กลุ่ม เอ

“ตาร์ตัน” สกอตแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ สตีฟคลาร์ก ยังคงฟอร์มร้อนแรงสุดๆ นำจ่าฝูงของกลุ่ม ลงเล่นไปเกมเดียวในฟีฟ่า เดย์ หนนี้ ด้วยการบุกไปถล่มไซปรัส 3-0 มี 15 คะแนนเต็มจากการชนะ 5 เกมรวด

ส่วน “กระทิงดุ” สเปน ของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้กู้ศรัทธาด้วยการลงเล่นไป 2 เกม ไล่ถล่มคู่แข่งอย่าง จอร์เจีย 7-1 ลามีน ยามาล ทุบสถิติเด็กนรก กลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในนามทีมชาติที่ลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการ และยิงประตูได้ทันทีด้วยวัยเพียง 16 ปี 57 วัน

และปิดท้ายเฝ้ารังจัดหนักใส่ ไซปรัส 6-0 พวกเขามี9 คะแนนจากการลงเล่น 4 เกม ตามหลัง สกอตแลนด์ 6 แต้ม แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด

กลุ่ม บี

มากันที่กลุ่ม บี “ตราไก่” ฝรั่งเศส รองแชมป์ฟุตบอลโลกหนล่าสุด ยังคงฟอร์มเยี่ยมเหมือนเดิม เอาชนะ “ยักษ์เขียว” ไอร์แลนด์ ได้ 2-0 นำจ่าฝูงด้วยการชนะ 5 เกมรวด

ที่น่าสนใจคือ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ในยุคของ โรนัลด์ คูมัน ที่อะไร ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง คว้าชัยได้ 2 เกม เริ่มจากการเปิดบ้านถล่ม กรีซ 3-0 และบุกไปเอาชนะไอร์แลนด์ 2-1 พวกเขามี 9 คะแนน จากการลงเล่น 4 เกม เท่ากับ กรีซ

กลุ่ม ซี

“สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ เสียสถิติชนะรวดทำได้แค่บุกไปเสมอกับ ยูเครน 1-1 ในเกมที่ต้องเตะสนามกลางที่โปแลนด์ แต่ยังคงนำจ่าฝูงของกลุ่ม 5 เกม ชนะ 4 เสมอ 1 มี 13คะแนน ก่อนจะไปเตะเกมฉลอง 150 ปี ถล่ม สกอตแลนด์ 3-1

ส่วนทีมที่ไล่ตามมาถึงว่าต้องวัดกันอีกยาวๆ เพราะอิตาลี ที่เปลี่ยนโค้ชจาก โรแบร์โต้ มันชินี่ มาใช้บริการ ลูเซียโน่สปัลเล็ตติ แม้จะประเดิมเกมแรกน่าผิดหวังเสมอ มาซิโดเนีย 1-1 แต่นัดล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านเอาชนะ ยูเครน มาได้ 2-1 ทำให้ทั้ง 3 ทีมมี 7 คะแนนเท่ากัน แต่ อิตาลี ได้เปรียบเพราะเตะน้อยกว่า 1 นัด

กลุ่ม ดี

สถานการณ์ของกลุ่มดี ยังต้องสู้กันอีกยาว “ตาหมากรุก”โครเอเชีย นำจ่าฝูงกลุ่มนี้ ด้วยการมี 10 คะแนนเท่ากับ “ไก่งวง”ตุรกี แต่พวกเขาแข่งน้อยกว่า 1 นัด ที่ตามมาอีก 2 ทีมคืออาร์เมเนีย และเวลส์ มี 7 คะแนนเท่านั้น ถือว่ายังสามารถพลิกผันได้ตลอดสำหรับกลุ่มนี้

กลุ่ม อี

จัดว่าเป็น กรุ๊ป ออฟ อู๊ด สำหรับยูโร 2024 รอบคัดเลือกแต่สถานการณ์ก็ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด จ่าฝูงในเวลานี้คือ แอลเบเนีย ที่มี 10 คะแนน จากการลงเล่น 5 นัด ตามด้วย สาธารณรัฐเช็ก และมอลโดวา มีอยู่ 8 คะแนนเท่ากัน

ส่วนที่อาการน่าเป็นห่วงคือ โปแลนด์ ภายใต้การคุมทีมของ เฟอร์นานโด ซานโตส กุนซือผู้พาโปรตุเกสเป็นแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2016 หล่นไปอยู่รองบ๊วยของตารางมี 6 คะแนน จากการลงเล่น 5 เกม

กลุ่ม เอฟ

“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ที่ได้ โดมินิค เตเดสโก้เข้ามาคุมทีมถือว่าฟอร์มยอดเยี่ยมชนะ 4 เสมอ 1 มี 13 คะแนนนำจ่าฝูงของกลุ่ม มีแต้มเท่ากับ ออสเตรีย ของ ราล์ฟ รังนิคแต่ลูกได้เสียดีกว่า มีแววว่าทั้งสองทีมจะกอดคอพากันเข้าไปเล่นในรอบสุดท้าย

เพราะ “ไวกิ้ง” สวีเดน ฟอร์มกู่ไม่กลับ ลงเล่นไป 5 เกม ชนะ 2 แพ้ 3 มีอยู่แค่ 6 คะแนน เรียกได้ว่าสถานการณ์ย่ำแย่สุดๆ

กลุ่ม จี

สำหรับ กลุ่มจี สถานการณ์เกิดพลิกผัน เมื่อ “แม็กย่าร์” ฮังการี หาญกล้าบุกไปเอาชนะ เซอร์เบีย ได้ถึงถิ่น 2-1 ทำให้พวกเขามี 10 คะแนน จากการลงเล่น 4 เกม นำจ่าฝูงของกลุ่ม มีแต้มเท่ากับ เซอร์เบีย แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด

ที่ตามมาคือ มอนเตเนโกร ตอนนี้มีอยู่ 8 คะแนน จากการลงเล่น 5 เกม มีแววว่าจะลุ้นกันอยู่ 3 ทีมนี้คือ ฮังการี, เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร เพราะ บัลแกเรีย และลิทัวเนีย มีแค่ 2 แต้ม

กลุ่ม เอช

กลุ่มนี้สถานการณ์น่าสนใจสุดๆ จากตอนแรกที่ถูกมองว่าจะเป็น กรุ๊ป ออฟ อู๊ด แต่ดันมีลุ้นเข้าไปเล่นรอบสุดท้ายถึง 4 ทีมด้วยกัน จ่าฝูงในตอนนี้กลายเป็น สโลวีเนีย ที่มี 13 คะแนน จากการลงเล่น 6 เกมเท่ากับ “โคนม” เดนมาร์ก

แต่ที่น่าสนใจคืออีก 2 ทีมที่ตามมาอย่าง ฟินแลนด์ และคาซัคสถาน ที่มีอยู่ 12 คะแนน ทำให้กลุ่มนี้ต้องลุ้นกันแบบยาวๆ เพราะทั้ง 4 ทีมแข่ง 6 เกมเท่ากัน โอกาสออกได้หมด

กลุ่ม ไอ

“แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ยังคงทำผลงานได้ตามเป้า แม้ว่าฟีฟ่า เดย์ หนนี้ จะออกสตาร์ทด้วยการสะดุดเสมอกับ โคโซโว 2-2 แต่ก็แก้ตัวถล่ม อันดอร์รา ได้ 3-0 ทำให้พวกเขาเป็นจ่าฝูงของกลุ่มมี 14 คะแนนจากการชนะ 4 เสมอ 2

ส่วนที่ตามกันมาแบบติดคือ “ผีดิบ” โรมาเนีย ยังไม่แพ้ใครเช่นกัน ชนะ 3 เสมอ 3 มี 12 แต้ม ตามด้วย อิสราเอลที่เกมล่าสุดชนะ เบลารุส 1-0 มี 11 คะแนน

กลุ่ม เจ

ปิดท้ายด้วยกลุ่มเจ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ภายใต้การคุมทีมของ โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ ฟอร์มดีสุดๆ ชนะ 6 เกมรวดยิงไป 24 ประตู และไม่เสียแม้แต่ลูกเดียว มี 18 คะแนนเต็ม จากการลงเล่น 6 นัด โอกาสเข้ารอบสุดท้ายสดใส

ที่ตามมาคือ สโลวะเกีย ตอนนี้มีอยู่ 13 คะแนน เซอร์ไพรส์หนักสุดคือ ลักเซมเบิร์ก รั้งอันดับ 3 มี 10 คะแนน เบียดทีมที่ชื่อชั้นดีกว่าอย่าง บอสเนียฯ และไอซ์แลนด์ ลงไปกองก้นตาราง

สำหรับ การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 รอบคัดเลือกนัดต่อไปจะกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้