“สะแกราช” ได้รับการรับรองจากองค์กรยูเนสโกให้เป็น แหล่งสงวนชีวมณฑลของโลก ตั้งอยู่ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ภายใต้การควบคุมดูแลของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว.) รัฐวิสาหกิจในสังกัด กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์เลื้อยคลาน ซึ่งล้วนแต่เป็นสัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์
สำหรับบทความนี้จะขอกล่าวถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดหนึ่งในระบบนิเวศของป่าสะแกราช ที่มักออกหากินในเวลากลางคืน กินอาหารได้หลากหลายทั้งพืชและสัตว์ ถือเป็นผู้ที่กระจายเมล็ดพันธุ์พืชและเป็นผู้ควบคุมประชากรสัตว์เล็กๆ เช่น หนู กบ กิ้งก่า ฯลฯ ใช่แล้ว ! กำลังกล่าวถึงสัตว์กลุ่มชะมดและอีเห็น (Viverrids) จำนวน 5 ชนิด ในผืนป่าแห่งนี้ ท่านผู้อ่านไปทำความรู้จักพร้อมๆ กันเลยค่ะ
1.ชะมดแผงหางปล้อง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Viverra zibetha ภาคอีสานเรียกว่า เหง็นแผงหางก่าน เป็นชะมดที่มีขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ความยาวหัวและลำตัว 75-85 เซนติเมตร หางยาว 38-46 เซนติเมตร น้ำหนัก 8-9 กิโลกรัม มีลำตัวสีเทาค่อนข้างดำ มีลายสีดำข้างลำตัวข้างลำคอมีเส้นสีดำสามแถบพาดผ่านในแนวขวาง มีจุดเด่น คือ ส่วนหางมีลายสีดำสลับกับขาวเป็นปล้องๆ 5-6 ปล้อง มีขนสีดำสนิทพาดตั้งแต่กึ่งกลางหลังจนถึงโคนหาง เท้ามีสีดำ ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย พบบริเวณป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง จากการสำรวจในป่าสะแกราชเคยพบเดินอยู่ตามถนนใกล้ทางแยกในป่าดิบแล้งออกหากินตั้งแต่หัวค่ำจนถึงกลางดึก ชอบหากินบนพื้นดินมากกว่าบนต้นไม้ กินอาหารได้หลากหลายประเภท อาทิ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก นก สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบน ปลา ปู หอยทาก แมลง รวมถึงผลไม้บางชนิด
2.ชะมดเช็ด มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Viverricula indica จัดเป็นชะมดขนาดเล็ก ความยาวหัวและลำตัว 54-63 เซนติเมตร หางยาว 30-43 เซนติเมตร น้ำหนัก 2-4 กิโลกรัม ขาสั้น หูทั้งสองข้างอยู่ใกล้กัน ลำตัวมีสีน้ำตาลเหลือง และมีจุดสีดำขนาดเล็กแทรกอยู่ทั่วไปตามลำตัว มีแถบสีดำและขาวบริเวณลำคอ หางมีวงสีดำ 6-9 ปล้องพาดขวางอยู่ ทำให้ดูมีลักษณะเป็นปล้องสีดำ ไม่มีขนแผงสันหลัง ปลายหางมีสีขาว มีต่อมกลิ่นบริเวณก้น พบบริเวณระบบนิเวศทุ่งหญ้าโล่ง ป่าละเมาะ ในป่าสะแกราชพบบริเวณทุ่งหญ้าตีนเขาด้านทิศตะวันตก ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง เป็นสัตว์รักสันโดษ หากินเพียงลำพัง พบเป็นคู่เฉพาะในฤดูผสมพันธุ์เท่านั้น อาหารได้แก่ นก จิ้งจก ตุ๊กแก แมลง ผลไม้สุก และรากไม้ต่างๆ
3. อีเห็นข้างลาย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Paradoxurus hermaphroditus เป็นอีเห็นขนาดเล็ก ความยาวหัว-ลำตัว 43-71 เซนติเมตร หางยาว 40-66เซนติเมตร น้ำหนัก 2-5 กิโลกรัม สีขนตามลำตัวเป็นสีเทาเข้มจนเกือบดำ บริเวณใบหน้า รอบจมูก ใบหู ขา และหางมีสีดำ หน้าผากสีขาว หลังมีจุดเล็กๆ สีดำเรียงตัวเป็นแนวยาว 3 เส้น จากไหล่ถึงโคนหาง หางมีความยาวพอๆ กับลำตัว ขนปลายหางบางตัวอาจมีสีขาว มีต่อมน้ำมันและจะส่งกลิ่นออกมาเมื่อเวลาตกใจ ซึ่งต่อมน้ำมันนี้จะแตกต่างจากชะมดหรืออีเห็นชนิดอื่นๆ อาศัยได้อยู่ในสภาพพื้นที่ที่หลากหลาย แต่จะอาศัยอยู่บนต้นไม้มากกว่าพื้นดิน ในป่าสะแกราชมักพบเห็นอยู่ในโพรงต้นไม้หรือตามซอกง่ามกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ออกหากินเวลากลางคืน กินอาหารได้หลากหลายประเภทตั้งแต่ ผลไม้สุก แมลง นกเล็กๆ สัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก รวมถึงซากสัตว์
4.อีเห็นหน้าขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Arctogalidia trivirgata เป็นสัตว์จำพวกชะมดและอีเห็น แต่มีขนาดเล็กกว่าความยาวลำตัวและหัว 50-76 เซนติเมตร หางยาว 50-64 เซนติเมตร น้ำหนัก 3-5 กิโลกรัม มีสีขนที่แตกต่างหลากหลายออกไป ในบางตัวอาจมีสีน้ำตาลแดง บางตัวเป็นสีน้ำตาลดำ ไม่มีจุดหรือลายตามลำตัว รอบๆขอบตามีสีเข้ม บริเวณแก้มและหน้าผากสีขาวนวลคล้ายใส่หน้ากาก หลังหูและหลังคอมีสีเข้ม หางยาว มีต่อมกลิ่นที่โคนหาง ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียเล็กน้อย พบได้
ที่บริเวณป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ในป่าสะแกราชสามารถพบได้ทั่วไป ส่วนใหญ่หากินบนต้นไม้ในเวลากลางคืน อาหารเป็นพวกผลไม้สุก เช่น ไทร ยอป่า เป็นต้น
5.หมีขอ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Arctictis binturong ภาคอีสาน เรียกว่า เหง็นหางขอ, เหง็นหมี เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม แม้จะมีหน้าตาคล้ายหมีจนได้ชื่อว่าหมี แต่ถือเป็นสัตว์จำพวกชะมดและอีเห็นที่ใหญ่ที่สุด ความยาวหัวและลำตัว 61-96.5 เซนติเมตร หางยาว 50-84 เซนติเมตร น้ำหนัก 9-20 กิโลกรัม มีขนสีดำตามลำตัวซึ่งค่อนข้างยาวและหยาบ สีขนบริเวณหัวอาจมีสีเทา มีใบหูกลม ขอบหูมีสีขาว บริเวณหลังใบหูมีขนค่อนข้างยาวยื่นออกมาเป็นกระจุก มีหางยาวเป็นพวงคล้ายกระรอก ซึ่งสามารถม้วนงอได้และสามารถใช้เกาะเกี่ยวต้นไม้ได้เป็นอย่างดี หมีขอตัวเมียมีเต้านม 2 คู่ พบบริเวณป่าดิบแล้ง ถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ ในป่าสะแกราชพบร่องรอยปีนต้นไม้บริเวณลำธารห้วยแปะใกล้กับเพิงหินเขียว หากินในเวลากลางคืน ส่วนเวลากลางวันจะอาศัยโพรงไม้เป็นที่หลับนอน อาหารได้แก่ ลูกไม้สุกแมลง สัตว์ขนาดเล็กอื่นๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก :
หนังสือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในป่าสะแกราช
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี