ความรักไม่มีวันเกษียณ  ของผู้ปฏิวัติ’พรีเมียร์ลีก’

ความรักไม่มีวันเกษียณ ของผู้ปฏิวัติ’พรีเมียร์ลีก’

วันพุธ ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2566, 06.45 น.

“ผมกลัวที่จะตกหลุมรัก แต่ผมรู้ว่านี่จะเป็นรักครั้งสุดท้ายของผมแล้ว”….. นั่นแหละครับความรักคือสิ่งที่งดงามอยู่เสมอ

รูเพิร์ต เมอร์ดอค เจ้าพ่อสื่อมหาเศรษฐีวัย 92 ปี มหาเศรษฐีอันดับที่ 31 ของโลก บริหารจัดการสื่อดังทั้งเครือ News Corp และ Fox Corp ผ่านกองทุนครอบครัว โดยตัวเลขทรัพย์สินของเขาที่มีการเปิดเผยออกมาอยู่ที่ 17,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 619,000 ล้านบาท เปิดเผยว่า เขาหมั้นหมายกับแอน เลสลีย์ สมิธ วัย 66 ปี


หลังจากหย่ากับเจอร์รี่ ฮอลล์ ภรรยาคนที่ 4 ได้ ไม่ถึงปี!!!!

“ผมมั่นใจว่าการแต่งงานของผมกับสมิธจะเป็น “ครั้งสุดท้ายของผม” แน่นอน” ป๋าบอก “ผมประหม่ามาก” เขาเล่า
ผ่าน New York Post พร้อมเปิดเผยว่า มีแผนจะแต่งงานกันในช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้

“ฉันกลัวการตกหลุมรัก - แต่ฉันรู้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของฉัน มันจะดีกว่า ฉันมีความสุข!!!!!”

 

ไม่มีใครกล้าตั้งคำถามกับผู้ชายที่ชื่อ รูเพิร์ต เมอร์ดอค คือคนสำคัญของโลกฟุตบอล และโลกของกีฬาไปตลอดกาลหลังจากเป็นผู้ปฏิวัติวงการลูกหนังอังกฤษจากดิวิชั่นหนึ่งให้กลายเป็น “พรีเมียร์ลีก” เมื่อปี 1992 จนมีมูลค่าที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน!!!!!

มหาเศรษฐีนักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่ เจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศน์สกาย หรือ BSkyB ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1988 และเป็นเจ้าแรกๆ ที่นำเสนอข่าวตลอด 24 ชั่วโมง เป็นผู้ผลักดันให้สโมสรฟุตบอลที่จะลงแข่งขันในลีกดิวิชั่น 1 ประจำฤดูกาล 1992-93

ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็น “พรีเมียร์ลีก”

เมื่อสถานี BSkyB ขอซื้อ “สิทธิ์ขาด” ในการถ่ายทอดสดด้วยสัญญาฉบับแรก ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 5 ซีซั่นตั้งแต่ฤดูกาล1992-93 ไปจนถึงถึง 1996-97

สำคัญคือ มอบเงินค่าตอบแทนให้เป็นจำนวนสูงถึง 304 ล้านปอนด์

จำนวนเงินดังกล่าวตรงกันข้ามกับของเดิมที่สโมสรต่างๆ ได้รับ จากการขายสิทธิให้สถานี ITV ที่มีราคาเพียง 44 ล้านปอนด์ ในสัญญา 4 ปี

ยังผลให้ฟุตบอลลีกสูงสุดของอังกฤษ ต้องยุติระบบเดิมลงที่ 104 ฤดูกาล พร้อมกับเปลี่ยนแปลงชื่อระบบ
ดิวิชั่นใหม่

ดิวิชั่น 1 = พรีเมียร์ลีก

ดิวิชั่น 2 = เดอะ แชมเปี้ยนชิพ

ดิวืชั่น 3 = ลีก วัน

ดิวิชั่น 4 = ลีก ทู

17 กรกฎาคม 1991 มีการลงนามข้อตกลงภาคีสมาชิกก่อตั้ง (Founder Members Agreement) เพื่อเป็นการวางหลักการสำคัญในการจัดตั้งพรีเมียร์ลีก นั่นคือ ลีกใหม่นี้จะดำเนินการทางธุรกิจด้วยตนเอง มีอิสระที่จะเจรจาผลประโยชน์กับผู้สนับสนุน รวมทั้งมีสิทธิ์ในการขายสิทธิถ่ายทอดโทรทัศน์ของตนเอง แยกขาดจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) กับ ฟุตบอลลีก(EFL) อย่างชัดเจน

 

เมอร์ดอค ผู้แยบยลให้เหตุผลอย่างแยบคาย เมื่อมอบหุ้นส่วนหลักกับ เอฟเอ แต่ไม่มีสิทธิอะไรใดๆ ในการแทรกแซงเข้าสู่ผลประโยชน์ของแต่ละสโมสรในเชิงธุรกิจ หรือเชิงพาณิชย์ ทั้งระบบ

27 พฤษภาคม 1992 การจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทของพรีเมียร์ลีก ได้เกิดขึ้น โดยมีสโมสรสมาชิก 20 แห่ง
เป็นหุ้นส่วน พร้อมกับยืนยันว่า ผู้ถือหุ้นทั้งหมดขึ้นอยู่กับความสามารถที่มีจากผลการแข่งขัน หากยังคงสถานะอยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็จะได้ถือหุ้นต่อไป แต่ถ้าตกชั้นต้องคืนสิทธิ์นั้นกลับมา เพื่อนำไปมอบสิทธิความเป็นหุ้นส่วนนั้นให้กับสโมสรที่เลื่อนชั้นมา

นี่คือฝีมือและวิสัยทัศน์ในมุมกีฬา แม้จะใช้วิธีโหดอย่าง “สื่อกดดัน” อย่าง ป๋ารูเพิร์ต แต่ก็เป็นการพลิกวิกฤตบอลอังกฤษยุคฮูลิแกน

ให้กลายมาเป็นสมบัติชั้นสำคัญของโลกใบนี้โดยแท้!!!

 

บี แหลมสิงห์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top