ศึกฟุตบอลยูโร 2024 ในค่ำคืนวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2024 ลงสนาม 3 คู่เริ่มต้นด้วยนัดแรกของกลุ่ม อี ในเวลา 20.00 น. ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่าในเมืองมิวนิค “ผีดิบ” โรมาเนีย จะพบกับ ยูเครน โดยมี เกล็นน์ ไนเบิร์ก จากสวีเดน เป็นผู้ตัดสิน
ความพร้อมเริ่มที่ โรมาเนีย อาจจะไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีต แต่ก็ผ่านมาเล่นในทัวร์นาเมนท์สำคัญได้อยู่เสมอ ชุดนี้คุมทีมโดย เอ็ดเวิร์ดโลร์ดาเนสคู ผลงานในการอุ่นเครื่อง 4 เกมหลังไม่ชนะใครเลย เสมอ 3 แพ้ 1 นี่คือฟุตบอลยูโรรอบสุดท้ายหนที่ 6 ของพวกเขาดีสุดคือการไปถึงรอบ 8 ทีมเมื่อปี 2000 ชุดนี้ไม่ได้มีสตาร์ดัง ที่พอคุ้นชื่อก็คือ ราดู ดรากูซิน แนวรับจากท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ตรงกลางยังมีกัปตันทีมอย่าง นิโคไล สตานซิอูที่ติดทีมมานาน รวมไปถึง ยานิส ฮาจี้ ลูกชายของ จอร์จี้ ฮาจี้ อดีตแข้งระดับตำนานจะเป็นตัวปั้นเกมในแดนกลาง แนวรุกฝากความหวังไว้ที่ เดนนิส มาน, เดนิส ดรากุส และวาเลนติน มิไฮล่า
ทางฝั่ง ยูเครน ฝ่ายเข้ารอบมาด้วยการเพลย์ออฟเอาชนะ บอสเนียฯ แม้จะเจอภาวะสงครามในประเทศ แต่มาตรฐานของฟุตบอลยังยอดเยี่ยม ชุดนี้คุมทีมโดย เซอร์เกย์ เรบรอฟ ขุมกำลังถือว่าแข็งแกร่ง ตามรายงานอาจจะต้องทดสอบความฟิตของวิตาลี่ มิโคเลนโก้ แบ๊กซ้ายจากเอฟเวอร์ตัน แต่คาดว่าน่าจะได้สตาร์ทตัวจริง ส่วนด่านสุดท้ายต้องเลือกระหว่าง อนาโตลี ทรูบิน หรืออังเดรย์ ลูนิน ที่ผลงานดีทั้งคู่ นอกนั้นอยู่กันครบ วาง ทาราสสเตปาเนนโก้ คุมแดนกลางร่วมกับ จอร์จี้ ซูดาคอฟ และโอเล็คซานเดอร์ชินเชนโก้ โดยมี วิคเตอร์ ซีกานคอฟ, อาร์เต็ม ดอฟบิค และมิคายโล มูดริค เป็นสามประสานในแนวรุก
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 8 ครั้งในทุกรายการ ไม่เคยจบลงด้วยผลเสมอ ยูเครน ชนะ 5 โรมาเนีย ชนะ 3 และไม่เคยพบกันในฟุตบอลยูโร
โรมาเนีย (4-1-4-1) : ฟลอริน นิต้า, อังเดรีย ราติอู, ราดู ดรากูซิน, บ็อกดาน ราโควิตาน, นิคูซอร์ บานคู, ราซวาน มาริน, เดนนิส มาน, ยานิส ฮาจี้, นิโคไล สตานซิอู, ยานิส ฮาจี้, วาเลนตินมิไฮล่า และเดนิส ดรากุส
ยูเครน (4-3-3) : อังเดรย์ ลูนิน, ยูคิม โคโนเพลีย, อิลเลียซาบาร์นยี่, มิโคล่า มัตวิเยนโก้, วิตาลี่ มิโคเลนโก้, จอร์จี้ ซูดาคอฟ,ทาราส สเตปาเนนโก้, โอเล็คซานเดอร์ ชินเชนโก้, วิคเตอร์ซีกานคอฟ, อาร์เต็ม ดอฟบิค และมิคายโล มูดริค
สกอร์ที่คาด : โรมาเนีย 0-2 ยูเครน
คู่ต่อมายังอยู่ในกลุ่ม อี “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียมจะพบกับ สโลวะเกีย ในเวลา 23.00 น. ลงเล่นที่ ดอยซ์ แบงก์อารีน่า ในเมืองแฟร้งค์เฟิร์ต โดยมี อูมุต เมแลร์ จากตุรกี เป็นผู้ตัดสิน
ความพร้อมเริ่มที่ เบลเยียม ไม่เคยคว้าแชมป์รายการนี้ผลงานที่ดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 2 เมื่อปี 1980 ชุดนี้คุมทัพมาโดย โดมินิโก้ เตเดสโก้ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลียน เป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดอันดับ 2 ในทัวร์นาเมนท์นี้ รองจาก ยูเลี่ยนนาเกลส์มันน์ ไม่มี ติโบต์ กูร์กตัวส์ ทำให้มือหนึ่งคาดว่า โคเอน กาสตีลล์ จากโวล์ฟสบวร์ก จะได้เฝ้าเสา นอกนั้นที่เรียกมาถือว่าไม่มีปัญหาอะไรใช้ระบบ 4-3-3 วางอักเซล วิตเซล คุมแดนกลางร่วมกับ อมาดู โอนาน่า โดยมี เควิน เดอ บรอยน์ คอยบัญชาการเกมรุกป้อนบอลให้กับสามประสานในแดนหน้าอย่าง เลอันโดร ทรอสซาร์, โรเมลู ลูกากู และเฌเรมี่ โดกู
ทางฝั่ง สโลวะเกีย มาตรฐานยังยอดเยี่ยมเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายในรายการนี้เป็นหนที่ 3 ติดต่อกัน ใช้บริการกุนซืออิตาเลี่ยนอย่าง ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า ชุดนี้ไม่มี “ไอ้หัวขวาน” มาร์เร็ค ฮัมซิค ที่รีไทร์ไปแล้ว ปลอกแขนกัปตันเป็นของ มิลาน สครีเนียร์ แนวรับจากเปแอสเช แกนหลักที่เหลือล้วนแต่ค้าแข้งในยุโรป มาในระบบ 4-3-3 เช่นกัน นำโดย ยูราย คุซก้า, สตานิสลาฟ โลบอตก้า, ออนเดรย์ ดูด้า และลูคัส ฮาราสลิน โดยมี เลโอ ซอเออร์ ดาวรุ่งวัย 18 ปี จากเฟเยนูร์ด รอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรอง
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 3 ครั้งเป็นเกมอุ่นเครื่องทั้งหมด เบลเยียม ไม่แพ้เลย ชนะ 1 และเสมอ 2
เบลเยียม (4-3-3) : โคเอน กาสตีลล์, ทีโมธี กาสตานเญ่, เว้าท์ ฟาส, แยน แฟร์ตองเก้น, อาร์ตูร์ เธียต, อมาดู โอนาน่า, อักเซล วิตเซล, เควิน เดอ บรอยน์, เลอันโดร ทรอสซาร์, โรเมลู ลูกากู และเฌเรมี่ โดกู
สโลวะเกีย (4-3-3) : มาร์ติน ดูบราฟก้า, ปีเตอร์ เปคาริค เดนนิส พาฟโร่, มิลาน สคีร์เนียร์, เดวิด ฮานค์โก้, ยูราย คุซก้า, สตานิสลาฟ โลบอตก้า, ออนเดรย์ ดูด้า, ลูคัส ฮาราสลิน, โรเบิร์ต โบเซนิค และโทมัส ซุสลอฟ
สกอร์ที่คาด : เบลเยียม 2-0 สโลวะเกีย
ปิดท้ายด้วยคู่ดึกสุด นัดแรกกลุ่ม ดี ลงเล่นในเวลา 02.00 น.“ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์ 2 สมัย ในปี 1984 และ 2000 จะพบกับออสเตรีย ความพร้อมเริ่มที่ ออสเตรีย ชุดนี้คุมทัพโดย ราล์ฟ รังนิค เทรนเนอร์มากประสบการณ์ ช่วงหลังมาตรฐานดีเข้ารอบสุดท้ายในทัวร์นาเมนท์ใหญ่อย่างต่อเนื่อง น่าเสียดายที่ชุดนี้ไม่มี ดาวิด อลาบา ที่บาดเจ็บ นักเตะส่วนใหญ่ค้าแข้งในบุนเดสลีกาตามรายงานไม่มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเพิ่มเติมคาดว่าจะมาในระบบ 4-2-3-1 นำโดย นิโคลัส ไซวัลด์, คอนราด ไลเมอร์, โฟลเรียน ไคนซ์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์, คริสตอฟ เบาม์การ์ตเนอร์และมาร์โก อาร์เนาโตวิช
ทางฝั่ง ฝรั่งเศส รองแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ถูกยกให้เป็นเต็ง 2 ของรายการ ยังคงคุมทัพโดย ดิดิเย่ร์ เดสชองส์ ลงอุ่นเครื่องมา 2 เกม ถล่มลักเซมเบิร์ก 3-0 และเสมอแคนาดา 0-0 ขุมกำลังยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม แต่เชื่อเรื่องวุ่นในแคมป์ที่พาเดอร์บอร์น เพราะมีไวรัสไข้หวัดระบาด ทำให้ 2 แนวรุกอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้และคิงสลีย์ โกมาน ความฟิต รวมไปถึง ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ที่ไม่น่าจะได้ออกสตาร์ท ที่เหลือถือว่าอยู่ครบ มาในระบบ 4-2-3-1 วอร์เรน ซาอีร์-เอเมรี่ น่าจะได้รับโอกาสลงเล่นร่วมกับ อาเดรียงราบิโอต์ โดยมี อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และคีลิยันเอ็มบัปเป้ ประสานงานเกมรุกป้อนบอลให้หน้าเป้าอย่าง โอลิวิเย่ร์ชิรูด์
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม 25 ครั้งในทุกรายการ ฝรั่งเศส ชนะ 13 เสมอ 3 และออสเตรีย ชนะ 9 ดวลกันรายการนี้ 2 ครั้งในปี 1959 และ1960 “ตราไก่” ชนะได้หมด
ออสเตรีย (4-2-3-1) : แพทริค เพนทซ์, ฟิลิปป์ เอ็มเวเน่, เควิน ดานโซ่, แม็กซ์ วือเบอร์, สเตฟาน พอสช์, นิโคลัส ไซวัลด์,คอนราด ไลเมอร์, โฟลเรียน ไคนซ์, มาร์เซล ซาบิตเซอร์,คริสตอฟ เบาม์การ์ตเนอร์ และมาร์โก อาร์เนาโตวิช
ฝรั่งเศส (4-2-3-1) : ไมค์ เมญอง, ฌูลส์ คุนเด้, อิบราฮิม่าโกนาเต้, ดาโยต์ อูปาเมกาโน่, เตโอ แอร์กนองเดซ, วอร์เรน ซาอีร์-เอเมรี่, อาเดรียง ราบิโอต์, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์
สกอร์ที่คาด : ออสเตรีย 1-2 ฝรั่งเศส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี