เหตุการณ์ครั้งสำคัญเมื่อปี 2015 โดรนลงมาในสนามก่อนจะปะทะกันรุงรัง เกม เซอร์เบีย กับ แอลเบเนีย
“ฟีฟ่าเดย์” ที่หลายคนทำหน้าเบ้ มีเรื่องให้เบ้กันอีกแล้ว!!!
10 วันที่ผ่านมา ก่อนจะกลับเข้าสู่บอลลีก เป็นเกมฟีฟ่าเดย์ ที่มีหลากหลายแมทช์ทั้งบอลโลก รอบคัดเลือก, แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบคัดเลือก, ยูโร รอบคัดเลือก และบอลกระชับมิตรสร้างศัตรูเกิดขึ้น
หนึ่งในนั้นมีเกมสร้างศัตรูแบบเปิดเผยให้เห็นบนโลกใบนี้โดยใช้การเมืองผ่านเกมกีฬาอีกครั้ง
ผู้เล่นของโคโซโว เดินออกจากสนามระหว่างเกมยูโร 2024 รอบคัดเลือก กับ เจ้าถิ่นโรมาเนีย หลังจากที่แฟนๆ แดนผีดิบ ตะโกนว่า “โคโซโวคือเซอร์เบีย”
ขณะที่ พวกเขาก็กางแบนเนอร์ขนาดเขื่องพร้อมข้อความน่ารังเกียจแบบเดียวกัน
โคโซโวเผชิญหน้ากับโรมาเนียในรอบคัดเลือกยูโร 2024 ที่ตึงเครียดที่บูคาเรสต์
รอบคัดเลือกสำหรับการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ถูกหยุดชั่วคราวในนาทีที่ 18 ภายหลังจากเสียงเชียร์จากแฟนบอลชาวโรมาเนียส่วนหนึ่งที่ อารีน่า เนชันนาล่า ในบูคาเรสต์
วิลลี่ เดลาจ็อด ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศส เป่ายุติเกม ก่อนที่การแข่งขันจะกลับมาลุยกันต่อในอีก 50 นาทีต่อมา
โรมาเนีย ชนะ 2-0 แต่พวกเขาอาจจะโดนปรับแพ้!!!
ผู้ประกาศภายในสนาม ได้ส่งคำเตือนครั้งสุดท้าย ด้วยการประกาศขอให้แฟนบอล “อย่าตะโกนชื่อเพื่อนบ้านของเรา” และขอให้ “อย่าแสดงแบนเนอร์เดียวกันนี้อีกเลย”
ไม่เพียงแต่ป้ายฉาว “โคโซโวคือเซอร์เบีย” แล้ว กลุ่มแฟนบอลกลุ่มเดียวกัน ยังทำแบนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่มีข้อความว่า “เบสซาราเบียคือโรมาเนีย”
สโลแกนนี้เป็นคำ “ชาตินิยมโรมาเนียน” ที่ได้รับความแพร่หลาย และใช้กันทั่วไป
กล่าวคือ คำนี้ถูกอ้างเกี่ยวกับภูมิภาค เบสซาราเบีย(Bessarabia) ซึ่ง “เคยเป็น” ส่วนหนึ่งของโรมาเนีย ระหว่างปี 1918-1940 แม้ว่าตอนนี้จะถูกแบ่งใหม่ และอยู่ในประเทศมอลโดวากับบางส่วนอยู่ใน ยูเครน
ทำให้สุดท้าย นักบอลผู้มาเยือนเดินออกจากสนามในครึ่งแรก หลังจากการตะโกนต่อต้านเหล่านักบอลแห่งโคโซวาน มันแรงชนิดที่เรียกได้ว่า “ล้ำเส้น”
เรื่องราวแห่ง “ชาติพันธุ์” ถูกนำมาผ่าน “ฟุตบอล” บ่อยมาก
ภาพชัดเจนผ่านในศึกยูโร 2016 รอบคัดเลือก ระหว่างเซอร์เบีย กับ แอลเบเนีย และศึกบอลโลก 2018 ระหว่างสวิตเซอร์แลนด์ กับเซอร์เบีย คือตัวอย่างของ “การแสดงออก” ถึงเรื่อง “ความขัดแย้ง”
หมายเหตุมาจากพื้นที่แดนยุโรปมีการหลอมรวมหลากหลายวัฒนธรรม ตัวอย่างคือ แอลเบเนีย ที่รับประเพณีจาก กรีก, โรม และเวเนเชี่ยนส์ มีดินแดนติดอยู่กับ กรีซ,ยูโกสลาเวีย, โคโซโว,เซอร์เบีย และทะเลเอเดรียติก
เมื่อจบสงครามบอลข่าน ในปี 1913 “โคโซโว” ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเซอร์เบีย หรือ อดีตยูโกสลาเวีย โดยพื้นที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวแอลเบเนี่ยนอาศัยอยู่
ดังนั้นจึงเกิดความขัดแย้งทางเชื้อชาติ
หนึ่งคือประชากรเชื้อสายแอลเบเนี่ยน กับอีกหนึ่งคือ ประชากรเชื้อสายเซิร์บ เพราะแอลเบเนีย มีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกันกับ เซอร์เบีย
จุดนั้นมี “โคโซโว” คั่นกลาง
เรื่องนี้ได้ก่อตัวสั่งสมเรื่อยมาและนำไปสู่การทำสงครามหลายครั้ง ก่อนจะปะทะกันในสนามฟุตบอลในยูโร 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม ไอเมื่อวันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2015 ที่สนามปาร์ติซาน สตาดิโอนเมื่อครั้งที่ แอลเบเนีย ไปเยือนเซอร์เบีย ครั้งแรกในรอบ 63 ปี
ตัวอย่างชัดเจนอีกครั้งเมื่อปลายปีที่แล้ว ...ทีมชาติเซอร์เบีย ถูก สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ปรับเงินเป็นจำนวน 20,000 ฟรังก์สวิส หรือประมาณ 7 แสนกว่าบาท จากกรณีข้อความบนธงชาติโคโซโว หลังจบเกมฟุตบอลโลก 2022 นัดที่ เซอร์เบีย แพ้ บราซิล 0-2
ฟีฟ่า จัดการปรับเงินครั้งนี้ หลังจากพบการแขวนธง ที่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ให้เห็นว่า โคโซโว เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเซอร์เบีย ในห้องแต่งตัว เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2022
กรานิต ชาก้า กับ เซอร์ดาน ชากิรี่ กับท่าดีใจสะท้านโลกันตร์ ในบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
โดยรูปภาพของธงที่มีข้อความว่า “เราไม่ยอมจำนน” ในภาษาเซอร์เบียกลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดีย เมื่อมันถูกแชร์โดย ฮาจรูย่าเซกู รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม เยาวชน และกีฬาของโคโซโว
โคโซโว ได้ประกาศเอกราชไปตั้งแต่ปี 2008 แต่ รัฐบาลเบลเกรด ยังคงถือว่า โคโซโว เป็นจังหวัดหนึ่งของเซอร์เบีย โดยมี รัสเซีย กับ สเปน หนุนหลังพวกเขา
แต่ สหรัฐ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส รวมถึง ไทย รับรองให้เป็นรัฐเอกราชแล้ว
.........เรื่องราวต้องเท้าความกลับไปก็คือ อย่างที่เขียนไปด้านบนว่า ในย่านดังกล่าวนี้มีการมีการหลอมรวมหลากหลายวัฒนธรรมที่มากมาย ซับซ้อน จนหลายอย่าง “ซับซ้อน”
ตัวอย่างก็คือ ด้วยแผนที่โลกมันกองติดกันอยู่ตรงนั้น ไม่แปลกที่ โคโซโว จะมีประชากรส่วนใหญ่เป็นคนเชื้อสายแอลเบเนีย และเมื่อ แอลเบเนีย พลิกเข้ามาเตะบอลยูโร 2016 รอบสุดท้าย พวกเขามีนักบอลถึง 9 คนเกิดในโคโซโว
เรื่องนี้ได้ก่อตัวสั่งสมเรื่อยมาและนำไปสู่การทำสงครามหลายครั้ง ก่อนจะปะทะกันในสนามฟุตบอลในการแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2016 รอบคัดเลือก กลุ่ม ไอ เมื่อวันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2015 เกิดความวุ่นวายที่สนาม ปาร์ติซาน สตาดิโอน
เกมนั้นนับเป็นหนแรกตั้งแต่ปี 1967 ที่ แอลเบเนีย ยกพลมาเตะกับ เซอร์เบีย ถึงถิ่น โดยก่อนแข่ง สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า ได้ทำการสั่งห้ามแฟนบอลทีมเยือนตามมาเชียร์เป็นอัน
เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุรุนแรง จากการเมือง....แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ผ่านได้เพียงครึ่งชั่วโมงก็มี “โดรน” หรือ เครื่องบินเล็กไร้คนขับลำหนึ่งบินเข้ามาในสนาม พร้อมกับธงกลุ่มชาตินิยมแอลเบเนีย
ธงดังกล่าวที่มีภาพของ อิสมาอิล เกมาลี่ ผู้นำการเคลื่อนไหวจนนำไปสู่การประกาศอิสรภาพจากจักรวรรดิอ็อตโตมัน และก่อตั้งรัฐแอลเบเนีย ปี 1912 กับ อิซ่า โบเลตินี่ ผู้นำการประท้วงของชาวแอลเบเนียเมื่อปี 1910
นอกจากธงกลุ่มชาตินิยมแล้ว รวมถึงสัญลักษณ์แผนที่“เกรตเตอร์ แอลเบเนีย” อีกด้วย
กล่าวคือ “เกรตเตอร์ แอลเบเนีย” มาจาก ดินแดนที่กลุ่มชาตินิยมชาวแอลเบเนีย มีความประสงค์ให้เกิดขึ้น นอกเหนือจาก แอลเบเนีย กับ โคโซโว ยังมีพื้นที่ครอบคลุมส่วนหนึ่งของ เปรเซโว, บูยาโนวัช กับ เม็ดเวด้า ใน เซอร์เบีย, ดินแดนทางตะวันออกของมอนเตเนโกร, ตะวันตก-ตะวันตกเฉียงเหนือของมาซิโดเนีย และ ตะวันตกเฉียงเหนือของกรีซ
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสับสนกับเหตุการณ์ ปรากฏว่า สเตฟาน มิโตรวิช เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเซอร์เบีย พยายามดึงธงลงมาเพื่อทำลายซึ่งพฤติกรรมละม้ายคล้ายกับรังเกียจ
ทำให้นักเตะแอลเบเนีย ไม่พอใจ ก่อนจะเกิดการชุลมุน จนเหตุการณ์บานปลายมีการปะทะกันอย่างรุนแรงของนักบอลทั้งสองทีม รวมไปถึงแฟนบอลเซอร์เบียบางรายที่ลงมาในสนาม
มาร์ติน แอ็ตกินสัน ผู้ตัดสินจากอังกฤษ ต้องสั่งนักเตะเข้าห้องพักโดยด่วน และหลังหยุดไปนาน 30 นาที จึงมีการประกาศยุติการแข่งขันในนาทีที่ 41
เรื่องนี้ฉาวไปทั้งโลก
แน่นอนที่สุด เมื่อมีการปะทะกันมานับร้อยปี ประชาชนของแอลเบเนีย ที่อยู่แถบนั้นก็ลี้ภัยไปตามที่ต่างๆ ในยุโรป และเป้าหมายที่พวกเขาไปพักพิงแห่งใหม่ หนึ่งในเป้าใหญ่ก็คือ “สวิตเซอร์แลนด์”
คือการลี้ภัยนั้นจะเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ พวกเขามีความสุขมากกว่าที่แดนสงครามแน่นอน
......มาถึงเหตุการณ์ในบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย
ประเทศสวิส คือ ดินแดนแห่งการลี้ภัยของพวกแอลเบเนีย
ตัวอย่างชัดเจนคือ กรานิต ชาก้า ที่ครอบครัวอพยพจากโคโซโวมาอยู่ บาเซิ่ล ตั้งแต่ยังไม่เกิด ก่อนที่เขาเลือกเล่นให้ทีมชาติสวิส ส่วนพี่ชายคือ ตูลองต์ ชาก้า เลือกเล่นให้ทีมชาติแอลเบเนีย!!!
พ่อของ ชาก้า เคยถูกคุมขังในอดีตยูโกสลาเวียเพื่อรณรงค์เพื่อสนับสนุนอิสรภาพแห่งโคโซโว
อีกคนคือ เชอร์ดาน ชาคิรี่ ปีกหุ่นมะขามครึ่งข้อ เขาเกิดที่เมืองจิลัน ทางตะวันออกของโคโซโว ซึ่งครอบครัวของเขาอพยพจากแดนสงคราม ในปี 1992 ซึ่ง ชาคิรี่ อายุแค่ขวบเดียวเท่านั้น!!!
รวมไปถึง บาเลริม เซไมลี่ ชาวแอลเบเนีย จากโบโกวินเย่ ในมาซิโดเนีย, แฮริส เซเฟโรวิช เป็นบอสเนีย, มาริโอ คาฟราโนวิช เป็นบอสเนีย และโจซิป เดอร์มิช เป็นโครเอเชีย แต่ที่น่าสนใจก็คือ ชาก้า กับ ชาคิรี่
ถือเป็นความบังเอิญแบบพอดี หรือว่าชะตาฟ้าลิขิตให้ทั้งคู่พังประตูได้ในเกมดังกล่าวนี้(บอลโลกครั้งที่แล้ว)
ท่าดีใจของทั้งสองคน นั่นคือ เอาสองมือแสดงสัญลักษณ์ เพื่อให้ดูเหมือน “นกอินทรีสองหัว”
ที่อยู่บนธงประจำชาติของแอลเบเนีย
มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าออสเตรีย ตะโกนท้าทายใส่ เอซกาน อลิออสกี้ ของนอร์ท มาซิโดเนีย ร้อนถึง อลาบา ต้องมาบีบปากให้หยุด
แน่นอนว่า เป็นการแสดงออกสัญลักษณ์ทางการเมือง และมีแนวโน้มที่จะทำให้ความตึงเครียดทางการเมืองขึ้นมาอีกครั้ง
แม้ว่า ชาคิรี่ ยังบอกว่าไม่มีอะไร ........แต่มันมีอะไรในนั้นแน่ๆ
อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช หัวหอกเซิร์บ ก็ออกมาบอกว่าถ้ารักกันซะขนาดนั้น
ทำไมไม่ไปเล่นให้ โคโซโว กันเลยล่ะ!!!
หรือจะในบอลยูโร 2020 ที่ลงเตะกันในปี 2021 ซึ่งตามหลักใหญ่ใจความเดิมคนริเริ่มอย่าง มิเชล พลาตินี่ ระบุว่า ต้องการให้เป็น “ยูโร โรแมนซ์”
บางเหตุการณ์แทนที่จะโรแมนติก กลับกลายเป็น โลละบาท แทน!!!!
มาร์โก อาร์เนาโตวิช กองหน้าทีมชาติออสเตรีย แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวหลังจากยิงประตูได้ ด้วยการไปตะโกนท้าทายใส่ เอซกาน อลิออสกี้ นักเตะนอร์ท มาซิโดเนีย
แปลออกมาได้ใจความที่ว่า “กูจะ.....แม่พวกมึงไอ้แอลเบเนี่ยน!!!!”
ร้อนไปถึง ดาวิด อลาบ้า แข้งทองเพื่อนร่วมทีม ถึงกับบีบปากให้หยุดพูดแต่ไม่ทันแล้ว.....
ตีความไปในทางเดียวกันทั้งโลกว่าเหตุที่ อาร์เนาโตวิช หลุดคำผรุสวาท น่าจะเกี่ยวข้องกับสงครามโคโซโว ที่ เซอร์เบีย กับแอลเบเนีย มีปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรงในภูมิภาคนั้น
เป็นอีกหนึ่งภาพชัดของวงการฟุตบอลที่ไม่พ้นเรื่องการเมืองที่ปะทุความรุนแรงขึ้นมาเรื่อยๆ หลังจากเด็กๆ ในรุ่นการล่มสลายของขั้วอำนาจในยุโรป เริ่มโตขึ้นมาตามปฏิทินกาลเวลา
อ่านแล้วบางคนอาจเลิกคิ้วสงสัยว่า อ้าว...เป็นเกมระหว่าง ออสเตรีย กับ นอร์ท มาซิโดเนีย แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน
เจาะลงรายละเอียดก็คือ อาร์เนาโตวิช เองมีคุณพ่อเป็นชาวเซอร์เบีย ซึ่งการที่เขาด่า อลิออสกี้ เป็นเหมือนกับการ “ด่าฝาก” เพราะต้องไม่ลืมว่า ลัทธิชาตินิยมแอลเบเนียในมาซิโดเนียเหนือฝังรากมานานนั่นเอง!!!!
ย้อนไปเมื่อต้นทศวรรษที่ 90 ยูโกสลาเวีย ที่ปกครองด้วยระบบคอมมิวนิสต์ ควบคุม 6 สาธารณรัฐ ประกอบด้วยบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา, สโลวีเนีย, โครเอเชีย, เซอร์เบีย, มอนเตเนโกร และมาซิโดเนีย รวมไปถึงมณฑลอิสระอย่างโคโซโวและวอยโวดีนา ซึ่งเป็นมณฑลปกครองตนเอง
ดินแดนสลาฟ มีผู้นำที่มีความสามารถในการปกครองและผสานความเป็นสมานฉันท์ระหว่างเชื้อชาติ คือ พลเอกโยซิป บรอซ ตีโต้ ถึงแม้ความขัดแย้งทางเชื้อชาติจะมี แต่ก็น้อยมาก
แต่เมื่อผู้นำ ตีโต้ ถึงแก่กรรม ผู้นำที่ขึ้นมาสืบทอดตำแหน่ง คือ สโลโบดาน มิโลเซวิช เป็นพวกหัวรุนแรง ทำให้ก่อชนวนปัญหาเชื้อชาติเกิดขึ้นมาอีกครั้ง พอดีจังหวะกับที่ ระบอบคอมมิวนิสต์ในรัสเซียล่มสลายในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 พอดี
ทำให้ก่อเกิดสาธารณรัฐที่ต้องการแยกเป็นอิสระ
ยูโกสลาเวีย เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ในช่วงปี 1990 เป็น 5 ประเทศ นั่นคือ โครเอเชีย วันที่ 25 มิถุนายน 1991, สโลวีเนียวันที่ 25 มิถุนายน 1991, บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1992, เซอร์เบีย และมอนเตเนโกร วันที่ 17 เมษายน 1992 และ มาซิโดเนีย วันที่ 8 กันยายน 1991 ก่อนจะได้รับการรับรองในปี 1994.....ทั้งหมดคือที่มา
สายเลือด, เชื้อชาติ มันเป็นสิ่งที่ฟาดฟันกันมา เป็นเรื่องเปราะบาง และละเอียดอ่อน ซึ่ง อาร์เนาโตวิช จะมาโพสต์ผ่านโลกออนไลน์ตอนหลังว่า ไม่ได้ตั้งใจและขอโทษ ไม่ใช่พวกเหยียดเชื้อชาติ
แน่นอนว่ามัน....ไม่ทันแล้ว
ย้ำเตือนความทรงจำอีกครั้งก็คือ เป้าประเด็นหลักอย่าง เซอร์เบียกับ โคโซโว นั้นเคยเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดอย่างที่สุด เมื่อ เซอร์เบีย ส่งกองทัพฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวมุสลิมในโคโซโวในปี 1998 กระทั่งในเดือนมิถุนายน 1999สหประชาชาติ ได้ส่งทหารนาโต 40,000 คนเข้ารักษาความสงบในโคโซโว
จึงกลายเป็นสงครามระหว่าง ทหารเซิร์บ กับ ทหารนาโตสุดท้าย เซอร์เบีย ถอนทัพหลังโดนยำอย่างหนักถึง 3 เดือนเต็มๆ
จากนั้น โคโซโว จึงได้ชื่อว่าเป็นแคว้นหนึ่งของเซอร์เบีย เพียงในนามเท่านั้น เพราะการบริหารงานทุกอย่างอยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ โดยมีโดยกองกำลังทหารของสหประชาชาติ นำโดย นาโต เป็นผู้ดูแลความปลอดภัยในประเทศ
ประเด็นสำคัญก็คือ หลังจากเอกราชของโคโซโว ที่ได้รับเมื่อปี 2008 หนึ่งในประเทศที่ไม่ยอมรับเอกราชของพวกเขาคือ โรมาเนีย
ท้ายสุดเกมกลับมาแข่งขันกันต่อ โรมาเนีย เอาชนะไปได้ 2-0 แต่สำคัญกว่าก็คือ กลุ่มอุลตร้าที่ถือป้าย “โคโซโวคือเซอร์เบีย”ไม่รอด
ถูกตำรวจปราบจลาจลล้อมไว้หลังจบการแข่งขันระหว่างโดยเจ้าหน้าที่สามารถระบุชื่อสมาชิกทั้งหมดได้แล้ว
แน่นอนที่สุดว่า ต้องปรับให้เข็ดหลาบ แต่สุดท้ายยังไงซะ
เมื่อเหตุเกิดหนนี้ไม่ใช่ “ครั้งแรก”
ไม่มีทางเลยที่จะเป็น “ครั้งสุดท้าย”
อยู่ที่ว่า “ตัวละคร” ครั้งต่อไปจะเป็นใครให้ปวดศีรษะ
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี