หลายสิ่งที่หลายคน “ไม่เข้าใจ” และ “ตีความหมาย” ผิดมาโดยตลอดนั่นก็คือ หากคุณไม่ได้ไปเตะบอลยุโรป “ถ้วยใหญ่”

คุณจงอย่าไปซะดีกว่า

ฟุตบอลยุโรปมี 3 รายการ ประกอบด้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอุปมาเรียกถ้วยใหญ่, ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก อุปมาเรียกถ้วยเล็ก (เพื่อนผมเรียกถ้วยยาว) และล่าสุดถือกำเนิดมาเป็นปีที่สอง น้องนุชสุดท้องคือ ยูฟ่ายูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ลีก

ความสำคัญลดหลั่นกันออกไปอยู่แล้ว และเมื่อคุณได้เข้าไปเล่นก็จะการันตีการันโทเม็ดเงินที่ต่างกัน

แต่ยืนยันว่า “ยังไงคุณก็ต้องได้”

เริ่มสตาร์ทอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ ยูซีแอล อยู่ที่มีแน่ๆ อุจจาระสุกรอุจจาระสุนัข 30 ล้านปอนด์ แบเบอร์นฤภัยไผ่สีทอง

ประเด็นการ “เข้าไปเล่นถ้วยใหญ่” ของ “สาลิกาดง”นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด จึงเป็นสิ่งที่หลายคนจับตามอง ไม่เพียงแต่เรื่องเงินเรื่องทองในสนามอย่างเดียวเท่านั้น หากใครติดตามการเขียนของผมมานานจะรู้ว่าผมเคยสัมภาษณ์คนและพ่อค้าในเมืองแมนเชสเตอร์มานำเสนอเมื่อปี 2014 ครั้งที่ เดวิด มอยส์ พาทีมไม่ได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก นั่นคือเหตุผลหลักในการ “โดนปลด”

มันทำให้ทีมไม่เคยเจอเรื่องแบบนั้นมาก่อน และเหมือนว่าจะรับไม่ได้กับการเตะบอลยุโรป “วันพฤหัสบดี” รวมถึงทำให้ค่าของการแข่งขันนั้นลดลง

ไส้กรอกที่เคยขายกว่า 30,000 ชิ้น ในแมทช์เดย์, โรงแรมหายไปหลายรูมไนท์, ร้านอาหารต่างๆ รวมไปถึงศูนย์การค้าในเมืองต้องเสียรายได้ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ตีไว้ว่าเป็น “อังคาร-พุธ” มหาศาล

วงจรชีวิตปรับใหม่ไปหมด ทำให้เกิดการสะดุด และลดลงของมูลค่าทั้งหมด ทั้งเรื่องของในสนาม และลมหายใจนอกสนาม

ทีนี้การได้กลับไปเล่นบอลยุโรป และได้เล่นถ้วยใหญ่ นิวคาสเซิ่ลจึงเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจในไทน์ไซด์จะกลับมาคึกคักอย่างน้อย “3 สัปดาห์” จาก “3 แมทช์เดย์”

การจบท็อปโฟร์ในพรีเมียร์ลีกทำให้สโมสรได้เข้าสู่การแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่สุดของฟุตบอลยุโรปโดยอัตโนมัติ โดยพวกเขาถ้านับจริงแล้ว ระหว่างทาง 2 ทศวรรษ มีอะไรที่รุงรังอย่างมาก เพราะได้เล่นถ้วยยุโรปอย่าง ยูฟ่าคัพ กับ อินเตอร์โตโต้ อย่างละ 2 ครั้ง และยูโรป้า ลีก อีก 1 ครั้ง เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

การรอคอยทำไมถึงสร้างความฮือฮาขนาดนั้น...อย่าลืมว่า ช่วงรอยต่อนั้น นิวคาสเซิ่ล ต้องตกชั้นไปถึง 2 ครา

ผู้เชี่ยวชาญทางธุรกิจ กล่าวว่า การรอคอยยาวนานถึง 20 ปีของนิวคาสเซิ่ล เพื่อผ่านเข้ารอบแชมเปี้ยนส์ลีก อาจมีมูลค่าโดยประมาณถึง 3 ล้านปอนด์ ต่อ 1 เกมเหย้าเมื่อลงเตะในบ้าน

เช่นเดียวกับแฟนบอลที่เดินทางไปต่างประเทศ นาทีนี้ “เซนต์ เจมส์พาร์ค” สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีก ได้เทียบเท่ายอดทีมในยุโรปมากมาย อาทิ เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, อินเตอร์ มิลาน และบาร์เซโลน่า

สตีเฟ่น แพ็ตเตอร์สัน จากเขตการปรับปรุงธุรกิจ NE1 ของเมืองกล่าวกับ BBC ว่า การเตะบอลยุโรปจะทำให้เมืองนี้มี “โปรไฟล์ระดับโลก”

“ปัจจุบันแมทช์เหย้าของพรีเมียร์ลีกมีมูลค่ามากกว่า 2 ล้านปอนด์ สำหรับเมืองนี้ โดยการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ลีกดึงดูดได้มากกว่า” แพตเตอร์สัน กล่าว

เรื่องนี้น่าสนใจมาก เนื่องจาก นิวคาสเซิ่ล เป็นเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือที่ไม่มีแฟนบอลทีมอื่นเจือปนเลย มีแต่สาวกทูน อาร์มี่ ล้วนๆ ในพื้นที่เขตแห่งนี้ ทุกคนลมหายใจเข้าออกเป็นนิวคาสเซิ่ล สนามสามารถต้อนรับคนจากแดนไกลด้วยการเดินทางสุดแสนสะดวกด้วยรถไฟที่สามารถเดินเท้าได้สบายๆ ไปถึงสนาม

หากไม่ไถลก็สักไม่เกิน 15 นาที ถึงแน่

“ในแชมเปี้ยนส์ลีก ถ้าเราดูตัวอย่างที่แมนเชสเตอร์ พวกเขาประเมินว่ามีค่าประมาณ 3 ล้านปอนด์ต่อนัดเหย้า” แพตเตอร์สันกล่าว “นักท่องเที่ยวต่างชาติมักจะมาเที่ยวมากกว่า 1 คืนนี่คือสิ่งที่เป็นมากกว่าเงิน เรายินดีต้อนรับทุกคน เช่นเดียวกับ โรงแรม, บาร์ และร้านค้าในเมือง พร้อมให้บริการเป็นอย่างมาก มันทำให้เราอยู่ในแผนที่โลกจริงๆ”

ทีมดังแห่งไทน์ไซด์ ฟากฝั่งอีสานของอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งทีมที่ถูกจับตามองอย่างมาก นับจากการเข้ามาเทคโอเวอร์ของกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุฯ (PIF) ร่วมด้วย อแมนด้าสเตฟลี่ย์ และพี่น้องรูเบน ด้วยเงินจำนวน 300 ล้านปอนด์หรือ 12,000 ล้านบาท เมื่อปลายปี 2021

กำลังดำเนินธุรกิจฟุตบอลในสไตล์ที่ทุกคนรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือนในอนาคต

แน่นอนว่าคนไม่เข้าใจโลกฟุตบอลเท่านั้น ที่จะคิดว่าทำไมไม่ซื้อซูเปอร์สตาร์ดังๆ มาร่วมทีม หรือทำไมไม่เอาโค้ชดังๆ มาคุมทีมนั่นเพราะ “เมล็ดพันธุ์ฟุตบอล” มันไม่เหมือนอย่างอื่น

กลไกลในวันนี้ได้เฉลยกับทุกคนแล้ว หลังจากคำถามดังกล่าวได้รับคำตอบอย่างรวดเร็วในซีซั่นที่พลิกไปมายิ่งกว่ากล้วยปิ้ง

แพตเตอร์สัน ยังคำรามอีกด้วยว่า เขามีความเชื่อถึงอนาคตในการเข้ามาลงทุนในเมืองนี้มากขึ้นกว่าเดิม โดยจะเป็นเงินจาก “นอกภูมิภาค” นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนมือเจ้าของสโมสรจาก ไมค์ แอชลี่ย์ มาเป็น PIF และพวก

รายงานระบุว่า โรงแรมต่างๆ เริ่มดีขึ้นเมื่อมีลูกค้าจากแดนไกลมากขึ้นในฤดูกาลนี้ ทำให้หลายฝ่ายในเมืองเชื่อว่า นี่คือการ “เปิดตา” ให้ผู้คนทั่วโลกมองมายังเมืองนี้ และสำคัญก็คือ คนในเมืองจะมีทางเลือก เพราะจะ “มีงาน” มากยิ่งขึ้น

โอ้ววววว...ผมได้กลิ่น “สตรอว์เบอร์รี่ ผับ (The Strawberry Pub)” หน้าสนามเซนต์ เจมส์ พาร์ค โชยมาเตะจมูกกันเลยทีเดียว...

นึกถึงภาพอันสงบเลียบกำแพงเมือง...การตะโกนกระตุ้นจากคนที่นั่นเมื่อเห็นเราใส่เสื้อลายขาว-ดำ...ร้านของที่ระลึกที่มีสารพัดทีมระหว่างทางที่ The Back Page...หรือจิบ Newcastle Brown Ale แบบสุดละเลียด ณ The Strawberry Pub แล้วนั่งมองการตั้งตระหง่านของเซนต์ เจมส์ พาร์ค...

อื้อหือออออออออออ...

การเข้าสู่ฟุตบอลยุโรปในยุคปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งไม่ใช่ถ้วยใดถ้วยหนึ่งแต่เป็นทุกถ้วยมีมูลค่าทั้งนั้น ให้ทีมใหญ่ทีมเล็กได้ลืมตาอ้าปาก สำหรับโควต้าฟุตบอล

ที่ไม่ใช่แค่ “โควตาฟุตบอล” เพียงอย่างเดียว