เครื่องหมายคำถามเกิดขี้นอย่างมากมายกับ "ทีมกรีฑา" ของทีมชาติไทย
เมื่อเกิดเหตุ "ไม่ได้แข่ง" ของดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งวงการกีฬาไทย ณ พ.ศ.นี้อย่าง บิว ภูริพล บุญสอน เจ้าของเหรียญเงินวิ่ง 100 เมตร เอเชียนเกมส์ ครั้งนี้
เข้าใจว่า คนไทยทุกคนประสงค์ดีอยากเห็นลูกหลานในชาติประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จมันหอมหวาน เสียงแซ่ซ้องเริ่มดัง ความหวังก็ย่อมมากยิ่งขึ้นไปเป็นเงาตามตัว
ประเด็นคือ โลกเริ่มไม่สงบหลังจากเห็น บิว ออกไปวิ่งแล้วไม่ไปต่อในการแข่งขันรอบตัดเชือก 200 เมตร โดยระบุในภายหลังว่า เขามีอาการตึงที่กล้ามเนื้อทำให้ตัดสินใจไม่ไปต่อกับอีเวนต์นี้ ที่สำคัญก็คือ ตามกฎของสหพันธ์กรีฑาโลก จะต้องลงสนามไปก่อน ไม่ใช่ว่าถอนตัวไปเลย อาจจะถูกตัดสิทธิ์
นั่นหมายว่า นี่เป็นการวางหมากของทีมงานสมาคมกรีฑา
จากนั้น การแข่งขันวิ่ง4x100 เมตรชาย รอบคัดเลือก เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา มีการคัดเลือก รวม 2 ฮีท โดยจะนำ อันดับ 1, 2 และ 3 เข้ารอบชิงโดยอัตโนมัติ ทั้งหมด 6 ทีม ก่อนจะคัดทีมที่มีสถิติดีที่สุดอีก 2 ทีมเข้าไปชิงชนะเลิศ
ทีมชาติไทย ลงคัดเลือกในฮีทแรก ท่ามกลางความหวังของแฟนกีฬา เนื่องจากลงสนาม ในฐานะแชมป์เอเชีย 2023 ด้วยสถิติ 38.55 วินาที ซึ่งผลัดไทยชุดนี้ที่คว้าแชมป์เอเชียได้นั้น พร้อมกับทำลายสถิติประเทศไทย ที่เคยทำไว้ 38.56 วินาที อีกทั้งยังทำลายสถิติรายการชิงแชมป์เอเชีย ที่ทีมไต้ฝุ่นไทยรุ่นพี่ เคยทำไว้ 38.72 วินาที ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อปี 2019
ก่อนลงสนาม โฟกัสอยู่ที่ "บิว" ภูริพล บุญสอน ที่คว้าเหรียญเงินจากการวิ่ง 100 เมตรชายในเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ และได้ถอนตัวออกจากการแข่งขันวิ่ง 200 เมตร รอบรองชนะเลิศ โดยมีข่าวยืนยันว่า มีอาการตึงที่กล้ามเนื้อจึงไม่เสี่ยงที่จะลงแข่งขัน เพื่อมาสู้ในศึก 4x100 เมตร ปรากฎว่า ไร้เงาของ ภูริพล ลงสนาม โดยให้ "โอ๊ต" ธวัชชัย หีมเอียด ดาวรุ่งวัย 19 ปี ลงเป็นไม้สุดท้ายแทน ซึ่งเหมือนกับการแข่งขันซีเกมส์2023 ที่กัมพูชา
แต่เนื่องจาก "ดราม่าเยอะ" ในโลกใบนี้ ทำให้ สมาคมฯ ต้องรีบออกมาชี้แจงว่าตั้งใจพักบิวเอาไว้เผื่อจะถนอมร่างกายและมั่นใจว่านักกีฬาของเราดีพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบชิงได้แม้จะไม่มีบิวลงสนามก็ตาม
ซึ่งไทยวางไม้แรกเป็น "ไฟเตอร์" ณฐวรรธ เอี่ยมอุดม, ไม้ที่ 2 "ต้า" สรอรรถ ดาบบัง, ไม้ ที่3 "เฉาก๊วย" ชยุตม์ คงประสิทธิ์ และไม้ที่ 4 "โอ๊ต" ธวัชชัย หีมเอียด ปรากฎว่า ไทยเกิดปัญหาการส่งไม้พลาดในจังหวะ สรอรรถ ไปให้กับ ชยุตม์ ทำให้ตกไปอยู่เกือบอันดับบ๊วย แต่ ชยุตม์ เร่งเครื่องเต็มพิกัด แล้วส่งให้ ธวัชชัย โกยอ้าวจนทีมได้อันดับ 4 ด้้วยสถิติ 39.57 วินาที
ประเด็นคือ เมื่อตอนซีเกมส์ ไทยเคยปรับแผนแบบนี้ โดยเลือก โอ๊ต ลงมาแทน บิว ที่เจ็บ แต่ใช้สลับไม้ ไปเป็นไม้ 1 ก่อนจะได้เหรียญเงิน
ซึ่งอันดับ 1 ในฮีทที่ 1 เป็นของ จีน ทำได้้ 38.62 วินาที เป็นสถิติดีที่สุดปีนี้ เช่นเดียวกับอันดับ 2 เกาหลีใต้ 38.75 วินาที ดีที่สุดในปีนี้เช่นกัน และอันดับ 3 มาเลเซีย 39.40 วินาที เป็นสถิติดีที่สุดของประเทศ
จากนั้นไทยต้องมานั่งลุ้น การคัดเลือกในฮีทที่ 2 ซึ่ง ญี่ปุ่น เข้าที่ 1 เวลา 38.99 วินาที กอดคอเข้ารอบแบบอัตโนมัติกับอันดับ 2 อินโดนีเซีย 39.56 วินาที และอันดับ 3 สิงคโปร์ 39.70 วินาที
หลังวัดสถิติเรียบร้อย ไทย เราสามารถเข้ารอบได้ในฐานะ 2 ทีมที่มีสถิติดีที่สุดที่ไม่ติดท็อป 3 ในแต่ละฮีท โดยมีสถิติเป็นลำดับที่ 6 เข้ารอบมากับ ไชนีส ไทเป
สำหรับรอบชิงชนะเลิศ จะแข่งขันวันอังคารที่ 3 ตุลาคมนี้ ทีมชาติไทย ลุ้นอาการบาดเจ็บของ บิว ว่าจะคัมแบ๊กกลับทันเวลาหรือไม่ โดย ไทยเรา จะอยู่ในลู่วิ่งที่ 2 , ไทเป ลู่ 3, มาเลเซีย ลู่ 4, อินโดนีเซีย ลู่ 5, เกาหลีใต้ ลู่ 6, ญี่ปุ่น ลู่ 7, จีน ลู่ 8 และสิงคโปร์ ลู่ 9 โดยจะแข่งขันเวลา 20.25 น.ถ่ายทอดสดทาง พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 และ AIS Play
ทั้งนี้ ไทย เคยได้เหรียญทองจากวิ่งผลัด 4x100 เมตร ชาย เอเชียนเกมส์ มาแล้ว 5 สมัย ประกอบด้วย ปี 1970, 1974, 1978, 2002 และ 2006
เหรียญเงิน 2 สมัย 1982 กับ 1998 และเหรียญทองแดง 1 สมัย ปี 2010 ซึ่งเป็นเหรียญล่าสุดที่เราทำได้จากอีเวนต์นี้อีกด้วย
หน้าที่กองเชียร์ก็เชียร์กันเถอะครับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ส่วนใครจะลงแข่งขันหรือไม่ลงแข่งขัน ก็นั่นแหล่ะ มันอยู่ที่ความสมบูรณ์ของหมู่แมกไม้ และความเห็นของทีมงานที่ใกล้ชิดเป็นหลักใหญ่
เด็กไทยเลือดไทยด้วยกันทั้้งนั้นแหล่ะ!!!!
บี แหลมสิงห์
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี