พรีเมียร์ลีก ระบุว่า จะมีการตัดสินผิดพลาดเกิดขึ้นอีกนับร้อยเคสในซีซั่นใหม่2024-25 หากสโมสรโหวตให้ยกเลิกการใช้ วีดีโอช่วยเหลือในการตัดสิน หรือ VAR

ลีกได้ส่งเอกสารสรุปไปยังทั้ง 20 สโมสรก่อนการประชุมสามัญประจำปีในวันพฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยอธิบายเหตุผลว่าทำไมจึงต้องการว่า VAR ควรยังคงอยู่

“หมาป่า” วูล์ฟส์ เป็นทีมแรกที่ยื่นมติ “ไม่ต้องการใช้ VAR” อย่างเป็นทางการต่อพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลที่ว่าทำไมควรจะให้เกิดการโหวตให้ใช้ VARหลังจากมีแนวโน้มว่า สโมสรในพรีเมียร์ลีกไม่น่าจะลงคะแนนผ่านข้อเสนอนี้ แม้ว่าจะมีการประกาศ VAR ในโปรโตคอลเกมการแข่งขันซีซั่นหน้าแล้วก็ตาม

พรีเมียร์ลีกส่ง “แผนการปรับปรุง VAR” ไปยังสโมสรต่างๆ เมื่อวันพุธ ซึ่งเขียนโดย โทนี่ สโคลส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฟุตบอล (chief football officer)

BBC Sport ระบุว่า มีความเป็นไปได้ในผลกระทบที่คาดการณ์ไว้ว่าจะลบระบบ VAR ออกจากการแข่งขัน ซึ่งอาจจะนำพาไปสู่การตัดสินที่ “กำหนดการแข่งขัน” บางอย่างจากผู้ตัดสินในสนามซึ่งไม่ถูกต้องในโลกฟุตบอลปัจจุบัน

เหตุผลของสโมสรต่างๆ ในการยกเลิก VAR จะช่วยให้ขอบเขตในการแข่งขันและความล่าช้าลดลง อย่างไรก็ตามผลที่ตามมา พรีเมียร์ลีก ระบุว่า “จะเกิดข้อผิดพลาดในการตัดสินมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” ประมาณ 100 ครั้งต่อฤดูกาล รวมถึงเหตุการณ์การตัดสินใจแข่งขันที่มีการโต้เถียงกันอย่างมากซึ่งอาจเป็นการแข่งขันที่สำคัญอย่างยิ่งยวดจนทำให้สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเดิม

พรีเมียร์ลีก ยังระบุด้วยว่า มีการแทรกแซง VAR ที่ไม่ถูกต้องเพียง 5 ครั้งเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เทียบกับการเรียกที่ถูกต้อง 105 ครั้ง นี่คือการปรับปรุงในปี 2022-23 ที่มีการตัดสิน VAR ผิด 11 ครั้ง และถูกต้อง 105 ครั้ง

เหตุผลอื่นๆ ที่อ้างถึงที่จะเก็บ VAR ก็คือพรีเมียร์ลีก มีความมุ่งมั่นตามสัญญาต่อองค์ประกอบต้นทุนการดำเนินงานที่สำคัญของ VAR ในอีก 3 ปี
ข้างหน้า

เนื่องจากพรีเมียร์ลีกจะเป็นลีกใหญ่เพียงลีกเดียวของยุโรปที่จะลบ VAR หากการโหวตผ่าน 14 จาก 20 เสียง โดยลีกเตือนว่ามันจะ “อาจสร้างความเสียหาย” ต่อชื่อเสียง ในขณะที่ผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ยิ่งจะไม่ได้รับมอบหมายงานสำคัญสำหรับการแข่งขันทั้งในระดับยุโรป (ยูฟ่า) และระดับโลก (ฟีฟ่า) อีกด้วย

ในเอกสารสรุปฉบับเดียวกัน พรีเมียร์ลีกยอมรับว่ามีปัญหาเกี่ยวกับ VAR ที่กำลังพยายามจัดเรียง รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจให้สั้นลงอีกด้วย

อัตราความล่าช้าโดยเฉลี่ยในเกมสำหรับการตรวจสอบ VAR กินเวลาเฉลี่ยต่อครั้งอยู่ที่ 64 วินาที ในฤดูกาล 2023-24 เพิ่มขึ้นจาก 40 วินาที ในปี 2022-23

การเปลี่ยนแปลงที่คาดหวังอย่างหนึ่งคือการใช้ประกาศ VAR ในเกมจากผู้ตัดสิน ซึ่งฟีฟ่าเปิดตัวในการแข่งขันหลายครั้งเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงฟุตบอลโลกหญิงปี 2023 ด้วย

หนังสือจากสโมสร “หมาป่า” วูล์ฟส์ระบุว่า “วูล์ฟส์ ขอแย้งว่าการใช้ VARได้นำไปสู่การเลิกเข้ามาชมเกมมากขึ้นในหมู่แฟนบอลในพรีเมียร์ลีก เนื่องจากส่งผลเสียต่อประสบการณ์การแข่งขัน ส่งผลให้เกิดความไม่แยแสในเกม, เกิดความเกลียดชัง และการทำลายความไว้วางใจต่อผู้ตัดสินและเจ้าหน้าที่ของฟุตบอล”

“ข้อมูลในพรีเมียร์ลีกแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของการตัดสินใจที่ถูกต้องจาก 82% ก่อน VAR เป็น 96% ด้วยซ้ำ ซึ่งประเด็นของความแม่นยำไม่ได้เยอะไปกว่า ประเด็นของการถกเถียง มันได้ทำร้ายต้นทุนในการสนุกสนานของดูฟุตบอลไปอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ความสมบูรณ์ของเกมถูกทำลายลงเนื่องจากการหยุดชะงักที่ยาวนานและการใช้โปรโตคอล VAR ที่ไม่สอดคล้องกันกับการแข่งขันจริง”