แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้แชมป์แรกในรอบ 6 ปี ยุติการรอคอยนี้ด้วยชัยชนะเหนือ "สาลิกาดง" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-0 ในนัดชิงคาราบาว คัพ 2023
ผีแดงเป็นแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 6 ต่อจาก 1991–92, 2005–06, 2008–09, 2009–10, 2016–17 และซีซั่นนี้
1-0 กาเซมิโร่ และ 2-0 มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่สำคัญกว่าก็คือ การมี ดาบิด เด เคอา เฝ้าเสาประตู
อีกหนึ่งการซื้อแห่งฤดูกาล ตอกย้ำให้เห็นในนัดชิงชนะเลิศ นั่นคือ กาเซมิโร่ ที่พล่านไปทั่วสนาม และทำประตูสำคัญให้ทีมขึ้นนำในเกมที่กำลังก้ำกึ่ง
ลูกโถมไปโขกถูกตีเส้นว่า Onside ทำให้ แมนฯยู ดูจะคลายความเครียดจากเกมไปได้ ก่อนที่ประตูต่อมาจะได้ด้วยการเล่นแบบนี้ทั้งซีซั่นนั่นคือ สวนกลับแล้ว มาร์คัส แรชฟอร์ด วิ่งขึ้นมาสังหาร
บอลจะเป็นแชมป์ทุกอย่างเป็นใจ และบอลแฉลบเข้าไปตุงตาข่าย
ก่อนที่ แมนฯยู จะได้ประตูนำ น่าจะเป็น นิวคาสเซิ่ล ที่ควรจะขึ้นนำ หากไม่มี ดาบิด เด เคอา จะเซฟสำคัญด้วยลูกล็อกอย่างเหนือชั้น และยิงของ อแล็ง แซงต์ แม็กซิแมง
ทั้งสองประตูที่เสียไป ลอริส คาริอุส ที่ถูกจับตามองในการลงเล่นแทนที่ นิค โป๊ป ซึ่งยังไงก็ไม่มีสิทธิ์เซฟ
คาริอุส ผู้เจ็บปวดจากบอลแชมเปี้ยนส์ลีก 2018 และไม่ได้เล่นฟุตบอลในเกมระดับสูงมานานถึง 728 วัน แม้จะผิดหวังซ้ำ แต่ไม่ได้ย่ำแย่หรือเจ็บปวดเหมือนเมื่อ5 ปีที่แล้ว
อีกหนึ่งเรื่องที่ไลฟ์ให้ฟังไปเมื่อก่อนเกมก็คือ การกลับมาคืนฟอร์มของ ลุค ชอว์ เล่นกับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ด้วยการให้ลงลึกและเล่นกว้างเป็นมิติเล็กๆที่สมบูรณ์แบบในทีมของ เทน ฮาก
ทั้งในเชิงแท็คติกและจากมุมมองของผู้เล่นและทีม
ผลลัพธ์คือ เดเคอา สามารถหาบอลออกในแนวทแยงเพื่อเลี่ยงการเสียง่าย ๆ ได้มากขึ้น
จุดสำคัญอีกจุดจากทีมรับ คือ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เล่นเกมการป้องกันในเชิงรุกและมีประสิทธิภาพมาก
การเดินทางของสองทีมนี้เหมือนกัน นั่นคือต้องการแชมป์เพื่อการกลับมา แต่สุดท้ายกีฬานัดชิงชนะเลิศ มันจะต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ ซึ่ง แมนฯยู เข้าเส้นชัย แต่ นิวคาสเซิ่ล ที่เดินทางมาถึงคัพไฟนอลส์ ครั้งแรกในรอบ 24 ปี ถือว่าเดินทางมาถามหาความสำเร็จได้เร็วมากในยุคของซาอุดี้
สุดท้าย แมนฯยูไนเต็ด ยังเป็น "ตัวแสบ" ของสาวกทูน อาร์มี่ ต่อไป.....
3 ครั้งหลังที่พวกเขาจะเป็นแชมป์ในประเทศทั้ง 3 รายการ ก็ถูกหยุดไว้ด้วยน้ำมือของ แมนฯยู
ปี 1996 เคยนำ 12 แต้ม ก็ถูกปาดหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
ปี 1999 ก็แพ้ให้กับผีแดงในนัดชิงเอฟเอ คัพ 0-2
ปีนี้ก็พลาดให้ในนัดชิงลีกคัพ
แมนฯยูไนเต็ด หยุดเลือดไหลได้แล้ว และมีโทรฟี่ประดับสโมสรหนแรกในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ชัยชนะเหนือ อาแจ๊กซ์ ในนัดชิงยูโรป้า ปี 2017
เอริค เทน ฮาก คุมทัพได้ไม่ถึงปี พาทีมครองแชมป์ได้สำเร็จ และอยู่บนเส้นทางแห่ง 4 แชมป์แบบเต็มตัว
ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล ต้องรอคอยความสำเร็จต่อไปเป็นปีที่ 55 แต่ทิศทางลมมันมีอนาคต
แสงตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า มีเวลาให้คนเราอีกมากมาย........
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี