สองทีมดังแห่งเกาะอังกฤษ เดินทางมาดวลแข้งกันที่เมืองไทย ถือเป็นโอกาสพิเศษยิ่ง!!!
ปีก่อน แฟนบอลได้เห็นการปรากฏตัวของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล กับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ที่มาปะทะกันในวันแดงเดือดนอกเกาะอังกฤษ ครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ และเป็นครั้งแรกของเอเชีย
หนนี้เราได้เห็น “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” เลสเตอร์ ซิตี้ที่มีคนไทยเป็นเจ้าของนั่นคือ คิง เพาเวอร์ ดวลกับ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ที่มีคอเก่าเข้าใจลูกหนังตามเชียร์กันแบบฝาคั่ง
นี่คือปรากฏการณ์ที่ “ไม่ธรรมดา” ในบ้านเราเนื่องจากปกติแล้ว มักจะเชิญทีมใดทีมหนึ่งมาเตะกับทีมไทย
ถ้ามาเตะกันเองก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่บอลคิงส์คัพ หรือควีนส์คัพ ก็คือศึกพรีเมียร์ลีก เอเชีย โทรฟี่ ที่ไทยเคยจัด เมื่อปี 2005 เป็นรายการที่จัดแบบ “ปีเว้นปี” เริ่มต้นหนแรกปี 2003 ก่อนจะยุติไปในปี 2019 ซึ่งเป็นไปได้จากการมีไวรัสเป็นตัวตั้ง
ครั้งนั้นมี โบลตัน วันเดอร์เรอร์ส ในยุคทองของนักบอลรุ่นใหญ่, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคที่ยังไม่ถูกหวยรวยโป และเอฟเวอร์ตัน ที่เพิ่งคาดหน้าอกสนับสนุนโดยสินค้าไทย นั่นคือ Chang
นักบอลที่มาในตอนนั้นพักอยู่โรงแรมเรดิสันพระราม 9 (ปัจจุบันคือ โกลเด้น ทิวลิป) การทำข่าวไม่ยุ่งยากวุ่นวาย เพราะทีมที่มาจัดว่่าเป็น “ขนาดย่อม” ด้อมแฟนบอลก็ยังไม่รุงรังแบบปัจจุบัน คนข่าวก็ยังไม่รุ่มร่ามแบบปัจจุบันนักบอลแทบจะเดินไปหากองเชียร์ได้ลายเซ็นกันแทบจะถ้วนทั่ว
ครั้งนั้นตามยอดบันทึก 2 วันของการเตะมีแฟนบอลรวมมากเกือบ 1 แสนคน แต่ผลิตประตูกันจุ๋มจิ๋ม เมื่อรอบรองฯเสมอกัน 1-1 และต้องยืดเยื้อยิงจุดโทษทั้งสองเกม
ไทยชุดยู-23 ดวลเป้าเชือด เอฟเวอร์ตัน 5-3 เข้าไปชิงกับ โบลตัน ที่ยิงชนะ แมนฯซิตี้ 5-4
จากนั้นรอบชิงที่ 3 ก็ยังยิงจุดโทษกันอีก นั่นคือแมนฯซิตี้ กับ เอฟเวอร์ตัน ก่อนที่ ซิตี้ จะชนะ 4-2 ส่วนคู่ชิง โบลตัน เชือด ไทยชุดยู-23 หวุดหวิด 1-0 ก็มาจากการยิงจุดโทษท้ายเกมของ “ไอ้ถุย” เอล ฮัดจิ ดิยุฟ
ทีมของ “บิ๊กยุรนันท์” แซม อัลลาไดซ์จึงคว้าแชมป์ไปครอง แต่จากวันนั้นถึงวันนี้ก็ไม่มาจัดที่ไทยอีก
มาถึงครั้งนี้แม่งานใหญ่ชัดเจนที่ทุกคนเห็นก็คือ “คิง เพาเวอร์” เจ้าของสโมสร เลสเตอร์ ที่เคยยกพลมาเมืองไทยหลายครั้งหลายโอกาส จะพบกับ สเปอร์ส ที่เยือนไทยเป็นหนแรก
นี่คือแมทช์ที่น่าสนใจ...ตรงไหน (บ้าง) !?!?!?!
บางคนบอกว่า การตกชั้นของ เลสเตอร์ ทำให้เกมนี้ลดความน่าสนใจลงไปมากมาย เช่นเดียวกับฟอร์มช่วงปลายซีซั่นของ สเปอร์ส ถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก
นี่คือประเด็นที่ตั้งของการที่จะรับชมเกมนัดนี้
ทั้งสองทีมไม่ได้เจอกันแน่ๆ ในบอลลีก หนึ่งฤดูกาลเป็นแน่ชัวร์ ส่วนบอลถ้วยก็แล้วแต่วาสนา และการมาเตะถึงบ้านเราคือสิ่งที่เหมือนกับอาคันตุกะมาเยือนถึงเรือนชาน จึงสมควรให้การต้อนรับที่ดี
ทีมระดับโลกไม่ได้มากันง่ายๆ เพียงแต่เป็นไปได้ที่อาจจะไม่ใช่ทีมแม่เหล็ก แต่ก็เป็นทีมที่มีแฟนบอล โดยเฉพาะสเปอร์ส ที่ยืนหยัดในใจคนไทยมานาน แม้ความสำเร็จหนสุดท้ายจะเกิดขึ้นเมื่อปี 2008
ทุกคนที่ “เข้าถึง” จะเข้าใจว่าฟุตบอลเหมือนกับศาสนา เมื่อเข้าไปแล้วออกยาก (มาก) เป็นหนึ่งใน 3 อย่างที่เปลี่ยนไม่ได้ และไม่จำเป็นอย่าเปลี่ยน
1.แม่ (ผู้ให้กำเนิด)
2.ทีมบอลที่รัก (ผู้ให้ศรัทธา)
3.เมีย (เปลี่ยนรับรองว่าไม่รอด ฮ่า)
ว่ากันตามเชิง นี่คือสิ่งที่ทั้งสองทีมกำลังเดินหน้าหา “เส้นทางใหม่” เพื่อหา “เส้นทางกลับ” กลับสู่จุดที่ควรจะอยู่ กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จ
สเปอร์ส เปลี่ยนกุนซือเป็นว่าเล่นในช่วงสี่ซ้าห้าปีหลัง นับตั้งแต่เกือบจะครองเจ้ายุโรปเมื่อปี 2019 กระทั่งมาจบที่การเริ่มใหม่กับ แองค์ ปอสเตโคกลู
เลสเตอร์เองก็เช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมาเหมือนกับชีวิตยิ่งกว่าฝันกับการได้แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยแรก ต่อด้วยการได้แชมป์เอฟเอ คัพ สมัยแรก แต่กลับมาตกชั้นอย่างเจ็บปวดและต้องมาเริ่มใหม่กับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า
สเปอร์ส ที่ว่าเสียหายมาก แต่ เลสเตอร์เสียหายกว่าแบบลิบลับ
ดังนั้น ทางกลับของทั้งสองทีมแตกต่างกัน แต่เหมือนกับว่า สเปอร์ส มาเริ่มตั้งไข่ที่เมืองไทย ส่วน เลสเตอร์ เริ่มมาตั้งหลักกันอีกครั้ง
ในเกมที่อาจจะเหมือนว่าไม่มีอะไร ในสไตล์ปรีซีซั่น นั่นก็คือ การทดลองทีม
แต่แนวทางการเล่นต่างหาก ที่เราจะได้เห็นกันว่าซีซั่นหน้าฟ้าใหม่ที่จะถึงนี้
จิ้งจอกสีน้ำเงิน กับ ไก่เดือยทอง จะคะนองในทิศใด!!!
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี