“ซามูไรบลูส์” ทีมชาติญี่ปุ่น สร้างผลงานสุดเหลือเชื่อในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์อีกครั้ง เมื่อพลิกกลับมาเอาชนะ “กระทิงดุ” ทีมชาติสเปน ได้แบบสุดมัน 2-1 ที่สนามคาลิฟา อินเตอร์เนชั่นแนล สเตเดี้ยม ผ่านเข้ารอบ น็อกเอาท์ 16 ทีมสุดท้าย ในฐานะแชมป์ กลุ่มอี ได้สำเร็จ
โดยเกมนี้ สเปน นั้นได้ประตูออกนำไปก่อนในครึ่งแรกจาก อัลบาโร่ โมราต้า ในนาทีที่ 11 อย่างไรก็ตามครึ่งหลัง ทัพ “ซามูไรบลูส์” มารัว 2 ประตูรวดจาก ริทสึ โดอัน และ อาโอะทานากะ ในนาทีที่ 48 และ 51 ทำให้สถานการณ์กลุ่มนี้ ญี่ปุ่น คว้าแชมป์กลุ่มไปครองได้สำเร็จจากการมี 6 คะแนน
พร้อมทำให้ ญี่ปุ่น สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติแรกจากทวีปเอเชีย ที่สามารถทะลุเข้าถึงรอบน็อกเอาท์ในศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้สองสมัยติดต่อกัน ต่อจากปี 2018 ที่ อากิระ นิชิโนะ อดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทย คุมทีม นอกจากนั้น“ซามูไรบลูส์” ยังเป็นชาติแรกของทวีปเอเชียที่ผ่านเข้าถึงรอบน็อคเอาท์ในศึกฟุตบอลโลก ได้ 4 สมัย ประกอบด้วย ปี 2002, 2010, 2018 และ 2022
นอกจากนี้ ญี่ปุ่น ยังทำสถิติอันน่าเหลือเชื่อเมื่อกลายเป็นทีมที่มีเอาชนะคู่แข่งด้วยการมีเปอร์เซ็นต์การครองตลอดทั้งเกมน้อยสุดนับตั้งแต่มีการเก็บสถิติมาที่ 17.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ส่วน สเปน แม้จะพ่ายในเกมนี้ แต่ยังดีพอที่เข้าเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม จากการมี 4 คะแนน ขณะที่ ทีมชาติเยอรมนี แม้จะเอาชนะ คอสตาริกา 4-2 แม้จะมี 4 คะแนนเท่ากัน แต่ประตูได้เสียเป็นรองสเปน ถึง 5 ลูก ทำให้ทัพ“อินทรีเหล็ก” มีอันต้องอกหักตกรอบแบ่งกลุ่ม 2 สมัยติดต่อกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ 16 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1954 พวกเขาผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทั้งหมด
สำหรับ ญี่ปุ่น เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปพบกับ โครเอเชีย ในวันจันทร์ที่ 5 ธ.ค. นี้เวลา 22.00น. ส่วน สเปน จะเข้าไปพบกับ โมร็อกโก ในวันที่ 6 ธ.ค. เวลา 22.00 น. เช่นกัน
‘โมริยาสุ’ตั้งเป้าสร้างประวัติศาสตร์ลิ่ว 8 ทีม
ฮาจิเมะ โมริยาสุ กุนซือทีมชาติ ญี่ปุ่น ตั้งเป้าสร้างประวัติศาสตร์ พาทัพ “ซามูไรบลูส์” เอาชนะ โครเอเชีย ในรอบหน้าเพื่อ ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้เป็นครั้งแรก
โดย โมริยาสุ กล่าวหลังเอาชนะ สเปน ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม อี ว่า “เป้าหมายใหม่ของเราอยู่ที่รอบ 8 ทีมสุดท้าย นักเตะแสดงให้เราเห็นถึงความแตกต่างและมุมมองใหม่ของความสามารถในการต่อสู้บนเวทีระดับโลก ผมอยากทำสถิติใหม่ให้ทีมชาติด้วยการเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย หรือไกลกว่านั้น ต้องขอขอบคุณแฟนบอลของเราทุกคนอย่างยิ่งสำหรับแรงสนับสนุน เราสามารถผ่านเกมที่ยากนี้มาได้ ผมมีความสุขที่สามารถนำชัยชนะมามอบให้กับทุกคน และสร้างผลงานที่เราทุกคนจะมีความสุขไปกับมัน”
‘ฟลิค’รับอินทรีเหล็กต้องโทษตัวเอง
ฮันซี่ ฟลิค บุนเดสเทรนเนอร์ทีมชาติ เยอรมนี แชมป์โลก 4 สมัย ยอมรับว่าพวกเขาต้องโทษตัวเอง หลังตกรอบแรกฟุตบอลโลก 2022 เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน
“ช่วงพักครึ่งผมบอกกับทีมว่าผมผิดหวังและโกรธมากกับผลงาน เรามีข้อผิดพลาดหลายครั้งและไม่ระมัดระวัง แต่สุดท้ายแล้วเราเป็นฝ่ายชนะ แต่ความจริงแล้วความหายนะของเราไม่ได้เกิดขึ้นวันนี้ แต่มันเกิดขึ้นในช่วง 20 นาที เกมกับญี่ปุ่น และคุณอาจพูดได้ว่าเราน่าจะเอาชนะ สเปน ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม มันคือความผิดหวังครั้งใหญ่”
“เรากำลังต้องกลับบ้าน ซึ่งผมผิดหวังมากๆ และบรรดาสต๊าฟโค้ชก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน และผมไม่มีทางจะโทษ สเปน ผมไม่ได้มองไปที่ทีมอื่น เราต้องโทษตัวเอง เรามีโอกาสมากมายทั้งในเกมกับ ญี่ปุ่น และ สเปน แต่ทำไม่สำเร็จ”
‘มาร์ติเนซ’อำลาเบลเยียมเซ่นตกรอบ
โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ยืนยันอำลาตำแหน่งกุนซือทีมชาติเบลเยียมเป็นที่เรียบร้อย หลังทีมตกรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก 2022 โดย มาร์ติเนซ เข้าคุมทีมชาติเบลเยียมหลังจบศึกยูโร 2016 และพาทีมจบอันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 ก่อนตกรอบก่อนรองชนะเลิศยูโร 2020 จากการพ่ายต่อ อิตาลี 1-2 ส่วนในฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้
เบลเยียม ที่มาในฐานะอันดับ 2 ของโลก และเป็นเต็ง 7 ของทัวร์นาเมนท์ กลับทำผลงานน่าผิดหวังตกรอบแรกอย่างรวดเร็วหลังได้เพียงเสมอ โครเอเชีย0-0 ในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม
หลังจบเกม กุนซือชาวสแปนิชก็ได้กล่าวสั้นๆ ว่าได้อำลาตำแหน่งกุนซือของทีมอย่างที่วางแผนเอาไว้ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนท์ โดยยืนยันว่า “นี่เป็นนัดสุดท้ายของผม”
สำหรับ โรแบร์โต้ มาร์ตีเนซ มีสถิติคุมทีมชาติเบลเยียมทั้งหมด 80 นัด พาทีมชนะได้ 56 นัด เสมอ 13 นัด และแพ้ 11 นัด
‘ลูกากู’ร่ำไห้ผิดหวังฟอร์มตัวเอง
โรเมลู ลูกากู ดาวยิงทีมชาติเบลเยียม ระบายความผิดหวังของตัวเองด้วยการต่อยเข้าที่ซุ่มม้านั่งสำรองเสียงดังสนั่น พร้อมช็อตปล่อยโฮอยู่ที่ข้างสนาม หลังเจ้าตัวพลาดโอกาสทองจ่อๆ 3 ครั้ง ทำเบลเยียมตกรอบแรกฟุตบอลโลกไปอย่างน่าเสียดาย
โดยหลังจบเกม ลูกากู ผิดหวังอย่างมากที่ตนเองเป็นต้นเหตุทำให้ทีมตกรอบ เขาร้องไห้อยู่ที่ข้างสนามมี เธียร์รี่ อองรี เข้ามาปลอบ และยังมีช็อตที่เจ้าตัวระบายอารมณ์ชักเข้าที่พลาสติกใสข้างซุ้มม้านั่งสำรองจนพังเสียงดังลั่น ซึ่งฟุตบอลโลกหนนี้ลูกากู ต้องเจอกับปัญหาบาดเจ็บรบกวนมาตั้งแต่ก่อนเดินทางมากาตาร์ เขาพยายามเต็มที่ แต่ทำได้ดีสุดเป็นแค่ตัวสำรองลงสนามในครึ่งหลังเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี