เสียงปรบมือ 1 นาทีเพื่อไว้อาลัยเกิดขึ้นที่สนามฟุตบอลฝรั่งเศสทุกแห่ง ในช่วงก่อนเริ่มเกมเฟรนช์ คัพ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา.......

เป็นการสดุดีและระลึกถึง “ผู้ทำประตูมากที่สุดแห่งนิจนิรันดร์” และ “ตำนานของฟุตบอลโลก”

โลกฟุตบอล และบันทึกแห่งกีฬาโลก ถึงเวลาต้องขีดเขียนเรื่องราวที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เมื่อยอดดาวยิงแห่งตำนานของฟุตบอลโลก ต้องจากลาลับไปอีกราย

นั่นคือ ฌุสต์ ฟงแตง เจ้าของสถิติยิงประตูในบอลโลกครั้งเดียวได้มากที่สุด ถึง 13 ประตู เมื่อปี 1958

.....“หนึ่งในนักฟุตบอลที่ผมจะต้องเลือกเข้าสู่ทีมตลอดกาลของผม จะต้องมี ฌุสต์ ฟงแตง อยู่ในนั้นด้วย” เอ๊ดสัน อรานเตสเดอ นาสซิเมนโต้ หรือ เปเล่ เคยกล่าวยกย่องความยอดเยี่ยมของ ฟงแตง ดาวยิงฝรั่งเศส ในยุคที่ทั้งสองคน “เล่นทันกัน”ในฟุตบอลโลก 1958

เปเล่ และ ฟงแตง ต่างจารึกชื่อในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล “พร้อมๆ กัน” ในฟุตบอลโลก ครั้งที่ 6 ที่ประเทศสวีเดน

แง่มุมสำคัญของบันทึกแห่งตำนาน “เปเล่” กับ “ฟงแตง”ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อ เปเล่ เป็นแชมป์โลก ขณะที่ ฟงแตง คือดาราซัลโว และพาทีมได้อันดับ 3

ฟุตบอลโลกหนนั้นมีสถิติต่างๆ น่าจดจำและน่าสนใจมากมาย โดยเป็นครั้งแรกที่ “ฟุตบอลโลกไร้พ่อ” เมื่อ จูลส์ ริเมต์บิดาแห่งศึกฟุตบอลโลก ได้เสียชีวิตไป วันที่ 16 ตุลาคม ปี 1956ที่กรุงปารีส ขณะมีอายุ 83 ปี

เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ 4 ชาติจากสหราชอาณาจักร เข้าร่วมการแข่งขันพร้อมกัน นั่นคือ อังกฤษ, สกอตแลนด์, เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ

“แซมบ้า” บราซิล เป็นชาติแรกที่ได้แชมป์นอกทวีป พร้อมกับครองแชมป์โลกเป็นสมัยแรก ในเกมนัดชิงที่เป็นครั้งแรกที่ทีมจากยุโรป ชิงกับ ทีมชาติอเมริกาใต้

สถิติตลอดกาลบันทึกว่า ฟงแตง กลายเป็นนักเตะที่่ “ยิงได้มากที่สุด” ในการแข่งขัน “บอลโลกครั้งเดียว” นั่นคือ 13 ประตู จากการลงเล่นไปเพียง 6 นัดเท่านั้น

ที่จริงแล้วเขาจะไม่ได้ลงสนาม เนื่องจากตัวเลือก 2 คนแรกก็คือ ธาดี้ ซิซอฟสกี้ กับ เรเน่ บลิอาร์ ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ อัลแบร์ตบัตโตซ์ กุนซือเลือก ฟงแตง ลงสนาม

เปเล่ ได้เลือก ฟงแตง ให้อยู่ใน “The 125 Greatest Living Footballers” เพราะปฏิเสธไม่ลงเถียงคงไม่ได้ว่า ฟงแตง คือ ไอคอนของฟุตบอลฝรั่งเศส

