การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คัมแบ๊กกลับมาอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นโปรแกรมทีมชาติ เปิดหัวด้วยเกมบิ๊กแมทช์ที่หลายคนรอคอย มีเดิมพันคือตำแหน่งจ่าฝูง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะเปิดเอติฮัต สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ในเวลา 19.30 น.
เจ้าถิ่นนำจ่าฝูงในเวลานี้ก่อนพักเบรกทีมชาติบุกไปเสมอกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี แบบสุดมันส์ 4-4 เกมนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ ที่บาดเจ็บ รวมไปถึง มาเตโอ โควาซิซ, จอห์น สโตนส์ และเซร์คิโอ้ โกเมซ ที่ต้องรอทดสอบความฟิตคือ เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ ดาวซัลโวของลีก ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อยจากเกมทีมชาติ นอกนั้นไม่น่ามีปัญหาอะไร
“เป๊ปทีม” จะมาในระบบ 4-2-3-1 เดี๋ยวค่อยไปปรับกันหน้างาน โรดรี้ คุมแดนกลาง ร่วมคนที่น่าจะดันขึ้นมาเล่นด้วยคาดว่าน่าจะเป็น มานูเอล อคานจี ปล่อยให้ แบร์นาร์โด้ ซิลวา มีอิสระในเกมเชื่อมเกมรุกกับ ฟิล โฟเด้น, ฮูเลี่ยน อัลบาเรซ และเฌเรมี่ โดกู
ฝั่งผู้มาเยือน ลิเวอร์พูล ปลดล็อกก่อนพักเบรกทีมชาติด้วยการถล่ม “ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด 3-0 เกมนี้ยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน ธีอาโก้ อัลคันทาร่า, แอนดรูว์โรเบิร์ตสัน และสเตฟาน บายเซติช ที่บาดเจ็บ ในรายของ เคอร์ติช โจนส์, โจ โกเมซ, อิบราฮิม่า โกนาเต้ และไรอัน กราเฟ่นเบิร์ช รอทดสอบความฟิต
ในเกมรับ คอนสแตนตินอส ซิมิกาส ที่กลับมารวมทีมเร็วกว่ากำหนด น่าจะฟิตเต็มถังประจำการแบ๊กซ้าย แดนกลาง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ฟอร์มดีจากเกมทีมชาติ มีลุ้นสอดแทรกหาก กราเฟนเบิร์ช ไม่ฟิต โดยจะคุมจังหวะร่วมกับ อเล็กซิสแม็คอัลลิสเตอร์ และโดมินิค โซโบสไล สามแนวรุกใช้ โมฮาเหม็ดซาลาห์ ประสานงานกับ ดาร์วิน นูนเญซ และดีโอโก้ โชต้า
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 5 เกมหลังสุด ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ส่วน แมนฯซิตี้ ชนะ 2
สกอร์ที่คาด : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-2 ลิเวอร์พูล
ขณะที่ คู่เวลา 22.00 น. “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ที่กำลังเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานจะเปิดบ้านดวลกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี ที่เพิ่งเสมอกับ แมนฯซิตี้ มาอย่างดุเดือด โดยเจ้าถิ่น ยังมีเรื่องให้ปวดหัวอย่างต่อเนื่องกับปัญหานักเตะบาดเจ็บไม่มี ฮาร์วีย์บาร์นส์, สเวน บ็อตมัน, เอเลียตต์ แอนเดอร์สัน, เจค็อบ เมอร์ฟีย์, แดน เบิร์น และคัลลั่ม วิลสัน แต่ยังมีข่าวดีเมื่อ อเล็กซานเดอร์อีซัค หัวหอกร่างโย่งหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาแล้ว
ฝั่งทีมเยือน เชลซี ที่ยกระดับการเล่นทำผลงานได้ดีขึ้นก่อนพักเบรกเสมอกับ แมนฯซิตี้ 4-4 ทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เริ่มอยู่ในทิศทางบวกเมื่อบรรดานักเตะที่บาดเจ็บทยอยกลับมา ทั้งเลวาย โคลวิลล์ และมาโล่ กุสโต้ ส่วน คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู และโรมิโอ ลาเวีย ที่ยังไม่ได้ลงสนามกับทีม ทีมจัดระบบ 4-2-3-1 มอยเซส ไคเซโด้ คุมแดนกลางร่วมกับ เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ แผงเกมรุกใช้ โคล พาลเมอร์ ประสานงานกับ คอนอร์ กัลลาเกอร์ และราฮีม สเตอร์ลิ่ง โดยมี นิโคลัส แจ็คสัน ยืนหน้าเป้า
สกอร์ที่คาด : นิวคาสเซิ่ล 1-1 เชลซี
อีกคู่ เวลา : 00.30 น. “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล จะออกไปเยือน“ผึ้งน้อย” เบรนท์ฟอร์ด ในเวลา 00.30น. หาก อาร์เซน่อล ชนะ และหากเกมคู่ แมนฯซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล เสมอกันพวกเขาจะขึ้นจ่าฝูง
เจ้าถิ่นยังคงหมดสิทธิ์ใช้งาน แอรอน ฮิคกี้, ริโก้ เฮนรี่, เควิน ชาเดอ, จอช ดาซิลวา และมิคเคล ดามสการ์ด ที่บาดเจ็บ ส่วนอีวาน โตนีย์ ยังต้องชดชัยโทษแบนฐานเล่นการพนันต่อไปจนถึงช่วงปีใหม่ นอกนั้นถือว่าพร้อมลงสนาม ดวลกับทีมเยือน ที่หมดสิทธิ์ใช้งาน ฟาบิโอ วิเอร่า มิดฟิลด์ที่ติดโทษแบนจากใบแดง รวมถึงเยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์, โธมัส ปาร์เตย์ และเอมิล สมิธ โรว์ ยังเดี้ยงอยู่ ขณะที่ เบน ไวท์ รอเช็คความฟิต
สกอร์ที่คาด : เบรนท์ฟอร์ด 1-2 อาร์เซน่อล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี