“ถึงคนที่รักฉัน และฉันรู้ว่ามีมากมาย และคนที่เกลียดฉัน...ฉันรักคุณทุกคน”
“ผมสัญญาว่าจะรับใช้ฟีฟ่าและฟุตบอลทั่วโลกต่อไป.........” นี่คือคำกล่าวแบบยิ่งกว่ายักไหล่แยแสของแม่ทัพใหญ่แห่งวงการฟุตบอลนานาชาติในปัจจุบัน
จานนี่ อินฟานติโน่ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กล่าวว่า มีความจำเป็นสำหรับฟุตบอลที่ “มากขึ้น” หลังจากได้รับเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ดำรงตำแหน่งเดิมไปจนถึงปี 2027
ทิศทางของฟุตบอลจะเป็นอย่างไรต่อไป.......
หน่วยงานกำกับดูแลของฟุตบอลโลก ได้ประกาศในสัปดาห์นี้ว่า จะมีการขยายการดวลแข้งฟุตบอลโลกปี 2026 และเปิดตัวการแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลก หรือ Club World Cup แบบใหม่ 32 ทีม
แต่การขยายปฏิทินฟุตบอลถูกวิจารณ์โดยสหภาพผู้เล่น และลีกชั้นนำของโลกอย่าง ลา ลีกา ซึ่งประเด็นหลักก็คือ ฟุตบอลมัน “เยอะเกินไป”
“เมื่อผมได้ยินว่ามีฟุตบอลมากเกินไป ใช่!!! อาจจะเป็นบางแห่ง แต่ไม่ใช่ทุกที่” อินฟานติโน่ กล่าวสวนกลับ “ในความเป็นจริงแล้ว ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกมีฟุตบอลไม่เพียงพอด้วยซ้ำไป หากคุณรู้จักโลกนี้กว้างพอ มันยังไม่มีความสมดุลเลยแม้แต่น้อย”
“เราต้องการการแข่งขันมากขึ้นและไม่น้อยลง เราต้องการให้ฟุตบอลพัฒนาไปทั่วโลก เรากำลังหารือกันเรื่องการจัดสโมสรฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก และฟีฟ่า เวิลด์ ซีรี่ส์ในเดือนมีนาคมทุกๆ 2 ปี เมื่อทีมว่างจากการแข่งขันรอบคัดเลือกมาดวลแข้งกัน”
ประเด็นสำคัญที่โลกจับตามองอย่างมากก็คือ การแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2026 ซึ่งจะจัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก และแคนาดา จะมีจำนวนทีมเพิ่มขึ้นจาก 32 ทีมเป็น 48 ทีมใหญ่คับจักรวาล
ทัวร์นาเมนท์นี้จะมีการแข่งขันทั้งหมด 104 แมทช์แทนที่จะเป็น 80 แมทช์ตามที่คาดกันไว้ หลังจากที่ ฟีฟ่า เปลี่ยนรูปแบบที่เสนอจาก 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีม ไปเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม
นอกจากนี้ ยังมีการแข่งขันรอบน็อกเอาท์เป็น 32 ทีมและประเทศต่างๆ จะต้องเล่น 8 นัด จึงจะชนะทัวร์นาเมนท์มากกว่าครั้งล่าสุด 1 เกม
เช่นเดียวกับชิงแชมป์สโมสรโลก 32 ทีม จะจัดขึ้นทุกๆ 44 ปี ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025
สหภาพผู้เล่นนานาชาติ หรือ ฟิฟโฟร(The International Federation of Professional Footballers) และสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ (The Professional Footballers’ Association)ได้แจ้งข้อกังวลเกี่ยวกับข้อเรียกร้องของผู้เล่น ขณะที่ ลาลีกา กล่าวว่า แผนการของฟีฟ่าแสดงให้เห็นว่า “ไม่สนใจโดยสิ้นเชิง” สำหรับชุมชนฟุตบอล
เรื่องที่คงไม่จบกันง่ายๆ นั่นก็คือ อินฟานติโน่ กับ ลา ลีกา เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาพอตัว
อินฟานติโน่ ซึ่งได้รับเลือกอีกครั้งในการประชุมฟีฟ่าครั้งที่ 73 ที่เมืองคิกาลี ประเทศรวันดา เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำเงินเดือนสูงสุดมาสู่วงการฟุตบอล
“เราต้องปรับปรุงกฎระเบียบของเรา และกฎเกณฑ์ของฟีฟ่า” เขากล่าว “เราจะยังคงพัฒนาหลักธรรมาภิบาลของเราต่อไป และดูที่ระบบการซื้อขายนักเตะ อาจจะมีการพูดคุยเพื่อปรับปรุงความโปร่งใสของค่าธรรมเนียมการโอนและเงินเดือน อาจจำเป็นต้องเปิดหมวกและน้อมรับคำแนะนำ เราต้องคิดว่าเราจะทำได้อย่างไร เราจะพิจารณาร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดและดูว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง”
อินฟานติโน่ ยืนยันความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพัฒนาฟุตบอลทั้งชายและหญิง โดยเกมฟุตบอลโลกหญิงปี 2023 จะอยู่ที่ 150 ล้านดอลลาร์ หรือ 124.3 ล้านปอนด์ เทียบกับ 15 ล้านดอลลาร์ หรือ 12.4 ล้านปอนด์ ในปี 2015
ฟุตบอลโลกชายปีที่แล้วในกาตาร์มีเงินรางวัลรวม 440 ล้านดอลลาร์ หรือ 364.7 ล้านปอนด์
“ภารกิจของเราจะทำให้มีความเท่าเทียมกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการจ่ายเงินสำหรับฟุตบอลโลกชายปี 2026 และฟุตบอลโลกหญิงปี 2027” อินฟานติโน่กล่าว
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ฟีฟ่าชุดนี้ ยืนยันว่าถึงเวลา “เดินตามทาง”ด้านสิทธิมนุษยชน
ในการประชุม มีการปราศรัยทางวีดีโอโดย มิชาเอล ลามาสประธานคณะอนุกรรมการด้านสิทธิมนุษยชนและความรับผิดชอบต่อสังคมของฟีฟ่า เขากล่าวว่าฟีฟ่ามุ่งมั่นที่จะประเมินมรดกด้านสิทธิมนุษยชนของฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์
องค์กรสิทธิมนุษยชนอ้างว่า แรงงานข้ามชาติหลายพันคนเสียชีวิตในกาตาร์ตั้งแต่ประเทศนี้ได้รับรางวัลฟุตบอลโลก แต่ทางการกาตาร์ปฏิเสธมาโดยตลอด และย้ำว่าประเทศกำลังปฏิรูปแรงงาน
ลิซ่า คลาเวเนสส์ หัวหน้าสมาคมฟุตบอลนอร์เวย์ ซึ่งเป็นผู้นำการเรียกร้องให้ฟีฟ่าแก้ไขปัญหา ยินดีรับคำมั่นเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับคำแถลงของมิสเตอร์ลามาสในวันนี้ก็คือ เขาไม่ได้ยกเรื่องสิทธิมนุษยชนขึ้นมาต่อต้านฟุตบอล เขาไม่ได้พูดว่า “เราไม่ใช่สภากาชาด” คลาเวเนส กล่าวกับ BBC Sport
“เขากำหนดให้สิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานที่ควรฝังอยู่ในทุกสิ่งที่เราทำ แน่นอนว่าคุณต้องเดินไปตามทาง แต่มันสำคัญมากที่เขาจะพูดคุยในวันนี้”
องค์กรสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล ยินดีกับคำมั่นสัญญาของฟีฟ่า แต่กล่าวว่า ความตายของคนงานในบอลโลกที่กาตาร์นั้น “รอคอยความยุติธรรมมานานเกินไปแล้ว”
“การตรวจสอบใดๆ จะต้องมุ่งเน้นไปที่วิธีการที่ฟีฟ่าจะทำให้แน่ใจว่าคนงานและครอบครัวของพวกเขาได้รับการชดเชยสำหรับการละเมิดที่พวกเขาได้รับ รวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดหางานที่ผิดกฎหมาย, ค่าจ้างที่ถูกขโมยและชีวิตที่สูญเสียหรือมากกว่านั้น” สตีฟ ค็อกเบิร์น หัวหน้าฝ่ายความยุติธรรมทางเศรษฐกิจและสังคม แอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว
ถือเป็นโปรเจกท์ที่น่าสนใจอีกเรื่อง เพราะโลกให้ความสนใจและใส่ใจกับสิทธิมนุษยชนอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน อินฟานติโน่ วัย 52 ปี รับตำแหน่งต่อจากเซปป์ แบลตเตอร์ ในตำแหน่งประธานฟีฟ่า เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2016 นับเป็นคนที่ 9 ในประวัติศาสตร์ ทำงานมาแล้วกว่า 7 ปี
ที่ผ่านมา อินฟานติโน่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง เมื่อมีความคิดว่า การจัดฟุตบอลโลกควรจะเป็นทุกๆ 2 ปี ทำให้ถูกถล่มเละจากสหพันธ์, ลีก และผู้เล่น
นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งในฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์ เมื่อการสร้างทัวร์นาเมนท์ถูกครอบงำโดยการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติของประเทศ รวมถึงจุดยืนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกันและประวัติด้านสิทธิมนุษยชน
ประเทศในยุโรปจำนวนหนึ่งวางแผนที่จะสวมปลอกแขน OneLove ในระหว่างการแข่งขันเพื่อส่งเสริมความหลากหลายและการรวมเข้าด้วยกัน แต่ไม่ได้ทำเช่นนั้นเนื่องจากการลงโทษจากฟีฟ่า
“มันเป็นเกียรติและสิทธิพิเศษที่น่าทึ่ง และเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่” อินฟานติโน่ กล่าวหลังการเลือกตั้งใหม่ “ผมสัญญาว่าจะรับใช้ฟีฟ่าและฟุตบอลทั่วโลกต่อไป ถึงคนที่รักผม ซึ่งผมรู้ว่ามีมากมาย และคนที่เกลียดผมก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่ผมรักคุณทุกคน”
วาทะแกไม่ธรรมดา ฝีมือก็ไม่บรรเบาเช่นกัน
ทีนี้มาดูว่า แกจะไปได้อีกขั้นไหนกับประธานฟีฟ่าที่ว่ากันว่า “สุดโต่ง” ที่สุดอีกคนหนึ่งตั้งแต่มีมา
บี แหลมสิงห์