‘ฝรั่งเศส’มึน!
แข้งหลักเดี้ยงเช็คฟิตก่อนฉะม้ามืด
‘โมร็อกโก’ลุ้นฉีกตำราชิงบอลโลก
“ฝรั่งเศส” ปวดหัว! รอเช็คฟิตแข้งตัวจริงปะทะ “ม้ามืด” โมร็อกโก ที่ปรับ แนวรับวุ่น ล่าตั๋วเข้าสู่นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลกการแข่งขันฟุตบอลโลก ครั้งที่ 22 ที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 20 พฤศจิกายน-18 ธันวาคม 2565 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ คู่ที่ 2 ในคืนวันพุธที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 02.00 น.
“ไก่ทองคำ” ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์ 2สมัยและแชมป์เก่า จะดวลแข้งกับ “ราชสีห์แอตลาส” ทีมชาติโมร็อกโก ม้ามืดตัวจริงเสียงจริงประจำทัวร์นาเมนท์นี้ โดยจะแข่งขันกันที่อัล เบย์ต สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสด ทาง ช่องวัน (ONE 31) และ ทรูสปอร์ต2 เกมนี้นับเป็นการสร้างสถิติใหม่ของวงการฟุตบอลโลก เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่ทีมจากทวีปแอฟริกา เข้าถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย โดยสถิติที่ผ่านมานั้น เคยมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้นที่ทีมจากทวีปอื่น ๆ นอกเหนือจากทวีปยุโรป กับ ทวีปอเมริกาใต้ ที่เข้าถึงรอบนี้ นั่นก็คือ สหรัฐอเมริกา จากทวีปอเมริกาเหนือ ปี 1930 และ เกาหลีใต้ จากทวีปเอเชีย ปี 2002 โดยทั้ง สหรัฐ และเกาหลีใต้ ต่างพ่ายในรอบนี้ ทำให้ โมร็อกโก หากชนะ จะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการฟุตบอลทันที
ความพร้อมการลงสนามนัดนี้ ทีมชาติฝรั่งเศส กลายเป็นแชมป์เก่าทีมแรกในรอบ24ปี ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในการลงเล่นฟุตบอลโลกครั้งต่อมา โดยทีมสุดท้ายที่ทำได้คือ“แซมบ้า”บราซิล เจ้าของแชมป์ในปี1994 ทะลุเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศในปี1998 ก่อนจะแพ้เจ้าภาพในครั้งนั้นอย่างฝรั่งเศส 3-0 ผลงานของพวกเขารอบแบ่งกลุ่มเปิดตัวด้วยการถล่ม ออสเตรเลีย4-1 ตามด้วยการเอาชนะ เดนมาร์ก2-1 และปิดท้ายด้วยการส่งสำรองลงเล่นพ่ายให้กับตูนิเซีย 0-1 ส่วนรอบน็อคเอาท์ถล่ม โปแลนด์3-1 ในรอบที่สอง และเกมล่าสุด รอบ 8ทีมสุดท้าย เฉือน“สิงโตคำราม”อังกฤษ ในแมทช์คุณภาพสุด ๆ ลงได้2-1
ความพร้อมเกมนี้ทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองป์ กุนซือของฝรั่งเศส เกิดมีปัญหาขึ้นเมื่อ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ บาดเจ็บที่น่องจนซ้อมไม่ได้ก่อนหน้าจะลงสนามไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขณะที่ ดาโยต์ อูปาเมกาโน่ มีอาการป่วยและไอ ทำให้ต้องรอทดสอบความฟิตขั้นสุดท้ายว่า จะลงสนามได้หรือไม่ แต่เชื่อว่า เดส์ชองป์ น่าจะเข็นลง สภาพทีมโดยรวมถือว่าสมบูรณ์ไม่มีนักเตะบาดเจ็บเพิ่ม หรือติดโทษแบน เรียกได้ว่าไลน์อัพไม่น่าจะเปลี่ยนจากรอบที่ผ่าน ๆ มา จัดทัพในระบบ 4-2-3-1 นำโดยกัปตันทีม ฮูโก้ ญอริส ที่เพิ่งทำสองสถิติลงเล่นให้ทีมชาติมากที่สุดในประวัติศาสตร์ 143 เกมแซงหน้าสถิติเดิมของ ลิลิยอง ตูราม และยังทำสถิติเป็นนักเตะที่ลงสนามในฟุตบอลให้กับทีมชาติฝรั่งเศสมากที่สุดจำนวน 18 เกม นัดนี้เป็นเกมที่ 19 ของเขา ที่เหลือมี ออเรเลียง ชูอาเมนี่ คุมแดนกลางร่วมกับ อาเดรียง ราบิโอต์ แนวรุกวาง อุสมาน เดมเบเล่ ประสานงานกับ อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยัน เอ็มบาปเป้ โดยมี โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ยืนเป็นหน้าเป้า
ทางฝั่งโมร็อกโก ราชสีห์ที่กลายเป็นม้ามืดตัวจริงในทัวร์นาเมนต์นี้ สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นทีมชาติทวีปแอฟริกา ชาติแรกที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลกได้สำเร็จ จนกลายเป็นที่โจษจันไปทั่วทั้งโลก ด้วยผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม เสมอกับ โครเอเชีย 0-0, ชนะเบลเยี่ยม 2-0 และเฉือนแคนาดา 2-1 จากนั้นในรอบน็อกเอาท์ล้มทีมใหญ่อย่าง สเปน ด้วยการดวลจุดโทษ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และล่าสุดเขี่ย โปรตุเกส อีกหนึ่งทีมจากยุโรปใต้พ้นเส้นทาง 1-0 เท่ากับว่าลงเล่นมาพวกเขาเสียไปแค่ประตูเดียว และเป็นการทำเข้าประตูตัวเองด้วย
เกมนี้ทีมของ วาลิด เรกรากี มีปัญหาพอสมควรในแนวรับ หลังจากมีนักเตะบาดเจ็บกันบานตะไท โดย นาเยฟ อาเกิร์ด เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวแกร่ง ที่บาดเจ็บจนไม่ได้เล่นมาตั้งแต่เกมที่แล้ว ขณะที่ โรแม็งส์ ซาอิสส์ คู่หูของอาเกิร์ด ที่เจ็บจนถูกหามออกกลางครึ่งหลังของนัดที่แล้ว ต้องทดสอบความฟิต เช่นเดียวกับ นุสแซร์ มาซราอุย แบ๊กซ้ายที่เจ็บจนไม่ได้เล่นนัดก่อน และอับเดลฮามิด ซาบิรี่ ต้องรอทดสอบความฟิตทั้งหมด โดยลุ้นกันจนนาทีสุดท้ายว่าจะลงเล่นได้หรือไม่ หากลงไม่ได้เลยนั้น จาวัด เอล ยามิค, อาชราฟ ดารี่ และ ยาห์ย่า อัตเตีย อัลลอฮ์ จะลงเป็นกองหลังโดยมี อาชราฟ ฮาคิมี่ เป็นตัวชูโรงทางแบ๊กขวา
ตำแหน่งอื่นที่เหลือถือว่าไม่มีปัญหาเพิ่ม ยึดแผน 4-3-3 เหมือนเดิม ยาซีน โบโน คือผู้รักษาประตูคนแรกจากทวีปแอฟริกันที่สามารถเก็บคลีนชีตในฟุตบอลโลกได้ 3 เกมภายในการลงเล่นสมัยเดียวจากการลงเล่น 4นัด เพราะเกมที่ชนะเบลเยี่ยมเขาไม่ได้ลงเฝ้าเสา นอกนั้นนำโดย โซฟียาน อัมราบัต ที่ตอนนี้กำลังเนื้อหอมสุด ๆ นี่คือนักเตะที่มีสถิติรีโคเวอรี่บอลมากที่สุดในฟุตบอลโลกหนนี้ 41 ครั้ง ปักหลักตัดเกมแดนกลางขนาบข้างไปด้วย เอซเซดีน อูนาฮี ที่เล่นได้สุดแกร่งแบบไม่น่าเชื่อ และเซลิม อมัลลาห์ โดย 3 แนวรุกยังใช้บริการของจอมเทคนิคทั้ง ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนสซรี่ และโซฟียาน บูฟาล
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม เคยดวลมา 11 ครั้ง ซึ่ง โมร็อกโก เป็นฝ่ายชนะได้ในการพบกันครั้งแรก 2-1 เมื่อปี 1963 แต่หลังจากนั้น ฝรั่งเศส เหนือกว่าและไม่เคยแพ้อีกเลย ด้วยการชนะได้ 7 เสมอ 3 โดยการเจอกันครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปถึงปี2007และที่สำคัญก็คือ คู่นี้ไม่เคยเจอกันในฟุตบอลโลก
11ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม ฝรั่งเศส (4-2-3-1): ฮูโก้ ญอริส, ฌูลส์ คุนเด้, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กนองเดซ, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบาปเป้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โมร็อกโก (4-3-3): ยาซีน โบโน่, อาชราฟ ฮาคิมี่, จาวัด เอล ยามิค, อาชราฟ ดารี่, ยาห์ย่า อัตเตีย อัลลอฮ์, เอซซาดีน อูนาฮี, โซฟียาน อัมราบัต, เซลิม อมัลลาห์, ฮาคิม ซีเย็ค, ยุสเซฟ เอ็น-เนสซีรี่และโซฟียาน บูฟาล ทีมผู้ตัดสินในเกมนี้มาจากเม็กซิโก โดย เซซาร์ อาร์ตูโร่ รามอส เป็นกรรมการ พร้อมด้วยผู้ช่วยคือ อัลแบร์โต้ โมริน กับ มิเกล เฮอร์นานเดซ ขณะที่ เฆซุส วาเลนซูเอล่า จากเวเนซูเอล่า เป็นผู้ตัดสินที่4และดริว ฟิชเชอร์ จากแคนาดา เป็นผู้ดูแลวีเออาร์
ขณะเดียวกันสื่อของโมร็อกโก รายงาว่า อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของสหพันธ์ฟุตบอลจากคาซาบลังก้า ปลุกพลังให้นักเตะก็คือ มีการเลือกตั๋วที่นั่นที่ดีให้กับครอบครัวนักเตะ โดยเฉพาะที่นั่งของแม่นักเตะหลายคน อยู่ห่างจากนักบอลไม่ถึง 100 เมตร จนทำให้เกิดแรงบันดาลใจและพลังใจให้กับนักเตะอย่างมาก
มันอเมซิ่ง พวกเขาเชิญแม่ของเหล่านักเตะและให้อยู่ห่างจากตัวนักเตะแค่ 100เมตร” เขากล่าวกับ talkSPORT”นี่คือไอเดียที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด เราได้เห็นภาพที่ โซฟียาน บูฟาล เต้นกับคุณแม่ รวมถึง อาชราฟ ฮาคิมี่ กับครอบครัว มันสวยงามมาก ๆ นั่นคือสิ่งที่สหพันธ์ฟุตบอลของเราวางแผนมาอย่างดี มันน่าทึงจริง ๆ ที่พวกเขาจัดการเรื่องเหล่านี้ให้กับนักเตะที่ทำเพื่อครอบครัวและประเทศชาติ”
ด้านบริษัทพูล อังกฤษ เชื่อมั่นว่า ฝรั่งเศส จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ เพื่อป้องกันแชมป์ และล่าแชมป์โลกสมัยที่3โดยเปิดอัตราชนะอยู่ที่8-15 ผิดกับ โมร็อกโก ที่อัตรา7-1และอัตราเสมอใน 90นาทีอยู่ที่11-4 พร้อมกับคาดหมายว่า คีลิยัน เอ็มบาปเป้ เป็นเต็ง 1 ที่จะทะลวงสกอร์แรก อัตรา 7-2ตามมาด้วย โอลิวิเยร์ ชิรูด์ 26-5 และมาร์คุส ตูราม13-2 รวมถึงไม่มีการยิงประตูอยู่ในอัตราเต็ง4 ที่8-1 ส่วนสกอร์ที่คาดว่า มีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดก็คือ2-0 ตามด้วยผลเสมอ 1-1และฝรั่งเศส ชนะ2-1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี