วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568
สหราชอาณาจักร และไอร์แลนด์ ได้ประกาศรายชื่อสนามแข่งขันอย่างเป็นทางการทั้ง 10 แห่ง เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 18 หรือ ยูโร 2028
แถลงการณ์ของ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ ระบุว่า ความจุที่มีจำนวนมาก, สนามฟุตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก และสถานที่ใหม่ที่ล้ำสมัย จะเป็นเวทีสำหรับฟุตบอลยูโร ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เรามั่นใจว่า โอกาสที่จะเป็นเจ้าภาพของเราสูงมาก
ข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก นายริชี่ สุแนค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ, ลีโอ วาราดการ์ นายกรัฐมนตรีของไอร์แลนด์, ฮัมซา ยูซาฟ รัฐมนตรีคนแรกของสกอตแลนด์ และมาร์ค แดร็คฟอร์ด รัฐมนตรีคนแรกของเวลส์ ซึ่งมีแถลงการณ์ร่วมกันว่า นี่จะเป็น “การแข่งขันกีฬาที่ใหญ่ที่สุดที่เกาะของเราเคยจัดร่วมกัน”
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ 2 สนามของ 2 สโมสรดัง ซึ่งเป็นหมุดหมายลำดับเบอร์ต้นๆ ของการเดินทางท่องเที่ยวสหราชอาณาจักร นั่นคือ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และแอนฟิลด์ ของลิเวอร์พูล ไม่มีชื่อ
เดิมทีสนามกีฬาในยูเค มีทั้งสิ้น 14 แห่ง อยู่ในรายชื่อคัดเลือกที่ส่งไปยัง ยูฟ่า เมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่สนามระดับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดอย่าง โอลด์ แทรฟฟอร์ด หลุดโผไป โดยเมืองแมนเชสเตอร์ เลือกสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม ทำให้ โอลด์แทรฟฟอร์ด พลาดการเป็นเจ้าภาพไปพร้อมๆ กับ สเตเดี้ยมออฟ ไลท์ ของซันเดอร์แลนด์ ที่ไทน์ไซด์ทางตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งสนามนิวคาสเซิ่ล ได้รับเลือก, ลอนดอน สเตเดี้ยม ของเวสต์แฮม และ คร็อค พาร์ค ที่กรุงดับลิน ที่อกหักไปด้วยกัน
ส่วน สนามแอนฟิลด์ของลิเวอร์พูล ไม่เคยมีสิทธิ์ได้รับการพิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว เนื่องจากขนาดของสนามไม่เป็นไปตามกฎข้อบังคับของยูฟ่า ด้วยหลักเกณฑ์กำหนดว่าสนามกีฬาที่ใช้จัดเกมทัวร์นาเมนท์นั้น สนามแข่งขันต้องมีขนาดมาตรฐาน 105 ม. x 68 ม. ซึ่งสนามของแอนฟิลด์ยาว 101 ม. ซึ่งต่ำกว่าพารามิเตอร์ของยูฟ่า
ความน่าสนใจก็คือ 10 สนามดังกล่าวนี้ มีชื่อของสนามที่ยังสร้างไม่เสร็จอยู่ถึง 2 แห่ง นั่นก็คือ คาสเมนต์ พาร์ค ในเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ และแบรมลี่ย์-มัวร์ ด็อค ของเอฟเวอร์ตัน ในเมืองลิเวอร์พูล
เรื่องนี้ สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้รับเอกสารการเสนอราคารวมทั้งสิ้น 3 ฉบับจากสมาคมฟุตบอลที่เป็นสมาชิก ที่สนใจเป็นเจ้าภาพการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 2028 และ 2032 มีการคาดการณ์ว่าการแข่งขันจะสร้างรายได้สูงถึง 2.6 พันล้านปอนด์ ซึ่งคิดเป็นสกุลเงินสำคัญๆ คือ 3.2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.95 พันล้านยูโร
สหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ตัวแทนจากสมาคมฟุตบอลแห่งอังกฤษ, สกอตแลนด์, คัมริ หรือ เวลส์, ไอร์แลนด์เหนือ และสาธารณรัฐไอร์แลนด์ วางเป้าหมายสำหรับปี 2028 โดยจะต้องสู้กับประเทศตุรกี ส่วนในปี 2032 นั้น ตุรกี ก็ประกาศความพร้อมว่า ถ้าหากพวกเขาไม่ได้เป็นเจ้าภาพในปี 2028 ก็จะสู้ต่อ โดยมี อิตาลี เป็นคู่แข่ง
มูฮาเร็ม คาซาโปกลู รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาตุรกี ได้ลงนามในการรับประกันของรัฐบาล พร้อมระบุว่า ตุรกี มีทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับการจัดงานดังกล่าว โดยยกเรื่อง คุณภาพของสิ่งอำนวยความสะดวก, โครงสร้างพื้นฐาน, ที่พัก และประชากรวัยหนุ่มสาว เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกัน จึงสามารถพูดได้ว่าประเทศตุรกี เปล่งประกายดุจดาว และเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านกีฬาที่สำคัญที่สุดในโลก และเชื่อว่าตุรกีสามารถเพิ่มมูลค่าที่สำคัญให้กับยูโร ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารยูฟ่า กำหนดจะลงคะแนนเสียงกันว่า ใครจะได้รับสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพในการประชุมวันที่ 10 ตุลาคม ที่จะถึงนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี