เมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ ครั้งนี้จะเป็นเครื่องเตือนใจทุกคนไปตลอดกาล
ผมเพิ่งดูจบรอบ 2 ไปเมื่อสักครู่นี้ ไม่มีใครถอดใจเลยนะครับทุกคนยังลุยหนัก ทำงานเต็มที่ แต่ผลลัพธ์มันไม่เหมือนเดิม
ถ้านาทีที่ 68 ลูกยิงของ ดิอาซ ไม่พุ่งไปชนเสาช่วงที่ตาม 0-2 ก็ไม่รู้ว่าโชคชะตาจะไปทางไหน แต่นั่นแหล่ะ ชีวิตนี้ถ้ารอคำว่า “ถ้า” ก็ไม่ต้องทำมาหากิน
เอฟเวอร์ตัน ชนะในเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ที่กูดิสัน พาร์ค ครั้งแรกรอบ 14 ปี ด้วยการหักคอ ลิเวอร์พูล 2-0 สามแต้มสำคัญนี้ นอกจากเพิ่มโอกาสอยู่รอดมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการดับความหวังเพื่อนบ้านที่ลุ้นแชมป์อีกด้วย เพราะเหลือแค่ 4 เกมเท่านั้น และตามหลัง อาร์เซน่อล จ่าฝูง 3 แต้ม
คำกล่าวคลาสสิกที่ว่า “You Lost The League At Goodison Park” กลับมาหลอกหลอนฝั่งแดงอีกครั้ง
เอฟเวอร์ตัน หลังจากได้แชมป์เอฟเอ คัพ ปี 1995 และได้โล่คอมมิวนี้ติ้ ชิลด์ นัดเปิดซีซั่น 1995-96 พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสความสำเร็จอะไรอีกเลย
ใกล้เคียงที่สุดคือการได้เข้าชิงเอฟเอ คัพ แต่แพ้ไปเมื่อปี 2009
ฌอน ไดซ์ ทำทุกอย่างชนะในบ้านมา 2 เกมติดด้วยการใส่ชุดวอร์ม แทนที่เสื้อเชิ้ต ทำให้เขาเลือกที่จะทำทุกอย่างแม้ความหล่อลดลง แต่ได้ 3 คะแนน ก็ต้องเอานะ!!!!!
เอฟเวอร์ตัน วนเวียนอยู่แต่ความทุกข์มาโดยตลอดโดยเฉพาะปีนี้ที่มีปัญหาการเงิน, สนามใหม่ก็มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย นำมาซึ่งการโดนตัดคะแนน
แท้ที่จริง เอฟเวอร์ตัน ภาพรวมคือไม่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นแต่อย่างใด หากไม่ถูกตัดแต้มแบบนี้ นั่นหมายว่า พวกเขาสามารถอยู่ได้ดีขึ้นกว่าปีก่อนๆ
แฟนบอลจึงสะใจอย่างที่สุดกับ 3 คะแนนในนัดนี้ นี่คือชัยชนะเหนือคู่ปรับที่กดคอกดบ่ากดไหล่พวกเขามาโดยตลอด เป็นการกำชัยในบ้านตั้งแต่ปี 2010 ลองคิดดูว่า มันควรจะฉลองขนาดไหน
เอฟเวอร์ตัน ก่อตั้งปี 1878 จากการเป็นทีมที่โบสถ์เซนต์โดมิงโก้ จากการรวบรวมของบาทหลวง “สาธุคุณ เบน สวิฟต์” แห่งคริสจักรเมธอดิสต์ แคว้นยอร์กเชอร์ นำวัยรุ่นมาเตะบอลที่เซนต์ โดมิงโก้
เอฟเวอร์ตัน ใช้สนามแอนฟิลด์ เป็นทีมแรก ปี 1884 ก่อนจะแยกตัวจาก แอนฟิลด์ ไปอยู่ กูดิสัน พาร์ค อย่างเป็นทางการเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1892
จนถือกำเนิด ลิเวอร์พูล ขึ้นมาอย่างเป็นทางการเมื่อ 3 มิถุนายน 1892
เจอกันนัดแรก 13 ตุลาคม 1894 เกมที่เรียกว่าเป็นเฟรนด์ลี่ย์ดาร์บี้ รวมถึงเป็น แฟมิลี่ดาร์บี้ เนื่องจากเป็นคู่เดียวในอังกฤษที่แฟนบอลสามารถนั่งด้วยกันได้ เพราะมันมาจากเบ้าหลอมเดียวกัน
กูดิสัน พาร์ค กับ แอนฟิลด์ ห่างกันไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เป็นดาร์บี้แมทช์ที่บ้านอยู่ใกล้กันที่สุดของแผ่นดินอังกฤษ
นักบอลล่าสุดที่ย้ายกันโดยตรงระหว่างสองทีมนี้คืออาเบล เซเวียร์ ปราการหลังฤาษีบดยาชาวโปรตุเกส ด้วยราคา 750,000 ปอนด์ จาก เอฟเวอร์ตัน มา ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2002 พร้อมกับเป็นนักบอลคนเดียวในประวัติศาสตร์ด้วยที่ลงสนามในเกมเมอร์ซี่ย์ไซด์ ดาร์บี้ ให้กับทั้งสองฝั่งในฤดูกาลเดียว
ที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน มักจะอยู่ในความรุงรังของ ลิเวอร์พูล อยู่เสมอๆ รุ่นผมที่นึกได้เลยก็คือ 4 เกมจะๆ นี้ที่กูดิสัน พาร์ค
ปี 1987-88 ลิเวอร์พูล สตาร์ทไร้พ่าย 29 นัด ก็แพ้ 0-1
ปี 1990-91 ผลเสมอ 4-4 เอฟเอ คัพ รอบ 5 นัดรีเพลย์ทำให้ เคนนี่ ดัลกลิช ลาออก
ปี 2018-19 ทีมสุดท้ายที่ดึงแต้ม ลิเวอร์พูล ได้ก็คือ เอฟเวอร์ตัน
ลิเวอร์พูล แพ้เกมเดียวในลีกตลอดทั้งฤดูกาล คือแพ้ให้กับ ซิตี้ ในแมทช์ 11.7 มิลลิเมตร ก่อนจะเสียแต้มครั้งสุดท้ายในนัดที่ 29 ด้วยการเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน แบบไม่มีสกอร์ เมื่อ 3 มีนาคม 2019 จากนั้นก็ชนะได้ทั้ง 9 เกม ก่อนจะไปแพ้ แมนฯซิตี้ แต้มเดียวทั้งที่กวาดไปถึง 97 แต้ม
บาดแผลลึกสุดคงไม่พ้นผลเสมอ 2-2 ในซีซั่น 2020-21 ซึ่ง เฟอร์จีล ฟาน ไดจ์ค เจ็บหนักและทีมพังทะลายในซีซั่นป้องกันแชมป์ลีก
มีคำพูดที่บางครัั้งไม่เกินจริงเลยที่ว่า หนึ่งปีเล่นดีอยู่สองเกมของ เอฟเวอร์ตัน นั่นคือ เหย้ากับ ลิเวอร์พูล และเยือนแอนฟิลด์
ทีนี้มาดูสถิติตั้งแต่ยุคสหัศวรรษใหม่กันว่ามันจริงเท็จขนาดไหน นับตั้งแต่ซีซั่น 2000-01 จนถึงปัจจุบัน 24 ปี
เจอกันทุกรายการ ลิเวอร์พูล ชนะได้ถึง 28 นัด เสมอ 19 เอฟเวอร์ตัน ชนะ 5 ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ 1 เกมในเอฟเอ คัพ
สถิติคู่นีั้จึงค่อนข้างขาดจากภาพรวม
ทีนี้มาเจาะกันเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาในการดวลกันที่กูดิสัน พาร์ค 23 เกมนั้น เอฟเวอร์ตัน ชนะได้แค่ 4 นัด เสมอ 9 ลิเวอร์พูล กำชัยไป 10 นัด
เพียงแต่ว่า 6 เกมหลัง เสมอถึง 5 และลิเวอร์พูล ชนะ 1 เมื่อ 1 ธันวาคม 2021 กระทั่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ลิ้มรสความพ่ายแพ้หนแรกเป็นการส่งท้ายการคุม ลิเวอร์พูล
ก่อนเกมมีประเด็น ดีโอโก้ โชต้า กองหน้าทีมชาติโปรตุเกส เจ็บซ้ำอีกครั้ง หลังจากกลับมาลงเล่นได้แค่ 2 เกม
ตั้งแต่ย้ายมาจาก วูล์ฟส์ ปัญหาชัดเจนของ โชต้า คืออาการบาดเจ็บที่เล่นงานเขาอยู่เรื่อยๆ รวมแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง
หนนี้ประเด็นคือพัก 2 สัปดาห์ แต่มันคือก่อนหน้านี้ในฤดูกาลเดียวกัน เจ็บไปแล้ว 2 รอบ หายไปถึง 19 เกม ส่วนปีก่อนก็เจ็บน่องจนพลาดไปฟุตบอลโลก 2022 เพราะต้องพักนานถึง 116 วัน
แถม โคดี้ กั๊คโป้ ที่กำลังอินฟอร์ม ต้องอยู่กับครอบครัว แต่ต้องไม่ลืมว่า 3 ประสานเกมรุกก็ไม่ธรรมดา แต่อยู่ในช่วงที่เราไม่รู้เลยว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กับ ดาร์วิน นูนเญซ ใครอาการหนักกว่ากัน
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงไปแล้ว 24 ประตู, ดาร์วิน นูนเญซ 18 ประตู, ดีโอโก้ โชต้า 15 ประตู, โคดี้ กั๊กโป้ 14 ประตู และหลุยส์ ดิอาซ 13 ประตู
แต่กลายทีมที่ต้องดิ้นรนกำลังทนทุกทุรณทุราย ทั้งที่ลงสนามไปก่อนหน้านี้ 53 เกม ชนะไปถึง 37 ยิงได้ 131 ลูก
พอลงเล่นจริง ๆ ทั้ง ซาลาห์-นูนเญซ-ดิอาซ พลาดโอกาสในครึ่งแรก และการป้องกันที่ย่ำแย่ตลอด ทำให้พังทลายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
ทีนี้มาที่จังหวะการเปลี่ยนตัวชุดแรก 3 คนไม่แปลก แต่ชุดสองประหลาดมาก ๆ เพราะเจอคำถามที่ว่า เมื่อคุณตามหลัง 0-2 แต่เปลี่ยนแบ๊กคู่แล้วเอาแบ๊กลง ทั้ง คอสตาส ซิมิกาส และโจ โกเมซ ลงมาทำไม
หนึ่งในม้านั่งสำรองมี เจย์เดน แดนส์ ทางเลือกหนึ่งเดียวในเกมรุกก็ไม่ใช้ ทำให้ควรจะต้องหาคนอธิบายในเรื่องนี้ เพราะมันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนย่อมผิดพลาด ไม่มีใครอยากแพ้ เพราะฉะนั้นอย่าทำให้นักบอลเป็นเป้าหมายในการเกลียดชังจากความผิดพลาดที่ไม่มีใครต้องการ
ฟาน ไดจ์ค กัปตันทีมลิเวอร์พูล บอกว่า ผิดหวังมากในหลายๆ ด้าน ทุกคนต้องส่องกระจกดูผลงานของตัวเองและคิดว่าจะทุ่มเททุกอย่างหรือไม่ ถ้าคุณเล่นเหมือนวันนี้ เราไม่มีโอกาสที่จะพิจารณาตัวเองในการแข่งขันชิงแชมป์
คล็อปป์ บอกว่า ทีมของเขายังไม่ปลอดภัยในการคว้าตำแหน่งแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่า ท็อตแน่ม ทีมอันดับ 5 จะตามหลังพวกเขาถึง 14 แต้มก็ตาม
ซึ่งตรงนี้มันเป็นเป้าหมายหลักที่เหลืออยู่ในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้
คล็อปป์ ได้ขอโทษแฟนบอลกับความพ่ายแพ้ ซึ่งนักข่าวถามว่า ทีมของคุณหมดลุ้นแชมป์แล้วหรือยัง เขาตอบว่า“ผมเข้าใจดีว่า จะตอบยังไง ให้คุณดูตารางคะแนนคงจะเข้าใจทุกอย่างได้ดี”
เป็นทุกอย่าง 2 เด้ง 2 ทิศทางล้านความหมาย เพราะมันแทบจะเป็นการการันตีว่า เอฟเวอร์ตัน จะไม่ตกชั้น และกลับกันคือมันแทบจะเป็นการการันตีว่า ลิเวอร์พูล จะไม่ได้แชมป์
BBC ระบุว่า อาจจะเป็นค่ำคืนกลางสัปดาห์ที่คลาสสิกที่สุด และทรงพลังที่สุดนับตั้งแต่เอาชนะ บาเยิร์น มิวนิคในฟุตบอล คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1985 เลยก็ว่าได้ และสำคัญคือมันเป็นคืนเดียวกันซะด้วยแต่คนละ ค.ศ.
ผลลัพธ์มันอาจจะไม่สำคัญถึงขั้นนั้น แต่เป็นค่ำคืนที่แฟนบอลทอฟฟี่เมน กับ เดอะ ค็อป จะจดจำแบบลืมไม่ลงไปอีกนาน
ในคืนแห่งความหลงใหลและความกราดเกรี้ยวที่กูดิสันพาร์ค
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี