พิลังกาสา เป็นไม้พุ่มทนเค็ม สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่ 3 น้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำจืด น้ำเค็ม และน้ำกร่อยปลูกง่าย มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบกระจายพันธุ์อยู่ทั่วไปตั้งแต่หมู่เกาะริวกิวของประเทศญี่ปุ่น และกระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงอินเดียภาคใต้
พิลังกาสา มีชื่อวิทยาศาสตร์ Ardisia polycephala Wall. ex A.DC. อยู่ในวงศ์ Myrsinaceae มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ที่เรียกกัน เช่น ผักจำ ผักจ้ำแดง (เชียงใหม่, เชียงราย) ตีนจำ (เลย) ลังพิสา (ตราด) ทุรังกาสา (ชุมพร) ราม (สงขลา) ปือนา (มลายู-นราธิวาส)พิลังกาสา (ทั่วไป) จิงจ้ำจ้ำก้อง มะจ้ำใหญ่ ตาปลาราม ตาเป็ด ทุกังสา มาตาอาแย
ต้นพิลังกาสาจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม มีความสูงของต้นประมาณ 2-3 เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกรอบต้น แต่ไม่มากนัก สามารถขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด การตอนกิ่ง ชอบดินทรายหรือดินเหนียว แต่ไม่ชอบดินแฉะ โดยจะพบพรรณไม้ชนิดนี้ได้ตามป่าราบและมีประปรายอยู่ทั่วไป และสามารถพบได้ตามป่าโปร่ง ป่าดิบเขาทั่วไป ที่ราบสูง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นคู่ๆ ตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบไม่มีหยัก แผ่นใบเป็นสีเขียวมัน มีลักษณะหนาและใหญ่ ส่วนยอดอ่อนเป็นสีแดง และยังมีลักษณะพิเศษอีกคือ มีต่อมขับเกลือ ดอกพิลังกาสาออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือตามส่วนของยอด ดอกของเขามีสีชมพูอมขาว หรือสีขาวแกมชมพู เมื่อดอกบานเต็มที่ลักษณะคล้ายรูปดาวมี 5 แฉก ผลมีลักษณะกลมโต มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ออกผลเป็นกระจุกมีก้านช่อยาวห้อยย้อยลง และก้านผลยาวเรียงสลับรอบก้านช่อ ผลอ่อนเป็นสีแดง เมื่อแก่หรือสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ
พิลังกาสาจัดได้ว่าเป็นพืชที่มีประโยชน์หลากหลายด้านนอกจากจะให้ร่มเงา ให้ออกซิเจน ให้ความชุ่มชื่นแก่สิ่งแวดล้อมแล้ว ยังมีสรรพคุณทางยาและสามารถนำมาประกอบอาหารได้อีกด้วย ส่วนใหญ่นิยมนำใบพิลังกาสามาปรุงเป็นอาหารรับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ ได้หลากหลายเมนู โดยนิยมรับประทานยอดอ่อนซึ่งมีรสชาติฝาดอ่อนๆ มันเล็กน้อย ผลอ่อนก็สามารถรับประทานได้ เช่น นำมาทำส้มตำ ส่วนผลสุกจะมีรสชาติฝาด หวาน เปรี้ยวเล็กน้อย นำมาต้มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรได้และดีต่อสุขภาพ
นอกจากนี้พิลังกาสายังเป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกว่า “พระพุทธเจ้าอนุญาตให้พระสงฆ์ใช้เพื่อบำบัดรักษาอาการอาภาส”
พิลังกาสา จัดเป็นหนึ่งในสมุนไพรจำพวกผลไม้ เช่นเดียวกับมะขามป้อม พริก ดีปรี สมอไทย สมอพิเภก มีงานวิจัยพบว่า ผลสุกของพิลังกาสานั้นมีมีสารแอนโทไซยานิน
สารประกอบฟีนอลิก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระไปทำลายเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดในสมองอุดตัน ใบแก่สามารถนำไปทำเป็นชาดื่มได้ ส่วนใบแก่จัดๆ สามารถนำไปทำสีย้อมผ้าได้อีกด้วย
ท่านที่สนใจสามารถเยี่ยมชม “พิลังกาสา” ได้ที่ สถานีวิจัยลำตะคอง วว. จังหวัดนครราชสีมา ภายในอาคารเฉลิมพระเกียรติ (เรือนกระจกหลังที่ 1) เลขที่ 333 หมู่ 12 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 โทร. 044-390107
สถานีวิจัยลำตะคอง
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี