โลกใบนี้กำหนด 12 ปี เป็น 1 รอบ เรียกว่า 12 นักษัตร
ในวงการลูกหนังเยอรมนี มีแค่ 2 ทีมนี้ที่ได้แชมป์มาครอง ดอร์ทมุนด์ ทำได้ติดต่อกัน 2 สมัย ซีซั่น 2010-11และ 2011-12 ยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์
จากนั้น บาเยิร์นฯ โกยอ้าวกวาดแชมป์มา 10 ปีติดต่อกัน เป็นสถิติใหม่แห่งวงการฟุตบอลลีกระดับใหญ่ของยุโรป
จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส กับการคัมแบ๊กถือบังเหียนครั้งที่ 3 และทำทีมแบบฟูลไทม์ครั้งที่ 2 นำทีมยึดถาดแชมป์ ทำสถิติ 34 นัด ชนะถึง 29 แพ้ครั้งเดียวเป็นสถิติใหม่ แถมยังครองถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการกำราบ ดอร์ทมุนด์ 2-1 ที่กรุงลอนดอน
เป็นจุดกำเนิดที่มาของ “แดร์ คลาสซิเคอร์” อย่างสมบูรณ์แบบ
ไม่เพียงแต่ต่อกรในประเทศเท่านั้น ทั้งคู่ยังทำให้โลกรู้ว่า นี่คือคู่ปะทะในระดับชิงเจ้ายุโรปอีกด้วย
หากจะย้อนไปในการเป็นคู่ปะทะของคู่นี้ ดอร์ทมุนด์ เองเป็นทีมแรกในวงการฟุตบอลเยอรมนี ที่ได้แชมป์บอลถ้วยยุโรปก่อน บาเยิร์นฯ ด้วยการชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ครองแชมป์รายการคัพ วินเนอร์สคัพ ปี 1966
ดอร์ทมุนด์ ใช่ว่าจะได้แชมป์เป็นกอบเป็นกำ แต่มักจะเป็นประเภท “หักหน้าบาเยิร์นฯ” ด้วยการปาดหน้าเป็นแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัยรวด ในปี 1995 กับ 1996 ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์เป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1997
แถมในซีซั่นต่อมา ดอร์ทมุนด์ เขี่ย บาเยิร์นฯ ตกรอบ 8 ทีมแชมเปี้ยนส์ลีก อย่างเจ็บปวดจากสกอร์ของ สเตฟานชาปุยซาต์ ดาวยิงซ้ายยาวกว่าขวา
ยังผลให้ซีซั่นต่อมา บาเยิร์นฯ จัดการไปคว้าตัว อ็อตมาร์ฮิตซ์เฟลด์ มาจากอกของ ดอร์ทมุนด์ แล้วก็พาทีมกวาดแชมป์บุนเดสลีกา 4 จาก 5 ปี แต่หนึ่งในปีที่ไม่ได้แชมป์ ก็ถูกดอร์ทมุนด์ ปาดหน้าเข้าวินมา 1 สมัยในการทำทีมของ “เจ้าชายผมแดง” มัทธีอัส ซามเมอร์
อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน 10 ปีหลังสุดนั้น ดอร์ทมุนด์ไม่สามารถผยองสู้กับพี่เสือได้ จากนั้นก็กลายเป็น บาเยิร์นฯ ที่กวาดแชมป์บุนเดสลีกาฝ่ายเดียวจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า 3 สมัย, คาร์โล อันเชล็อตติ 1 สมัย, จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส คัมแบ๊กอีกรอบมากู้สถานการณ์ทีมได้อีก 1 สมัย, นิโก้ โควัช 1 สมัย, ฮันซี่ ฟลิก 2 สมัย และยูเลียน นาเกิลส์มันน์ 1 สมัยเป็นรายล่าสุด
ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ 10 ปีที่ บาเยิร์นฯ เป็นแชมป์ติดต่อกันนั้น ดอร์ทมุนด์ ได้รองแชมป์ 6 สมัย แต่การต่อกรนั้นแทบจะไม่ได้หวาดเสียวหรือตื่นเต้นอย่างที่ควรจะเป็น
เราจะเห็นได้ชัดว่า แท้จริงแล้ว 10 ปีที่ บาเยิร์นฯ เป็นแชมป์นั้น พวกเขาก็เปลี่ยนกุนซือเป็นว่าเล่น ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันกับ ดอร์ทมุนด์ เหมือนกัน
10 ปีที่บาเยิร์นฯ เป็นแชมป์ ใช้ผู้จัดการทีม 6 คน ฟากฝั่งดอร์ทมุนด์ หลังหมดยุค คล็อปป์ เมื่อปี 2015 ใช้กุนซือไปแล้วถึง 6 คน รวม 7 รอบด้วยกัน
นั่นก็คือ โธมัส ทูเคิ่ล, ปีเตอร์ บอสซ์, ปีเตอร์ สตอเกอร์, ลูเซียง ฟาฟร์, เอดิน แทร์ซิซ, มาร์โก้ โรเซ่อ ก่อนที่ แทร์ซิซจะมาทำงานอีกครั้งเมื่อ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา
นอกจากการเป็นรองแชมป์บุนเดสลีกา 6 สมัย สิ่งเดียวที่พวกเขาปราบ บาเยิร์นฯ ได้จนที่เป็นจดจำก็เป็นเพียงแค่รายการ 2019 DFL-Supercup เท่านั้น
ความน่าสนใจในการต่อกรกันในวันเสาร์นี้ เวลา 23.30 น.ที่บ้านของบาเยิร์น มิวนิค ซึ่ง พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 เจ้าของลิขสิทธิ์หนึ่งเดียวของประเทศไทย จะทำการถ่ายทอดสด
นอกจากการลุ้นแชมป์กันแบบตรงๆ เพราะ ดอร์ทมุนด์ มีแต้มมากกว่าอยู่ 1 คะแนน การต่อกรหนนี้ถือเป็นการเปิดตัว “บาเยิร์นฯ ยุคใหม่” อีกด้วย
บาเยิร์นฯ เพิ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ด้วยการปลด ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ออกจากตำแหน่งเทรนเนอร์ แล้วแต่งตั้ง โธมัส ทูเคิ่ล เป็นกุนซือลำดับที่ 33 ของสโมสรในยุคบุนเดสลีกา ที่เข้ามารับงาน
เพียงแค่สัปดาห์เดียว จะต้องเจอกับ ดอร์ทมุนด์ ทันที
ซึ่งก็เหมือนกับเมื่อครั้งที่ ฮันซี่ ฟลิก เข้ามารับงานเมื่อ 4 ปีก่อน และก็นำ บาเยิร์นฯ กำชัยในศึกใหญ่นี้ 4-0 ซึ่งเป็นเกมแรกที่ ฟลิก คุมทัพลงเล่นในบอลลีกอีกด้วย
สำหรับ ทูเคิ่ล เคยคุมทัพ ดอร์ทมุนด์ แล้วมาคุม บาเยิร์นฯลักษณะคล้ายกับ ฮิตซ์เฟลด์ แต่ไม่ได้เป็นการย้ายตรง โดยเขาออกไปท่องยุทธจักรจาก ดอร์ทมุนด์ ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ตามด้วย เชลซี พร้อมกับได้ชิงเจ้ายุโรป 2 ปีซ้อน และได้แชมป์กับ เชลซี ปี 2021
2 ปีในการคุมทัพดอร์ทมุนด์ระหว่างซีซั่น 2015-2017 ทูเคิ่ล พาทีมเข้าชิงบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ได้ในทันทีในการปีแรก แต่ต้องผิดหวังเมื่อพ่ายการดวลเป้าให้กับ บาเยิร์นฯ 3-4 ชวดแชมป์ที่โอลิมเปียสตาดิโอน กรุงเบอร์ลิน
แต่ในปีรุ่งขึ้นทูเคิ่ล ลบแค้น และสร้างความแสบสันต์ให้กับ บาเยิร์นฯ ด้วยการพาทีมบุกไปชนะถึงถิ่น 3-2 ก่อนจะไปเป็นแชมป์ด้วยการชนะ แฟร้งค์เฟิร์ต 2-1
นั่นคือเกียรติยศหนึ่งเดียวของ ทูเคิ่ล บนแผ่นดินเยอรมนี พร้อมกับเป็นการ “เอาคืนบาเยิร์นฯ” อย่างสาสมใจ แต่ให้หลังแค่ 3 วัน ทูเคิล มีปัญหาคาใจเข้าไปเคลียร์กับ ฮันส์-โยอาคิม วัตซ์เคซีอีโอสโมสร และ มิชาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬาสโมสร แต่ผลคือต้องแยกทาง
ปิดสถิติคุมทัพเสือเหลือง 108 นัด ชนะ 68 เสมอ 23 แพ้ 17 ได้รองแชมป์บอลลีก 2 สมัย และแชมป์บอลถ้วย 1 ครั้ง รองแชมป์อีก 1 ครัั้ง
“ดีเอ็นเอสโมสรแห่งนี้ชัดเจน มันคือชัยชนะ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้” คำสัมภาษณ์ในวันรับตำแหน่งของ ทูเคิล
ว่ากันตามเชิง นี่เป็นกุนซือที่มีความมุ่งมั่นมากที่สุดคนหนึ่งในยุโรป และกำลังเติบโตขึ้นสู่ระดับสูงสุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สำคัญก็คือมีบุคลิกแห่งผู้ชนะ
แต่สิ่งที่ต้องเจอแน่นอนก็คือ กำแพงที่มองไม่เห็น
คนบุคลิกแข็งๆ มารวมตัวอยู่ในที่เดียวกัน นั่นคือทีมบริหารบาเยิร์นทั้ง โอลิเวอร์ คาห์น กับ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิซ
ขณะเดียวกัน “บิลด์ไซตุ้ง” สื่อดังเยอรมนี ระบุว่า มีการเมืองในห้องแต่งตัว ในฝ่ายที่ไม่เอา นาเกิลส์มันน์ กับฝ่ายที่เอานาเกิลส์มันน์
มีการระบุชื่อว่า มานูเอล นอยเออร์, ซาดิโอ มาเน่,จามาล มูเซียล่า, เลรอย ซาเน่, แซร์ช นาบรี, สเวน อูลไรช์แม้กระทั่ง ชูเอา กานเซโล่ ตัวเพิ่งยืมมาอยู่ฝั่งไม่เอาโค้ช ส่วนโยชัว คิมมิช, เลออน โกเรตซ์ก้า, มัตไธส์ เดอ ลิกท์, ดาโยต์อูปาเมกาโน่, เบนฌาแม็ง ปาวาร์ เป็นพวกเอาโค้ช
มันช่างตรงกันกับบุคลิกแข็งโป๊กของ ทูเคิ่ล เหลือเกิน
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่ ทูเคิ่ล ต้องอำลา ดอร์ทมุนด์ เหตุมาจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดกับบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะวัตซ์เค เคยพูดว่า ทูเคิ่ล เป็นประเภทคนที่พูดไม่รู้ฟัง หลังจากโดน “พี่สอง” วิจารณ์การบริหารงานออกสื่อ เรื่องของการทำงานที่ไม่เหมาะกับฟุตบอล
การให้ทีมลงสนามเพียงวันเดียวหลังจากเหตุวางระเบิดรถบัส, การไม่จริงใจในการซื้อขายนักบอล โดยเฉพาะกรณีของการปล่อยตัวนักบอลที่เขาต้องการอย่าง มัตส์ ฮุมเมิลส์, อิลคาย กุนโดกัน และเฮนริก มาคิตาเรี่ยน ออกไปจากทีม
ขณะที่ โรมัน ไวเดนเฟลเลอร์, เนเวน ซูโบติช และยาคุบ บลาซซีคอฟสกี้ ที่เขาต้องการปล่อยตัว แต่กลับถูก วัตซ์เคปฏิเสธ อีกทั้ง ทูเคิ่ล ก็มีปัญหากับ สเวน มิสลินตัต หัวหน้าแมวมองของทีมอย่างรุนแรงในสนามซ้อม
ประเด็นเรื่องของฝีไม้ลายมือ แน่นอนที่สุดว่า ทูเคิ่ล เป็นชั้นเซียน ด้วยตัวตนของเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นกุนซือเยอรมนี ที่มีฟุตบอลระบบ เน้นดึงศักยภาพของนักเตะทุกคนออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่สิ่งที่ต้องระวังนั่นก็คือ คลื่นใต้น้ำ ต้องระวังผู้คนที่ไม่พร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ทูเคิ่ล ไม่ชอบนักเตะที่ตั้งคำถาม หรือแสดงออกด้านความคิดเห็นถ้าไม่จำเป็น แน่นอนที่สุดว่า นักเตะที่ปรับตัวเข้ากับสไตล์ของเขาได้อย่างรวดเร็ว คือนักเตะคนโปรดของเขา
ความเด็ดเดี่ยวและความเชื่อในแท็กติกของตัวเอง สำคัญคือ หัวไม่มีไว้ให้ก้มง่ายๆ
“เสือใต้” ยุคใหม่ เริ่มต้นในช่วงเวลาและเกมใหญ่ที่เหมาะสมโดยแท้
บี แหลมสิงห์
ตัวเลขที่น่าสนใจก่อน แดร์ คลาสสิเคอร์
l ดอร์ทมุนด์ เตะ 25 แต้ม มี 53 คะแนน ขณะที่บาเยิร์นฯ มี 52 คะแนน แต่ประตูได้เสีย บาเยิร์นฯ +45 ลูกดีกว่า ดอร์ทมุนด์ 21 ลูก
l บาเยิร์นฯ เสียตำแหน่งจ่าฝูงครั้งแรกตั้งแต่แมทช์เดย์ที่ 13 ส่วน ดอร์ทมุนด์ นำจ่าฝูงครั้งแรกตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019
l เอริค มักซิม ชูโป โมติง เป็นดาวยิงสูงสุดของบาเยิร์นฯ ทำได้ 17 ลูก ตามมาด้วย จามาล มูเซียล่า 16 ลูกและเลรอย ซาเน่ 13 ลูก โดยที่ แซร์จ นาบรี้ เป็นนักเตะที่ลงเล่นมากสุดในทีม 35 เกม
l จู๊ด เบลลิงแฮม ดาวเตะเนื้อหอมทีมชาติอังกฤษ ยิงประตูสูงสุดให้ดอร์ทมุนด์ในซีซั่นนี้ 10 ประตูในทุกรายการ ตามมาด้วย ยูเลี่ยน บรันด์ท 9 ประตู และมาร์โก้ รอยส์ 8 ประตู ส่วน นิโก ชล็อตเตอร์เบ๊ค ปราการหลังทีมชาติเยอรมนี ที่ย้ายจากไฟร์บวร์กในซีซั่นนี้ลงเล่นมากสุดในทีมที่ 36 เกม
l บาเยิร์นฯ ได้แชมป์บุนเดสลีกาไปแล้ว 32 สมัย ขณะที่ ดอร์ทมุนด์ 8 สมัย อยู่ในอันดับ 3 โดยอันดับ 2 คือ เนิร์นแบร์ก ที่ตอนนี้ดิ้นรนอยู่ในลีกา 2 ได้แชมป์ไป 9 สมัย
l คู่นี้ปะทะกันครั้งแรก ดอร์ทมุนด์ บุกมาชนะที่มิวนิค 2-0 เมื่อ 16 ตุลาคม 1965
l เจอกันมาทั้งหมด 132 นัด บาเยิร์นฯ ชนะ 65 ดอร์ทมุนด์ ชนะ 32 เสมอ 35 บาเยิร์นฯ ยิง 257ดอร์ทมุนด์ ยิง 164
l นับเฉพาะในลีก 107 นัด บาเยิร์นฯ ชนะ 52 ดอร์ทมุนด์ ชนะ 25 เสมอ 30 บาเยิร์นฯ ยิงได้ถึง 215 ส่วนดอร์ทมุนด์ ยิงไป 131 ลูก
l สถิติในช่วงหลัง 12 เกมที่เจอกันนั้น ดอร์ทมุนด์ ชนะได้แค่ครั้งเดียวด้วยสกอร์ 3-2 เมื่อ 10 พฤศจิกายน 2018 ที่เหลือ บาเยิร์นฯ เป็นฝ่ายกำชัยได้ทั้งหมดถึง 10 เกมมีการยิงขาดลอย 4-0, 5-0, 6-0 อย่างไรก็ตาม การเจอกันเมื่อต้นซีซั่น 8 ตุลาคม 2022 สกอร์จบลงด้วยผลเสมอกัน 2-2 เท่ากับหยุดเลือดเสือเหลืองไม่ให้แพ้เสือใต้ในลีก หนแรก รอบ 7 เกม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี