เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยืนยันว่าทีมของเขายังคงอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก หลังคืนฟอร์มบุกไปเอาชนะ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแล่ม 3-1 ที่มหานครลอนดอน อังกฤษ
ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เริ่มตั้งแต่ตกรอบเอฟเอ คัพ ด้วยน้ำมือของทีมคู่อริอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เสีย 3 คะแนนสำคัญ เพราะพ่ายคารังให้กับ คริสตัล พาเลซ และล่าสุดคือการตกรอบยูโรป้า ลีก เมื่อกลางสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล คืนฟอร์มด้วยการบุกไปเอาชนะ ฟูแล่ม 3-1 ได้ประตูจาก เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, ไรอัน กราเฟนแบร์ช และดีโอโก้ โชต้า เก็บเพิ่มเป็น 74 คะแนน มีแต้มเท่าจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล แต่ลูกได้เสียเป็นรอง และนำอันดับ 3 อย่าง แมนฯซิตี้ 1 แต้ม แต่ทีมของ เป๊ป มีเกมในมือมากกว่า 1 นัด
“ฟูแล่ม มักจะสร้างปัญหามากมายให้เราเสมอ ดังนั้น เกมนี้มันจึงเป็นผลงานที่ดีที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม” คล็อปป์ กล่าว “ตลอด 80 นาทีในเกมนี้เราเล่นได้ดีมาก แต่ผมไม่ชอบช่วงเวลา 10 นาทีสุดท้าย ของครึ่งแรก ก็ตอนที่พวกเขาได้ประตูนั่นแหละ แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่เป็นเพราะยังไงผมก็ชอบผลงานของทีมในครึ่งเวลาหลัง”
คล็อปป์กล่าวต่อไปว่า เราแสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเราสามารถทำได้ ครึ่งแรกเราเก็บบอล สร้างสรรค์โอกาสดีๆ และทำประตูได้ และจังหวะอื่นๆ เช่นกัน เกมนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงทีม และเด็กๆ ก็ทำได้ดีจริงๆ แน่นอนว่าเราอยากอยู่ในการแข่งขัน (ลุ้นแชมป์) มันชัดเจนนะ อาร์เซน่อล ชนะเมื่อวาน ส่วน แมนฯซิตี้ ก็มีเกมในมือและก็คงจะชนะ ดังนั้น เราต้องชนะทุกเกมที่เหลือนั่นคือสิ่งสำคัญที่เราพยายามทำให้ได้”
สำหรับเกมนัดต่อไป ลิเวอร์พูล มีคิวลงเล่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดกลางสัปดาห์ด้วยการทำศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ ออกไปเยือน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ในคืนวันพุธที่ 24 เมษายนนี้ 02.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย
ขณะที่ “ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงจะเล่นในวันอังคารนี้ ด้วยการทำศึกดาร์บี้แมทช์กรุงลอนดอน เจอกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี ที่เพิ่งอกหักตกรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ ในเวลา 02.00 น.
คาดว่า มิเกล อาร์เตต้า กุนซือชาวสเปน จะเลือกปรับทัพเล็กน้อยเพื่อรักษาความสดของทีมบดกับ เชลซี ที่ใช้พลังงานไปไม่น้อยเหมือนกันในเกมเตะกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งตัวหลักของ อาร์เซน่อล ยังครบทั้ง บูกาโย่ ซาก้า, มาร์ตินโอเดการ์ด และเดแคลน ไรซ์ ส่วน เชลซี รอเช็คฟิตคู่กลางทั้ง เอ็นโซ่ เฟอร์นานเดซ และมอยเชส ไคเซโด้ ส่วนแนวรุกนั้น นิโกลัส แจ๊คสัน ที่ฝืดสนิท ยั้งคงได้รับโอกาสต่อไป เนื่องจากทีมไม่มีหน้าเป้า โดยมี โคล พาลเมอร์ เป็นจอมทัพ
สกอร์ที่คาด : อาร์เซน่อล ชนะ เชลซี 3-1
ส่วนเกมเอฟเอ คัพ ได้คู่ชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตีตั๋วเข้าชิงด้วยการยิงจุดโทษชนะ โคเวนทรี ซิตี้ จากเดอะ แชมเปี้ยนชิพ 4-2 หลังจากเสมอกันมโหฬาร 3-3 โดย ยูไนเต็ด จะชิงกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่ปรับร่วมเมืองเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และนับเป็นครั้งแรกที่รีแมทช์นัดชิงหน้าเดิมสองปีซ้อนโดยหนแรกคือปี 1885 ระหว่าง แบล็คเบิร์น โรเวอร์สกับ ควีนส์พาร์ค เอฟซี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี