ชนะ บราซิล แบบถล่มทลาย เกมนี้รอทดสอบความฟิตของ โนอาห์ โอคาฟอร์ นอกนั้นอยู่กันครบ นำโดย เรโม่ ฟรอยเลอร์, กรานิต ชาก้า, เซอร์ดาน ชากิรี่, มุสซ่า โซว์, เอดูอาร์โด้ วาร์กาส และบรีล เอ็มโบโล่ สถิติการพบกันของทั้งสองทีม ดวลกันมา 1ครั้งในฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งกลุ่ม สวิตเซอร์แลนด์ เฉือนชนะ 2-1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี