การแข่งขันฟุตบอลประจำสัปดาห์นี้ของวงการลูกหนังอังกฤษ จะมีทั้งศึกพรีเมียร์ลีก และเอฟเอ คัพก่อนจะปิดไปเตะฟีฟ่าเดย์กัน 2 สัปดาห์ ซึ่งในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 6 หรือ 8 ทีมสุดท้าย มีการเตะวันเสาร์ 1 คู่ เวลา 00.45 น. “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดถิ่นเอติฮัต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “เดอะ คลาเร็ตต์” เบิร์นลีย์จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ
เจ้าถิ่นนั้น เป๊บ กวาร์ดิโอล่า เพิ่งผ่านเข้ารอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการระเบิดฟอร์ดโหดไล่ถล่ม แอร์เบ ไลป์ซิก 7-0 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เกมนี้ตามรายงานไม่มีปัญหาในการจัดทัพเรียกได้ว่าแกนหลักอยู่กันครบ มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะปรับทีมตามความเหมาะสม สำรองอย่าง สเตฟาน ออร์เตก้า, ริโก้ ลูอิส, เซร์คิโอ้โกเมซ, คัลวิน ฟิลิปป์ส และฆูเลี่ยน อัลบาเรซ ที่เพิ่งต่อสัญญาใหม่น่าจะได้โอกาสลงเล่น
ทีมเยือน เบิร์นลีย์ ผงาดนำจ่าฝูงในศึกเดอะ แชมเปี้ยนชิพ อังกฤษ ทิ้งอันดับ 2 ถึง 13 คะแนน มีแนวโน้มได้เลื่อนชั้นค่อนข้างสูง ชุดนี้คุมทีมโดย แวงซ็องต์ กอมปานี ปราการหลังระดับตำนานของ แมนฯซิตี้ ที่จะพาทีมบุกเยือนถิ่นเก่า แต่จะไม่มี เทย์เลอร์ ฮาร์วู้ด-เบลลิส, จอช บราวน์ฮิลล์ และดาร์โก้ ชูร์ลินอฟ ที่บาดเจ็บ นอกนั้นอยู่กันครบ นำทัพโดย จอช คัลเลน, แจ็ค คอร์ค, เนธาน เทลล่า,โยฮันน์ เบิร์ก กุดมุนด์สสัน, อนาสส์ ซารูรีย์ และแอชลีย์ บาร์นส์
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุดแมนฯซิตี้ เก็บเรียบเป็นฝ่ายเอาชนะได้หมด และไม่เสียประตูด้วย
ขณะที่เกมพรีเมียร์ลีกที่น่าสนใจ นั่นคือเกมแดนใต้ เวลา 22.00 น.“นักบุญ” เซาธ์แฮมป์ตัน ที่กำลังหนีตายเพราะอยู่อันดับบ๊วยของตาราง จะดวลกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ที่ลุ้นไปลุยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
เจ้าถิ่นเพิ่งจะเปิดบ้านพ่าย “ผึ้งน้อย”เบรนท์ฟอร์ด 0-2 เกมนี้ทีมของ รูเบน เซเยส ยังไม่มี ฮวน ลาริออส และวาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้สองฟูลแบ๊กดาวรุ่งที่บาดเจ็บ ส่วน เอนสลีย์เมตแลนด์-ไนลส์ และไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส ต้องรอทดสอบความฟิต นอกนั้นอยู่กันครบ นำโดย เจมส์ วอร์ด-พราว์ส, โรมิโอ ลาเวีย, ธีโอ วัลค็อตต์, คาร์ลอส อัลคาราซ, คามัลดีน ซูเลมาน่าและเช อดัมส์
ฝั่งผู้มาเยือน “ไก่เดือยทอง” ตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำได้เพียงเปิดบ้านเสมอกับ “ปีศาจแดงดำ” เอซี มิลาน 0-0 ส่วนในลีกรั้งอันดับ 4 ของตาราง เกมนี้ยังหมดสิทธิ์ใช้งาน ฮูโก้ ญอริส, อีฟส์ บิสซูม่า, โรดริโก้ เบนตานคูร์ และไรอัน เซสเซญง ที่บาดเจ็บ ส่วน เอแมร์ซอน รอยัล รอเช็คความฟิต ถ้าไม่ไหว เปโดรปอร์โร่ จะเสียบแทน ยึดระบบการเล่น 3-4-2-1 โอลิเวอร์ สคิปป์ คุมแดนกลางร่วมกับ ปีแอร์-เอมิล ฮอยเบียร์ค แนวรุกใช้ ริชาร์ลิซอน ประสานงานกับ ซน ฮึง-มิน และแฮร์รี่ เคน
สถิติการพบกันของ 5 เกมหลังสุด สเปอร์สเหนือกว่าชนะได้ 3 เสมอ 1 และเซาธ์แฮมป์ตัน ชนะ 1
อีกคู่ที่น่าสนใจ เวลา 00.30 น.“สิงห์บลูส์” เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ แกรห์ม พ็อตเตอร์ ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆชนะมา 3 เกมติดในทุกรายการ ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกแต่ในลีกยังรั้งอันดับ 10 ของตาราง เจอกับ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ที่กำลังหนีตายถวายชีวิตกันต่อเนื่องอีกปี
เจ้าบ้านยังไม่มี อาร์มานโด้ โบรย่าและติอาโก้ ซิลวา ที่บาดเจ็บ ส่วน รีซ เจมส์ กลับมาซ้อมแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร มาในระบบ 3-4-3 เอ็นโซ่เฟร์นานเดซ คุมแดนกลางร่วมกับมัตเตโอ โควาซิซ สามประสานในเกมรุกนำโดย ชูเอา เฟลิกซ์, ไค ฮาแวร์ตซ์ และมิคายโล มูดริค ฝั่งทีมเยือน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเปิดบ้านเฉือน “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด 1-0 ทีมของ ฌอน ไดซ์ ยังไม่มี แอนดรอส ทาวน์เซ่นด์ ที่บาดเจ็บ ส่วน โดมินิค คัลเวิร์ต-ลูวิ่น รอเช็คความฟิต มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะดันเอา เดมาไรย์ เกรย์ ไปยืนหน้าเป้าเล่นแบบฟอลส์ไนน์ ที่เหลือนำโดย อเล็กซ์ อีโวบี้, อับดูลาย ดูคูเร่, อิดริสซ่า กาน่า เกย์, อมาดู โอนาน่า และดไวท์ แม็คนีล
สถิติการพบกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ถือว่าสูสีกันมากผลัดกันแพ้ชนะไปฝั่งล่ะ 2 ครั้ง และเสมอ 2