ในบอลโลกครั้งดังกล่าว ฟงแตง ประเดิมด้วยการรัวแฮททริกใส่ ปารากวัย ในชัยชนะ 7-3 ต่อด้วยทำสองประตูในเกมกับ ยูโกสลาเวีย, 1 ประตูกับ สกอตแลนด์, 2 ประตูกับไอร์แลนด์เหนือ, 1 ประตูกับ บราซิล และรัว เยอรมันตะวันตก 4 เม็ด ในนัดชิงที่ 3

เขาเกิดเมื่อ 18 สิงหาคม 1933 พ่อเป็นฝรั่งเศส แม่เป็นสเปน แต่เกิดที่มาร์ราเกช ในโมร็อกโก เริ่มเตะบอลกับ ยูเอสเอ็มคาซาบลังก้า ก่อนจะมาอยู่กับ นีซ และสต๊าด เดอ แรงส์

โชคไม่ดีที่ต้องแขวนสตั๊ด ด้วยวัยเพียง 28 ปี 11 เดือน เนื่องจากบาดเจ็บขาหักสองท่อน ปิดตำนานในการเล่นฟุตบอล 284 นัด ยิงได้ 258 ประตู และลงเล่นให้ทีมชาติ 21 นัด ยิงได้ถึง 30 ประตู

เขาคือตำนานของแรงส์ ด้วยการยิง 145 ประตู จากการลงสนาม 152 นัด คว้าแชมป์ลีกเอิง 3 สมัย และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ 1959 ซึ่งพวกเขาแพ้ให้กับทีมเรอัล มาดริด ที่มียอดแข้งอย่าง อัลเฟรโด ดิ สเตฟาโน และเฟเรนซ์ ปุสกัส

หลังจากแขวนสตั๊ด ก็เริ่มรับงานเป็นผู้จัดการทีม และ “เล่นของใหญ่” ทันที เมื่อคุมทีมชาติฝรั่งเศส ต่อด้วยสโมสรลูชอน, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, ตูลูส และทีมสุดท้ายคือ โมร็อกโก ก่อนจะวางมือจากฟุตบอลเมื่อปี 1981

ทุกคนจดจำตัวเขาที่เป็นหัวใจสำคัญในการก่อตั้ง สหภาพนักเตะฝรั่งเศส และกลายเป็นประธานคนแรก

“ดาวเด่นของวงการฟุตบอลฝรั่งเศส, กองหน้าที่โดดเด่น,ผู้เล่นในตำนานของแรงส์” สโมสร สต๊าด เดอ แร็งส์ เขียนข้อความสดุดี

ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ระบุว่า “ความคิดสำหรับ ฟงแตงเขาคือไอคอนของฟุตบอลฝรั่งเศสที่จากเราไป”

สหพันธ์ฟุตบอลฝรั่งเศส (FFF) โดย ฟิลิปเป้ ดิยัลโล่ ประธานรักษาการ ระบุว่า ตำนานของฟุตบอลโลก ทำให้วงการฟุตบอลฝรั่งเศสจมดิ่งลงสู่ห้วงอารมณ์ความรู้สึกและความเศร้าอย่างสุดซึ้ง เพราะเขาคือผู้เขียนหน้าประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งที่แสนงดงามให้กับทีมชาติของเรา

ดีดิเยร์ เดส์ชองป์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสกล่าวว่าการเสียชีวิตของฟงแตง ทำให้ทุกคนที่รักฟุตบอลเสียใจ และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อีก ฟงแตง จะยังคงเป็นตำนานของทีมฝรั่งเศสตลอดกาล

ฟงแตง ได้เขียนหน้าประวัติศาสตร์ที่สวยที่สุดหน้าหนึ่งของฟุตบอลโลก และทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งยากที่จะหาคนเทียบเคียงกับสถิติตลอดกาลของเขา

น่าเศร้าใจ เปเล่ เพิ่งจากไปไม่นาน

มาวันนี้โลกมนุษย์ต้องเสีย อีกหนึ่งตำนานไปอีกราย.....