วันที่4ธันวาคม2566ที่ห้องบอลรูมซาลอนบีชั้น2โรงแรมสวิสโซเทล รัชดาภิเษก มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวทีม
โดยมาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ เตรียมเดินทางไปยื่นใบสมัครนายกสมาคมกีฬาฟุตบอล แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ทำการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2566
ขณะที่ การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567มาดามแป้งจะลาออกประธานการท่าเรือ เอฟ.ซี. ในเกมสุดท้ายของเลกแรก วันที่ 25 ธันวาคม2566 นี้หลังจากนั้นมาดามแแป้งน่าจะมอบตำแหน่งประธานสโมสรการท่าเรือเอฟซีให้แก่ธิดาสาวคือน้องปราง นวลวรรณ ล่ำซำรองประธานสโมสรน่าจะเหมาะสมที่สุด น้องปรางเผยว่า ปรางชอบรับฟังปัญหาและเป็นที่ปรึกษาให้คนอื่น ชอบคุยแบบเปิดใจในเรื่องของความรู้สึกลึกๆที่อยู่ข้างในใจเขา
เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ไม่ชอบคุยผ่านๆหรือคุยขำๆตลกๆกันไปยิ่งถ้าสนิทด้วยแล้ว ปรางจะค่อนข้างเปิดใจให้ใครคนนั้น จึงรู้สึกว่าถ้านี่คือสิ่งที่ชอบ ซึ่งก็คือเรื่องของจิตวิทยา เป็นสิ่งที่จับต้องได้มีตำราที่อ่านแล้วอธิบายหลายอย่างที่เราสนใจ เพราะปรางเชื่อว่าถ้าเราเข้าใจตัวเองก็จะเข้าใจคนอื่นเข้าใจปัญหาและเหตุผลที่เขาทำอะไรต่างๆได้ง่ายขึ้น
ปรางเรียนจบคณะจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยเรียนที่จุฬาสองปีครึ่ง ส่วนอีกปีครึ่งเรียนที่ออสเตรเลีย การใช้ชีวิตที่ออสเตรเลียค่อนข้างมีอิสระ แต่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองเริ่มตั้งแต่ หาอพาร์ตเมนต์ ซักผ้า ทำอาหาร เป็นการฝึกดูแลตัวเอง เพราะปกติไม่เคยต้องทำ ตั้งแต่เกิดมาปรางไม่เคยทำอาหารทานเองเลย จึงทำไม่เป็น แต่ก็อยากลอง จึงเลือกเมนูง่ายๆ พวกสเต๊กแซลมอน ซื้อปลาจากซูเปอร์มาร์เก็ตมาย่างง่าย ๆ แค่นี้
แต่พอทานแล้วรู้สึกว่าอร่อยมาก อาจเพราะเราทำเอง จึงรู้สึกภูมิใจ ทานจนหมดเลยด้วย ทั้งที่ปกติทานอะไรไม่ค่อยหมดจาน กลายเป็นมุมมองใหม่ๆ ที่มีคุณค่ากับชีวิตปรางเป็นลูกคนเดียว พอไปอยู่ที่นั่นกับเพื่อนสนิทที่ต้องเจอหน้ากันตลอดเวลา เช้าสายบ่ายเย็น เหมือนเป็นคู่แต่งงานเลย ทำให้ต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกันต้องรู้จักที่จะใจเย็น บางครั้งกลับบ้านไม่พร้อมกัน คนนี้รอคนนั้น อีกคนออกไปเรียนช้า ซึ่งถ้าจะเริ่มทะเลาะหรือเริ่มรู้สึกไม่ดี ต้องรีบเยียวยาทันที ไม่อย่างนั้นคงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทั้งหมดนี้ทำให้ปรางได้ฝึกความอดทน รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่น และยิ่งสนิทยิ่งต้องเกรงใจกัน คือเหมือนเราโตที่ผ่านมาอาจมีคนรู้ว่าปรางเป็นลูกแม่แป้ง แต่ก็ไม่ได้มีใครตีตราว่าเป็นลูกแม่แป้งต้องเก่งเหมือนแม่นะ
ถ้ามีคนพูดกับปรางแบบนั้น ปรางจะตอบขอบคุณเขา เพราะเราก็เป็นตัวของเราเอง และเราก็มีดีในแบบของเราเองด้วย หรือถ้าวันหนึ่งต้องรับช่วงงานต่อจากคุณแม่ ปรางก็ไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ยอมรับว่าคุณแม่เป็นคนเก่ง แต่ถามว่าเราจำเป็นต้องเก่งเท่าท่านไหม ในความคิดปรางคือ ถ้าเก่งเท่าคุณแม่ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่รู้สึกเครียดอะไร เพราะเรารู้ลิมิตตัวเอง ขอแค่ทำทุกอย่างให้เต็มที่ที่สุดก็พอใจแล้ว
ส่วนฟุตบอลหากมีหน้าที่ก็พร้อมทำงานคะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี