มาร์ติน คีโอว์น ปราการหลัง “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ยุคไร้พ่าย เชื่อมั่นว่า อดีตทีมเก่าของเขาจะไม่เสียสมดุล แถมดีด้วยซ้ำที่ตกรอบยูโรป้า ลีก ด้วยการเสียประตูด้วยลูกยิงไกลที่สุดหลอน รวมไปถึงการแพ้ด้วยการดวลเป้าให้กับ สปอร์ติ้งลิสบอน จากโปรตุเกส 3-5 หลังจากเสมอกัน 3-3 ตกรอบ 16 ทีม
อดีตกองหลังวัย 56 ปี ที่อยู่กับ อาร์เซนอล 2 ช่วง ระบุว่า ทีมเหมือนกับว่าได้รับพร เพราะไม่ต้องหมุนเวียนทีมอีกต่อไปในการไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เฝ้ารอมา19 ปี เนื่องจากบอลลีกมีความสำคัญอย่างมาก
ผลจบด้วยสกอร์ 1-1 รวม 2 นัด 3-3 เมื่อไม่มีอะเวย์โกล์ ก็ต้องเตะต่อเวลา ทีมเยือนเหลือ 10 คน เมื่อกองกลางเนื้อหอมชาวอุรุกวัย มานูเอล อูการ์เต้ โดนไล่ออก แต่ สปอร์ติ้ง ยิงเป้าชนะ 5-3 แถมต้องเช็คอาการของ วิลเลี่ยม ซาลิบา กับ โตมิยาสึ ที่บาดเจ็บออกไป
ขณะที่ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซนอล อธิบายความพ่ายแพ้ว่าเป็น “การระเบิดครั้งใหญ่” จากความพยายามของพวกเขาในสองนัดที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด
“เราไม่ชนะการดวลกันมากพอ ในบางพื้นที่ที่เราควรจะชนะ เรากดดันบอลได้ไม่ดีพอ เราเสียบอลอย่างสม่ำเสมอและมันสร้างเกมเปิดจริงๆ ที่เราไปต่อไม่ได้” อาร์เตต้า กล่าว “เราต้องมองดูตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่ดีพอที่จะผ่านไปได้ เกมต่อไปของเรากับคริสตัล พาเลซคือนัดชิงชนะเลิศของเราอีกครั้ง เราเหลืออีก 11 เกมในตอนนี้ และเรามีนัดชิงชนะเลิศกับคริสตัล พาเลซ เราต้องฟื้นตัวและโฟกัสทั้งหมดที่นั่นและคว้าชัยชนะให้ได้เป็นเรื่องเดียวที่เราจะต้องทำในวันอาทิตย์นี้”
ไฮไลท์ของเกมก็คือลูกยิงตีเสมออันน่าทึ่งของ “โปเต้” เปาโล กอนคัลเวส ในนาทีที่ 62 โดยเข้ายิงจากระยะไกลถึง 46.05 หลา ซึ่ง อาร์เซนอล ก็เคยเสียประตูแบบนี้ให้กับ นาอิมนักเตะสเปนที่เคยมาค้าแข้งกับ สเปอร์ส ในเกมนัดชิงกับเรอัล ซาราโกซ่า ทำให้ กันเนอร์ส พ่ายแพ้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ในนัดชิงชนะเลิศคัพวินเนอร์สคัพ ปี 1995 ประตูนี้ไกลสุดเป็นอันดับที่ 8 ในศึกยูโรปา ลีก โดยคนที่ยิงเอาไว้ไกลสุดคือ ยอร์ดี โกเมซ ของทีมโอโมเนีย นิโคเซีย ในนัดกับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ในเดือนตุลาคม 2020 อยู่ที่ระยะ 61.19 หลา
ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังอยู่ในเส้นทางลุ้น 4 แชมป์ต่อไป หลังจากบุกไปชนะ เรอัล เบติส ลงได้ที่สเปน 1-0 ทำให้สกอร์รวมพวกเขาชนะขาดลอย 5-1