วงการฟุตบอลอังกฤษ ไปไม่ถึงดวงดาวในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2023-24 หลังจากการชิงถ้วยบิ๊กเอียร์ของสองทีมดังนั่นคือ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์เก่า ที่ลุ้นเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ กวาด 3 ถ้วยสองปีซ้อน กับ “ปืนใหญ่”อาร์เซน่อล ที่หวังลุ้นแชมป์สมัยนี้เป็นหนแรก ต้องกระเด็นตกรอบไปทั้งคู่ ยุติเส้นทางในดวลแข้งไว้เพียงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเท่านั้น
ฟากฝั่งของ “เรือใบสีฟ้า” หมดความหวังลุ้นแชมป์ยุโรป 2 สมัยซ้อน เมื่อเสมอกับ เรอัล มาดริด จากสเปน 1-1 โดยที่อาคันตุกะจากแดนกระทิงนำก่อนตั้งแต่ 12 นาทีแรกจากโรดรีโก้ ก่อนที่ เควิน เดอ บรอยน์ แม่ทัพคนสำคัญจะซัดตีเสมอนาทีที่ 76 ทำให้สกอร์รวม 2 นัด เสมอกัน 4-4 ยืดเยื้อถึงต่อเวลา และยิงจุดโทษ ก่อนที่ เรอัล มาดริด จะชนะดวลเป้า 4-3
ซิตี้ครองบอล 67% มีโอกาสยิงถึง 33 ครั้ง เตะมุมอีก18 หนแต่เปลี่ยนมาได้แค่ประตูเดียวเท่านั้น ซึ่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่าผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กล่าวว่า เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ดาราซัลโวประจำทีม และเควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมกเกอร์ตัวฉกาจ ต่างขอเปลี่ยนตัวออกจากสนาม
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้น หลังจากมีการเปลี่ยนตัวทั้งสองคนออกไป ซึ่ง เป๊ป ยืนยันว่า ทั้งสองคนได้ขอออกจากสนามด้วยตัวเอง เพราะไม่สามารถจะเล่นต่อได้อีก
ฮาลันด์ ถูกแทนที่โดย ฆูเลี่ยน อัลวาเรซ ขณะที่ เดอ บรอยน์ออกจากสนามนาทีที่ 112 ซึ่ง โควาซิซ ลงมาแล้วยิงไปติดเซฟของ อังเดร ลูนิน นายประตูเรอัล ในช่วงการดวลจุดโทษ
แต่ เป๊ป นายใหญ่ซิตี้ ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ โควาซิช รวมไปถึง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ที่ขอยิงจุดโทษแต่พลาด
“โยฮัน ครัฟฟ์(กุนซือบาร์ซ่า สมัย เป๊ป เป็นนักเตะแชมป์ถ้วยนี้ปี’92) เคยสอนและบอกว่าโชคไม่มีอยู่จริง ผมเห็นด้วยกับเขา” กวาร์ดิโอล่า กล่าว “แพ้แบบนี้มันเจ็บ เรารู้สึกแย่แต่เราก็ทำทุกอย่าง เราไม่เสียใจกับสิ่งที่เราทำลงไป”
“เราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกตำแหน่ง ผมใช้คำนี้ได้เลย แต่น่าเสียดายที่เราไม่ชนะ” เขากล่าว “คุณหวังว่า เราจะสร้างสรรค์ผลงานได้ดีกว่านี้ มีโอกาสยิงมากขึ้น ได้ประตูมากขึ้น หรือว่าเสียประตูให้มันน้อยลง หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันจะช่วยให้คุณชนะ แต่ผมบอกเลยว่าเราไม่ได้เปลี่ยนโอกาสที่เรามี แค่นั้น”
“ในการเอาชนะเรอัล มาดริด คุณต้องทำให้ดีที่สุด เราทำได้ดีที่สุดแล้ว แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ คุณต้องพิเศษอย่างที่สุดอีกด้วย”
ทางด้าน “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล บุกไปแพ้ “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ทื่เยอรมนี 0-1 จากประตูชัยของ โยชัว คิมมิช นาทีที่ 63 ทำให้ บาเยิร์นฯ ชนะด้วยสกอร์รวม 3-2
โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือที่จะแยกทางกับ บาเยิร์นฯ เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล พาทีมเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ กับ 3 สโมสรที่แตกต่างกันออกไปนั่นคือ ปารีส-แซงต์ แชร์กแมง ปี 2020 ก่อนเป็นรองแชมป์, เชลซี ปี 2021 พร้อมกับคว้าแชมป์ และตอนนี้กับ บาเยิร์น มิวนิค เป็นการทิ้งทวน
“มันเป็นเกมหมากรุกในครึ่งแรก ไม่มีใครอยากทำผิดพลาดหรือเพลี่ยงพล้ำก่อน” ทูเคิ่ลกล่าว “เราสนับสนุนให้ทีมในช่วงพักครึ่ง ให้ทุกคนแสดงบุคลิกที่แท้จริงของแต่ละคนให้มากขึ้น ให้มีความกล้าหาญมากขึ้น จากนั้นเราก็เล่นได้คล่องตัวมากขึ้นและเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในครึ่งหลัง เราสมควรได้รับชัยชนะ”
ฝั่งของ มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีมอาร์เซน่อล ที่แพ้สองเกมรวดทั้งในลีก และยูซีแอล โดยยิงไม่ได้เลย กล่าวว่า ผมหวังว่าตัวผมเองจะมีคำพูดที่เหมาะสมที่จะพูดกับผู้เล่นเพื่อทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้น
“สิ่งที่ผมจะทำ และทีมงานผู้ฝึกสอนทุกคนด้วยต้องทำไปพร้อมกันก็คือ การใกล้ชิดกับผู้เล่นให้มากที่สุด” อาร์เตต้า กล่าว “ผมรู้สึกขอบคุณมากที่ได้เป็นโค้ช และทำงานร่วมกับพวกเขาทุกวัน เราต้องผ่านความเจ็บปวดในคืนนี้ และตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้และกลับมาด้วยทัศนคติแบบเดียวกับที่เรามีที่นี่”
ในรอบรองชนะเลิศ ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี) พบกับ เปแอสเช (ฝรั่งเศส) และ บาเยิร์นฯ (เยอรมนี) VS เรอัล มาดริด (สเปน) เลกแรก : 30 เมษายน/ 1 พฤษภาคม เลกสอง : 7-8 พฤษภาคมนี้
เท่ากับว่า นัดชิงชนะเลิศปีนี้ที่กำหนดการจะเตะกันที่เวมบลี่ย์ จะไม่มีทีมจากเกาะอังกฤษ ลงชิงแชมป์ในบ้านตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ เวมบลีย์ เอ็มไพรพูล และนิว เวมบลี่ย์ เคยจัดนัดชิงฯบิ๊กเอียร์ รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง และมีทีมจากอังกฤษเข้าชิง 3 ครั้ง ได้แชมป์ไป 2 ทีมนั่นคือ “ปีศาจแดง”แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปี 1968 ครองแชมป์สมัยแรกได้สำเร็จ ด้วยการต่อเวลาเชือด เบนฟิก้า จากโปรตุเกส 4-1 ขณะที่อีกทีมคือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่คว่ำ คลับ บรูกก์ จากเบลเยียม 1-0 ครองแชมป์สมัยที่ 2 ส่วนทีมเดียวที่แพ้คาเวมบลี่ย์คือ แมนยูฯ ปี 2011 ซึ่งครั้งนั้นพ่าย บาร์ซ่า ยุคของ ลีโอเนล เมสซี่ 1-3
สถิติชิงแชมเปี้ยนส์ลีกที่เวมบลีย์
1963 เอซี มิลาน(อิตาลี) ชนะ เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 2-1
1968 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) ชนะ เบนฟิก้า (โปรตุเกส) 4-1ต่อเวลา
1971 อาแจ๊กซ์ฯ (เนเเธอร์แลนด์) ชนะ พานาธิไนกอส (กรีซ) 2-0
1978 ลิเวอร์พูล (อังกฤษ) ชนะ คลับ บรูกก์ (เบลเยียม) 1-0
1992 บาร์เซโลน่า (สเปน) ชนะ ซามพ์โดเรีย (อิตาลี) 1-0 ต่อเวลา
2011 บาร์เซโลน่า (สเปน) ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (อังกฤษ) 3-1
2013 บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมนี) ชนะ ดอร์ทมุนด์ (เยอรมนี) 2-1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี