การแข่งขันฟุตบอลอุ่นเครื่อง ฟีฟ่าเดย์ ทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทยจะบุกไปเยือน ทีมชาติเอสโตเนีย ที่สนามอา เลอ ค็อก อารีน่า เมืองทาลลินน์ ประเทศเอสโตเนีย ในวันอังคารที่ 17 ตุลาคมนี้ เวลา 23.00 น. ช่องไทยรัฐทีวี 32 ถ่ายทอดสด

ทัพ “ช้างศึก” แมทช์ที่แล้วประเดิมทัวร์ยุโรปอย่างอัปยศหลังบุกไปพ่ายจอร์เจีย 0-8 เกมนี้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือของทีมจะไม่เสี่ยงเล่นเกมเปิดใช้หลัง 3 เหมือนนัดแรก และจะปรับมาเล่นในระบบ 4-3-3 อาศัยจังหวะโต้กลับลุ้นเอาประตูคืนบ้างโดยผู้รักษาประตู กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ที่ซูเปอร์เซฟ 14 ครั้งในเกมที่แล้วจะยืนเฝ้าเสาต่อไป ส่วนแกนหลักรายอื่นทั้ง กฤษดา กาแมน, วีระเทพ ป้อมพันธ์, บดินทร์ ผาลา, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย จะยังพร้อมลงสนามทั้งหมด

รายชื่อ 11 ตัวจริงทีมชาติไทย ที่คาดว่าจะลงสนาม (4-3-3) : กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล (ผู้รักษาประตู), ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์,เอเลียส ดอเลาะ, กฤษดา กาแมน, ทริสตอง โด, วีระเทพ ป้อมพันธ์,บดินทร์ ผาลา, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, ชาญณรงค์ พรหมศรีแก้ว,จักรกฤษณ์ ลาภตระกูล และธีรศักดิ์ เผยพิมาย

ทางฝั่งเจ้าถิ่น ทัพ “สิงโตน้ำเงิน” ที่เพิ่งเล่นยูโร 2024 รอบคัดเลือก ด้วยการพ่าย อาเซอร์ไบจาน 0-2 และไม่ชนะใคร จาก 7 เกมหลังสุด และแพ้ไปถึง 6 นัด เกมนี้ โธมัส ฮาเบอร์ลี กุนซือของทีม จะมีการปรับทัพพักตัวหลักหลายรายและให้โอกาสผู้เล่นสำรองลงไปสัมผัสเกมบ้าง อาทิ มาร์ติน มิลเลอร์, จอร์จี้ ตุนยอฟ และ อเล็กซ์ มัทธิอัส แทมม์ กองหน้าคาลจู เอฟซี ที่ซัดไป 6 ประตูในลีกเอสโตเนีย แต่จะยังให้ เซอร์เก เซนยอฟ แนวรุกตัวเก๋าที่เล่นทีมชาติมา 109 นัดลงสนามเป็นแกนหลักต่อไป

สำหรับสถิติที่พบกันคู่นี้ปรากฏว่า ทั้งคู่เคยพบกันมา 2 ครั้ง ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 31 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2000 ทีมชาติไทย ชนะ เอสโตเนีย 2-1 ซึ่งสุดท้าย ทีมชาติไทย ก็เข้ารอบชิงชนะเลิศ ไปถลุง ทีมชาติฟินแลนด์ 5-1 คว้าแชมป์ในครั้งนั้นไปครอง ส่วนอีกครั้งเป็น คิงส์คัพ ครั้งที่ 35 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ปี 2004 เสมอกัน 0-0 ในเวลา 90 นาที ก่อนดวลจุดโทษ ทีมชาติไทย ชนะ เอสโตเนีย 4-3 เข้ารอบชิงชนะเลิศไปพบ ทีมชาติสโลวาเกีย ก่อนเสมอ 1-1 และดวลจุดโทษแพ้ 4-5 ได้รองแชมป์